พบผลลัพธ์ทั้งหมด 257 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1037/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบพยานในคดีแพ่ง: ผู้กล่าวอ้างต้องพิสูจน์
โจทก์ฟ้องว่ากู้เงินแล้วมอบที่มือเปล่าให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ยจำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้กู้แต่โจทก์ขายให้ และจำเลยได้ครอบครองมากว่าสองปีแล้ว ดังนี้หน้าที่นำสืบก่อนตกอยู่แก่โจทก์ เมื่อไม่สืบพยานโจทก์ก็ต้องแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองสุราเกิน 5 ลิตร จำเลยมีหน้าที่นำสืบ แต่ฟ้องไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยรู้ว่าเป็นสุราผิดกฎหมาย
ตาม พ.ร.บ.พาสีชั้นไนแก้ไขเพิ่มเติม พ.ส. 2467 ม. 4 วัค 3 บัญญัติไห้ผู้ครอบครองน้ำสุราเกินกว่า 5 ลิตร์ สแดงว่าได้ซื้อมาจากผู้ที่ควนขายนั้น เปนเพียงข้อสันนิถานของกดหมายไห้จำเลยมีหน้าที่นำสือบเท่านั้น หาไช่บทบัญญัติความผิดไม่.ฟ้องว่าจำเลยมีน้ำสุราไนความครอบครอง แต่มิได้บันยายว่าจำเลยรู้ว่าเปนสุราที่ขายหรือทำขึ้น ฯลฯ โดยมีผิดกดหมายแล้วเปนฟ้องเคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้าเหรียญกษาปณ์และความแตกต่างของหน้าที่ในการนำสืบพยานหลักฐานตามชนิดของเหรียญ
การค้าเหรียญกษาปณ์ไม่ว่าเหรียญกษาปณ์ชนิดใดใดเป็นความผิด เหรียญกษาปณ์ชนิด 20 สตางค์หรือต่ำกว่ามีกฎหมายสันนิษฐานว่าบุคคลที่มีไว้เกินจำนวนที่กฎหมายกำหนดเป็นผู้มีไว้เกินสมควร ส่วนเหรียญกษาปณ์ชนิดอื่นไม่มีข้อสันนิษฐานเช่นนั้น ดังนี้ ความต่างกันอยู่ที่หน้าที่นำสืบ ผู้รับเหรียญกษาปณ์เป็นจำนวนมากมาจากผู้ชำระหนี้ ไม่ถือว่าเป็นผู้ทำการค้าเหรียญกษาปณ์ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบพยาน: ศาลอุทธรณ์ยึดตามที่จำเลยยอมรับ แม้โจทก์อ้างหน้าที่จำเลย
ศาลเดิมถือว่าเป็นหน้าที่โจทก์นำสืบก่อนแล้วให้จำเลยชนะคดีศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นหน้าที่โจทก์สืบก่อนแต่ต้องถือเอาตามที่จำเลยยอมรับเป็นผู้นำสืบก่อน แต่คงให้จำเลยชนะคดีอ ดังนี้ แม้โจทก์จะฎีกาว่าเป็นหน้าที่จำเลยนำสืบก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลง ฎีกาย่อมตกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบพยานในคดีรับจ้างกระทำชำเราสำส่อน: ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวนได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับจ้างกระทำชำเราสำส่อน จำเลยให้การปฏิเสธเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบว่าจำเลยรับจ้างกระทำชำเราสำส่อนคือเป็นหญิงนครโสเภณีแล้ว ส่วนข้อที่ไม่ได้รับอนุญาตเป็นหน้าที่จำเลยจะต้องนำสืบ เมื่อศาลล่างยังไม่ได้พิจารณาวินิจฉัยข้อเท็จจริงข้อใด ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาข้อเท็จจริงและพิพากษาใหม่ตามรูปความได้ ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2486
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบพยานในคดีสัญญา ผู้ผิดสัญญาต้องพิสูจน์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหาย จำเลยรับว่าได้ทำสัญญาจริง แต่ต่อสู้ว่าโจทก์เป็นผู้ผิดสัญญาและปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ได้เสียหายเช่นนี้ เป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ลายมือชื่อในเอกสาร และหน้าที่ในการนำสืบพยานหลักฐาน
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งว่าใบมอบฉันทะที่มีลายมือโจทก์เป็นโมฆะและขอให้ทำลายการโอนระหว่างโจทก์กับจำเลย.ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ. คดีมีประเด็นว่าใบมอบฉันทะเป็นลายมือโจทก์และภรรยาหรือไม่. จำเลยมิได้มีพยานผู้ชำนาญมาสืบ. จึงไม่ควรฟังว่าเป็นลายมือโจทก์นั้น เป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบในคดีอาญา: เมื่อพยานโจทไม่พอใจศาล จำเลยไม่ต้องนำสืบ
ในคดีอุกฉกรรจ์เปนหน้าที่โจทจะต้องนำสืบไห้เปนที่พอไจของสาลว่าจำเลยได้จะทำผิดจิงไม่ว่าจะเปนคดีจำเลยไห้การต่อสู้ไปไนทางป้องกันหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบเมื่อจำเลยอ้างข้อตกลงใหม่หลังรับว่าผิดสัญญา ศาลต้องพิจารณาตามที่จำเลยกล่าวอ้าง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยตกลงขายข้าวสารให้โจทก์ 400 กระสอบราคากระสอบละ 11.17 บาทและรับเงินมัดจำไว้แล้ว 200 บาท จำเลยให้การรับว่าได้ตกลงขายข้าวสารให้โจทก์ตามที่กล่าวจริง แต่โจทก์ไม่ชำระเงินและรับข้าวไปในวันที่กำหนด ดังนี้วันที่ตกลงให้รับข้าวเป็นข้อที่จำเลยกล่าวอ้างขึ้นมาใหม่และโจทก์มิได้รับ จำเลยจึงต้องนำสืบก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้อ้างว่าเรือนไม่ใช่ของเจ้าของที่ดิน ต้องมีหน้าที่นำสืบ
ผู้ใดอ้างว่าเรือนซึ่งปลูกอยู่ไม่ใช่ของเจ้าของที่ดินผู้นั้นมีหน้าที่นำสืบ