พบผลลัพธ์ทั้งหมด 284 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้ของคู่สมรสหลังการหย่าและการไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะผู้รับมรดก
โจทก์ฟ้องว่าสามีจำเลยกู้เงินโจทก์ไปใช้จ่ายหาเลี้ยงในครอบครัวเมื่อสามีตายจำเลยเป็นผู้รับมรดกจึงขอให้จำเลยรับผิด
เมื่อคดีโจทก์ฟังไม่ได้ว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(1) จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดร่วมกับนายวุ่น โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานจำเลยเป็นภรรยานายวุ่นได้
ทั้งข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดฐานเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น
เมื่อคดีโจทก์ฟังไม่ได้ว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(1) จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดร่วมกับนายวุ่น โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานจำเลยเป็นภรรยานายวุ่นได้
ทั้งข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดฐานเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่าจากการระหองระแหง, ทิ้งร้าง, และไม่ส่งเสียเลี้ยงดู
ตามจดหมายที่จำเลยมีไปถึงโจทก์ 2 ฉบับ แสดงออกชัดว่ามีการระหองระแหง จำเลยบอกใบ้จะมีภรรยาใหม่ รบเร้าให้เพิกถอนทะเบียนสมรส และจำเลยก็มิได้ให้เห็นเหตุเป็นอย่างอื่น จดทะเบียนสมรสแล้วหลับนอนกันคืนแรกคืนเดียวต่อๆ มายิ่งนานก็ยิ่งแสดงออกว่าหมดความรักใคร่ต่อกันยิ่งขึ้น และมิได้ส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์มาเป็นเวลากว่าปีแล้ว ถือว่ามีเหตุสมควรที่จะให้หย่ากันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่า: การละทิ้งภรรยาและประกอบพิธีสมรสใหม่ ถือเป็นการสละภรรยาเดิม
สามีแยกกับภรรยาเดิมไปประกอบพิธีแต่งงานกับหญิงอื่นใหม่เช่นนี้เป็นการกระทำแสดงออกชัดว่าสามีสละละทิ้งภรรยาเด็ดขาดไปแล้ว กล่าวคือถ้าจำเลยไม่รับรองต่อภรรยาคนใหม่ว่าเลิกกับภรรยาเดิมเด็ดขาดแล้วภรรยาคนใหม่และผู้ปกครองจะไม่ประกอบพิธีให้ หากเป็นการที่จำเลยตั้งใจกล่าวเท็จแก่ภรรยาคนใหม่ให้หลงเข้าใจผิดก็เป็นการกระทำที่เย้ยหยันแก่ภรรยาเดิมให้ได้รับความอัปยศอดสูเป็นอย่างยิ่งเช่นนี้ก็ดี และการที่ภรรยาใหม่อยู่กินกับสามียังบ้านเรือนสามีก็เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันระหว่างสามีกับภรรยาเดิมอย่างร้ายแรงก็ดี ทั้งหลายนี้เป็นเหตุให้ภรรยาฟ้องหย่าได้ อนึ่งแม้จะปรากฏภายหลังว่าภรรยาคนใหม่ได้ละทิ้งสามีไปเสียแล้วก็หาใช่ความดีของสามีที่จะนำมาเป็นเหตุแก้ตัวได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในทรัพย์สินหลังหย่า: เจตนาชัดเจนถือเป็นอันสิ้นสุด
โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกัน แล้วโจทก์(ภริยา) ได้โอนกรรมสิทธิที่ดินของตนให้จำเลย(สามี)แล้วทำหนังสือสละทรัพย์สินส่วนของตนให้แก่จำเลยโดยระบุไว้แจ้งชัดว่าสละให้เพราะจะไปอยู่กินกับชายชู้ แล้วโจทก์กับจำเลยได้จดทะเบียนหย่าขาดกันโดยโจทก์ได้แสดงเจตนาเมื่อจดทะเบียนหย่ายืนยันสละสิทธิของโจทก์ในทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาโดยกล่าวว่าไม่มีอะไรจะแบ่งกันแล้วดังนี้ ย่อมฟังได้ว่าการหย่าและแบ่งทรัพย์ระหว่างโจทก์จำเลยได้เสร็จเด็ดขาดไปแล้วโจทก์จะกลับรื้อฟื้นฟ้องร้องว่ายังไม่ได้แบ่งทรัพย์กันนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863-864/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพรางการหย่าและซื้อขายทรัพย์สิน: โมฆะเมื่อเจตนาหลอกลวง
สามีภริยาไปจดทะเบียนหย่าที่อำเภอ แต่ความจริงนั้นทั้งสองฝ่ายมิได้มี่เจตนาจะหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยา กันเลย ที่ทำไปก็เพื่อจะลวงผู้อื่นเกี่ยวกับทรัพย์สินของสามีภริยานั่นเอง แล้วภริยาทำนิติกรรมขายที่ดินบ้านเรือนอัน เป็นสินเดิมให้สามีเพื่อกีดกันบุตรของภริยาอันเกิดแก่สามีคนเก่า แต่ความจริงมิได้ขายกัน ดังนี้ นิติกรรมซื้อขาย ย่อมเป็นโมฆะ.
ภริยามีเจตนาจะขายฝากที่ดินแก่ผู้อื่น แต่เนื่องจากไม่เข้าใจในกิจธุระเช่นนี้ และไม่รู้หนังสือ สามีจัดการขายฝาก ให้แก่ผู้อื่นไป โดยสามีใช้กลฉ้อฉล ดังนี้ เมื่อที่ดินนั้นกลับตกมาเป็นของสามีอีก และสามีภริยามิได้เจตนาหย่ากัน จริง สามีจะเอาที่ดินนั้นไว้เป็นของตนไม่ได้/
ภริยามีเจตนาจะขายฝากที่ดินแก่ผู้อื่น แต่เนื่องจากไม่เข้าใจในกิจธุระเช่นนี้ และไม่รู้หนังสือ สามีจัดการขายฝาก ให้แก่ผู้อื่นไป โดยสามีใช้กลฉ้อฉล ดังนี้ เมื่อที่ดินนั้นกลับตกมาเป็นของสามีอีก และสามีภริยามิได้เจตนาหย่ากัน จริง สามีจะเอาที่ดินนั้นไว้เป็นของตนไม่ได้/
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่าโดยความยินยอมและการสิ้นสุดสภาพสมรสที่จดทะเบียนต่างประเทศ
สามีภริยายื่นคำร้องต่อกรมการอำเภอ มีข้อความกล่าวไว้ชัดแจ้งว่าทั้งสองฝ่ายตกลงหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่ายมีพยานลงลายมือชื่อสองคนดังนี้ก็ถือได้ว่า หนังสือคำร้องนั้นเป็นหนังสือหย่าอย่างบริบูรณ์ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1498
ชายไทยทำการสมรสกับหญิงต่างด้าว ณ ต่างประเทศได้จดทะเบียนณ ต่างประเทศ โดยมิได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานทูตหรือกงศุลไทยตามมาตรา 1450 วรรคท้าย นั้นการสมรสดังว่านี้ เป็นการสมรสที่มิได้ทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฉะนั้นการหย่าจึงไม่ต้องจดทะเบียนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก็ใช้ได้
ชายไทยทำการสมรสกับหญิงต่างด้าว ณ ต่างประเทศได้จดทะเบียนณ ต่างประเทศ โดยมิได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานทูตหรือกงศุลไทยตามมาตรา 1450 วรรคท้าย นั้นการสมรสดังว่านี้ เป็นการสมรสที่มิได้ทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฉะนั้นการหย่าจึงไม่ต้องจดทะเบียนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก็ใช้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่าจากความผิดของสามีและการกำหนดค่าอุปการเลี้ยงดู
ศาลพิพากษาให้หย่าเพราะสามีเป็นฝ่ายผิด ศาลพิพากษาให้สามีจ่ายค่าอุปการเลี้ยงดูแก่ภริยาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาถึงบาดเจ็บเป็นเหตุให้หย่าได้
สามีใช้กำปั้น ใช้เท้าเตะ และใช้ไม้โตเท่าผลส้มเขียวหวานตีภรรยา มีบาดแผลบวมช้ำเขียว รวม 23 แห่งด้วยกัน ต้องรักษาตัวอยู่รวม 20 กว่าวัน มีนายแพทย์มาเบิกความประกอบว่า ภรรยต้องรักษาตัวอยู่ที่ศุขศาลา 17 วัน มีอาการเจ็บที่อก ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บและเป็นเหตุให้ภริยาฟ้องขอหย่าจากสามีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาเป็นเหตุให้หย่าได้
สามีใช้กำปั้นตีใช้เท้าเตะและใช้ไม้โตเท่าผลส้มเขียวหวานตีภรรยามีบาดแผลบวมช้ำเขียว รวม 23 แห่งด้วยกัน ต้องรักษาตัวอยู่รวม 20 กว่าวัน มีนายแพทย์มาเบิกความประกอบว่าภรรยาต้องรักษาตัวอยู่ที่สุขศาลา 17 วัน มีอาการเจ็บที่อก ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บและเป็นเหตุให้ภริยาฟ้องขอหย่าจากสามีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่า: สามีทำร้ายร่างกาย-ทอดทิ้งภริยา-มีชู้
เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เกิดบุตรหญิงด้วยกันคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ อยู่มาภริยาสังเกตเห็นว่าสามีรักหญิงอื่น นอกใจภริยาเกิดต่อว่ากันขึ้น สามีด่าว่าภริยา และด่าว่ากันเนืองๆ บางคราวก็ใช้เท้าถีบภริยาใช้พร้าขว้างภริยาไปร้องต่อผู้ใหญ่บ้านแสดงความประสงค์จะไม่เลี้ยงดูภริยา และยังขับไล่ภริยาออกจากบ้าน ภริยาต้องไปอยู่กับยาย,สามียังห้ามไม่ให้ภริยากลับบ้านสำทับว่าถ้าขืนกลับจะทำร้ายเอา,ระหว่างนั้นสามีไม่สนใจต่อภริยาทำเหมือนภริยาเป็นคนอื่น เหล่านี้เป็นเหตุเพียงพอแล้วที่จะให้หย่าได้