พบผลลัพธ์ทั้งหมด 297 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลบหนีระหว่างควบคุมตัว: การควบคุมตัวต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ผู้ใหญ่บ้านไปจับจำเลยในคดีที่หาว่าจำเลยเบิกความเท็จแล้วพาตัวไปอำเภอแต่ความปรากฏว่าระหว่างทางผู้ใหญ่บ้านให้จำเลยข้ามคลองไปก่อนและจำเลยว่าจะไปคอยข้างหน้าผู้ใหญ่บ้านอนุญาตดังนี้การที่จำเลยไปแล้วกลับหลบหลีกไม่ไปอำเภอเช่นนี้จะฟังว่าจำเลยหลบหนีในระหว่างคุมขังตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 163 ยังไม่ได้เพราะในระหว่างนั้นจำเลยไม่ได้อยู่ในความควบคุมหรือคุมขังของผู้ใหญ่บ้านได้ความดังนี้แล้วปัญหาอื่นเรื่องผู้ใหญ่บ้านจะมีอำนาจจับกุมและการจับกุมจะต้องมีหมายจับหรือไม่ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบคิดทำร้ายร่างกาย: การตีความพฤติการณ์หลบหนีร่วมกันเพื่อพิสูจน์เจตนา
จำเลย 3 คนยืนฟังหมอรำอยู่ด้วยกันคนหนึ่งใช้สากตีศรีษะผู้เสียหายที่เดินผ่านมาแล้ววิ่งหนีไป อีก 2 คนวิ่งไปด้วยยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ไม่ได้ลงมือตีเป็นตัวการในการทำร้ายร่างกายด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย แม้ไม่ถูกตัว แต่มีเจตนาและพฤติการณ์ใกล้ชิด
ใช้มีดแทง ผู้เสียหายหลบมีดจึงไม่ถูกผู้เสียหาย เป็นความผิดตาม มาตรา 254,60
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกจำเลยคดีอาญา: การที่จำเลยไม่ได้หลบหนี ย่อมไม่ออกหมายจับ
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย 40 บาท จำเลยชำระค่าปรับครบแล้ว อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา แต่ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยไม่ได้ เพราะไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ที่ไหน มิใช่ว่าจำเลยพยายามจะหลบตัว ไม่รับสำเนาฎีกาของโจทก์หรือตั้งใจจะหลบหนีคดี ดังนี้ ศาลย่อมไม่ออกหมายจับจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีอาญาและการจำหน่ายคดี: เมื่อจำเลยหลบหนีและพ้นกำหนดอายุความ
จำเลยถูกฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 288, 293 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องจำเลยฎีกา เมื่อยื่นฎีกาแล้ว จำเลยหลบหนีไป ศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดี แล้ว จำเลยหลบหนีไปเกิน 5 าปี ซึ่งเป็นกำหนดเวลาเกินกว่าอายุความที่จะฟ้องร้องแล้วนั้น คดีย่อมขาดอายุความ./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลกระทบการหลบหนีต่อการพิจารณาคดีของจำเลยอื่น และอำนาจศาลในการแก้ไขคำพิพากษา
เมื่อคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์จำเลยคนหนึ่งหลบหนีแต่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีเกี่ยวแก่จำเลยทุกคนตลอดจนจำเลยที่หลบหนีด้วยให้ปล่อยบางคน คงลงโทษบางคน โจทก์ฎีกาแม้จำเลยคนที่หลบหนีจะถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษและมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ดี ศาลฎีกาก็พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะคดีที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังเกินสมควร ยิงผู้ร้ายขณะหลบหนี
ยิงผู้ร้ายที่กำลังถือห่อของ ขณะกำลังวิ่งหนี โดยผู้ร้ายมิได้กระทำอะไรแก่ตน ดังนี้ ย่อมเป็นการรุนแรงเกินสมควรแก่เหตุไป ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 53
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายยื่นอุทธรณ์แทนจำเลยที่หลบหนี ไม่กระทบความชอบด้วยกฎหมายของอุทธรณ์
ทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจากตัวความในคดีอาญาให้ใช้สิทธิอุทธรณ์,ฎีกาได้นั้น ย่อมมีอำนาจลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์แทนตัวความได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยฟังคำพิพากษาแล้วได้หลบหนีเรือจำไป แล้วทนายจำเลยจึงได้ทำฟ้องอุทธรณ์ลงชื่อทนายในอุทธรณ์ แทนจำเลย นำไปยืนต่อศาลภายในกำหนดอายุความอุทธรณ์ดังนี้ ย่อมถือเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และเมื่อภายหลังจำเลยได้ถูกจับตัวมาแล้วศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิจารณาพิพากษาคดีไปได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยฟังคำพิพากษาแล้วได้หลบหนีเรือจำไป แล้วทนายจำเลยจึงได้ทำฟ้องอุทธรณ์ลงชื่อทนายในอุทธรณ์ แทนจำเลย นำไปยืนต่อศาลภายในกำหนดอายุความอุทธรณ์ดังนี้ ย่อมถือเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และเมื่อภายหลังจำเลยได้ถูกจับตัวมาแล้วศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิจารณาพิพากษาคดีไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาเฉพาะจำเลยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว กรณีจำเลยหลบหนี
จำเลยในคดีอาญาหลบหนียังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียคนหนึ่ง คงฟังแต่จำเลยอีกคนหนึ่งอีกคนหนึ่งเพียงคนเดียว แม้โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 2 คนก็ตาม ก็ถือว่าคดีเฉพาะจำเลยที่หลบหนี โจทก์ยังฎีกาไม่ได้ ศาลฎีกาคงวินิจฉัยเฉพาะจำเลยที่ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1469/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันชิงทรัพย์: การกระทำเพื่อช่วยเหลือการหลบหนีและความรุนแรงเป็นองค์ประกอบสำคัญ
จำเลยที่ 1 เป็นคนเดินแซกเข้าไปลักปากกาจากกระเป๋าเสื้อเจ้าทรัพย์พาหนีไป จำเลยที่ 2 เดินเข้ามาชนกระแทกไหล่เจ้าทรัพย์เซไป แล้วเดินตามไปด้วยกันและถูกจับพร้อมกันในขณะที่เดินไปด้วยกันดังนี้ เพียงพอที่จะชี้ได้ว่า การที่จำเลยที่ 2 ใช้กำลังกายกระแทกไหล่เจ้าทรัพย์ให้เซไปก็เพื่อหน่วงเหนี่ยวการติดตามของเจ้าทรัพย์ให้ช้ลงโดยประสงค์ให้เป็นความสดวกในการที่จำเลยที่ 1 จะพาทรัพย์ที่ลักไปจากเจ้าทรัพย์หนีไปให้พ้นและเพื่อให้จำเลยที่ 1 รอดพ้นอาญาสำหรับความผิดที่ได้กระทำลง และการใช้กำลังกายกระแทกไหล่ เป็นการใช้กำลังทำร้ายอย่างหนึ่ง จำเลยทั้งสองที่สมคบกันในการนี้ จึงต้องมีผิดฐานชิงทรัพย์