คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,515 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5395/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้รับอนุญาตใช้สิทธิแต่ผู้เดียว แม้ไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง
โจทก์เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิจากเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่อง TIANDI ซึ่งเป็นการอนุญาตให้โจทก์แต่ผู้เดียวหรือโดยเด็ดขาด ในการฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวในประเทศไทยรวมทั้งการนำไปผลิตเป็นโฮมวิดีโอในประเภทวิดีโอซีดีและดิจิตอลเวอร์แซทไทล์ดิสก์ ออกให้เช่าและขายด้วยตลอดระยะเวลา 60 เดือน อันเป็นลิขสิทธิ์บางส่วนในงานภาพยนตร์ การที่จำเลยทั้งสองนำภาพและเสียงของภาพยนตร์เรื่องTIANDI ไปผลิตเป็นแผ่นวิดีโอซีดีออกจำหน่ายแก่ประชาชนในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ในระหว่างอายุสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิโดยเด็ดขาด จึงเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่โจทก์มีสิทธิใช้แต่ผู้เดียวในประเทศไทย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5360/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล: เทศบาลไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนคำวินิจฉัยคุณสมบัติผู้สมัคร
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 ได้กำหนดช่องทางให้บุคคลเสนอคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลต่อศาลได้เพียง 2 กรณี กรณีแรกผู้มีสิทธิเลือกตั้งเห็นว่าผู้ไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งผู้ใดไปสมัครรับเลือกตั้งและมีการประกาศชื่อให้รับผู้นั้นเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง กรณีที่สองผู้เลือกตั้งไม่น้อยกว่าสิบคนหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดในเขตเลือกตั้งนั้นเห็นว่า การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นเป็นไปโดยไม่ชอบ แต่โจทก์ซึ่งเป็นเทศบาลตำบลเสนอคำฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้พิจารณาและวินิจฉัยคุณสมบัติของสมาชิกสภาเทศบาล จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะเสนอคำฟ้องได้ ทั้งไม่มีบทบัญญัติใดแห่งกฎหมายให้อำนาจโจทก์ที่จะเสนอคำฟ้องเช่นนี้ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะ: บุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองสิทธิแค่รับมรดก
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 บิดามีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น ส่วนบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 ให้ถือเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีผลทำให้เป็นผู้มีสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมเท่านั้นเมื่อ ช. ผู้ตายไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายในการอุปการะเลี้ยงดูเด็กชาย ส. และเด็กชาย ว. บุตรของโจทก์ โจทก์ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กชายทั้งสองจึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าอุปการะจากจำเลยผู้ทำละเมิดแก่ผู้ตายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5124/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีตั๋วสัญญาใช้เงิน แม้บริษัทผู้รับอาวัลถูกระงับกิจการ และมีกระบวนการปฏิรูปสถาบันการเงิน
จำเลยที่ 1 ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินโดยมีจำเลยที่ 2 ซึ่งประกอบกิจการบริษัทเงินทุนเป็นผู้รับอาวัลให้แก่โจทก์ แม้ก่อนที่ตั๋วสัญญาใช้เงินจะถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะมีคำสั่งให้ระงับการดำเนินกิจการของจำเลยที่ 2 ทำให้จำเลยที่ 2 ไม่สามารถจ่ายเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์ และต่อมาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542 คณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (คณะกรรมการ ปรส.) ได้มีประกาศเรื่อง การขอรับชำระหนี้สำหรับเจ้าหนี้และการจัดสรรเงินจากการขายทรัพย์สินให้แก่เจ้าหนี้ก็ตาม คำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังดังกล่าวมิได้มีผลให้หนี้ระหว่างจำเลยที่ 2 และโจทก์ระงับไป จำเลยที่ 2 ยังคงต้องรับผิดต่อโจทก์อยู่เช่นเดิม ส่วนการบังคับชำระหนี้จะดำเนินการโดยวิธีใดนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อพิจารณาประกอบกับมาตรา 26 แห่ง พ.ร.ก. การปฏิรูประบบสถาบันการเงินจะเห็นได้ชัดเจนว่า กฎหมายบัญญัติห้ามไว้แต่เฉพาะจะฟ้องบริษัทที่ถูกระงับการดำเนินกิจการและสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องเป็นคดีล้มละลาย ในระหว่างดำเนินการตามแผนเพื่อการแก้ไขฟื้นฟูที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ปรส. ไม่ได้เท่านั้น ส่วนประกาศของคณะกรรมการ ปรส. ว่าด้วยการยื่นคำขอรับชำระหนี้ก็มิได้บังคับว่า เจ้าหนี้จะต้องยื่นขอรับชำระหนี้ต่อคณะกรรมการ ปรส. เท่านั้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องต่างกัน: คดีเพิกถอน น.ส.3ก. กับคดีรบกวนการครอบครอง ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) สำหรับที่ดินพิพาท เป็นการกล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานที่ดินออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินของรัฐโดยมิชอบ ในคดีดังกล่าวศาลฎีกาพิพากษาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เพราะโจทก์ครอบครองที่ดินหลังจากประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับแล้ว โจทก์ไม่ได้สิทธิครอบครองโดยชอบตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ประเด็นแห่งคดีที่ศาลวินิจฉัยจึงมีเพียงประเด็นเดียวว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทหรือไม่ ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ในคดีก่อนและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท ซึ่งเป็นการฟ้องขอให้ปลดเปลื้องการรบกวนการครอบครองตาม ป.พ.พ. บรรพ 4 ลักษณะ 3 ว่าด้วยการครอบครอง ประเด็นแห่งคดีที่ต้องวินิจฉัยในคดีนี้จึงมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้ห้ามจำเลยทั้งสามและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทได้หรือไม่ ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับคดีก่อน ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดเครื่องหมายการค้า: โจทก์มีอำนาจฟ้องแม้ไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าโดยตรง ความเสียหายประเมินตามผลกระทบต่อชื่อเสียงและคุณภาพสินค้า
ปัญหาว่าโจทก์จะเป็นผู้ผลิตสินค้าหรือไม่ ไม่ใช่ข้อสำคัญ เมื่อโจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้ารูปและคำว่า WAXY ใช้กับสินค้าน้ำยาเคลือบเบาะหนังและจำเลยทั้งสองนำเครื่องหมายการค้ารูปและคำว่า WAXY ไปใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกันกับของโจทก์โดยไม่มีสิทธิ เป็นการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนได้
ส่วนความเสียหายของโจทก์ แม้ยอดขายสินค้าของโจทก์จะต่ำลง และหลังจากจำเลยทั้งสองถูกจับกุมยอดขายสินค้าของโจทก์จะเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่จำเลยทั้งสองก็เป็นเพียงผู้รับสินค้ารายหนึ่งจากผู้ผลิตสินค้ามาจำหน่ายมิใช่ผู้ผลิตสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของโจทก์ การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของโจทก์จึงไม่ใช่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ยอดขายสินค้าของโจทก์ลดลงจำนวนมาก แต่ถือเป็นความเสียหายเพียงส่วนหนึ่งที่จำเลยทั้งสองต้องร่วมรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของเครื่องหมายการค้า: แม้มิได้ผลิตเองก็มีอำนาจฟ้องละเมิดได้
โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้ารูปและคำว่า WAXY ใช้กับสินค้าน้ำยาเคลือบเบาะหนัง จำเลยนำเครื่องหมายการค้าดังกล่าว ไปใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกันโดยไม่มีสิทธิใด ๆ ตามกฎหมาย เป็นการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนในความเสียหายใด ๆ ที่โจทก์ได้รับจากการกระทำของจำเลยได้ แม้โจทก์จะเป็นผู้ผลิตสินค้าดังกล่าวหรือไม่ ไม่ใช่ข้อสำคัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2546 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเพิกถอนจำนองที่ดิน - อำนาจฟ้อง - บุคคลภายนอก - มาตรา 145 ป.วิ.พ.
โจทก์ฟ้องว่า ส. ไม่ยอมโอนที่ดินตามฟ้องให้โจทก์ตามข้อตกลง โจทก์จึงได้อายัดที่ดินตามฟ้องไว้และฟ้อง ส. ให้ปฏิบัติตามข้อตกลง ระหว่างคดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด จำเลยทั้งสองมีคำสั่งให้จดทะเบียนที่ดินดังกล่าวระหว่าง ส. กับธนาคาร ก. จึงขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองนั้น ปรากฏว่าก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ทราบอยู่แล้วว่า ส. และธนาคาร ก. ได้ทำนิติกรรมจำนองเกี่ยวกับที่ดินตามฟ้องกัน ผู้โต้แย้งสิทธิและผู้ทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินตามฟ้องนอกจากจำเลยทั้งสองแล้วยังมี ส. และธนาคาร ก. แต่โจทก์ฟ้องเพียงจำเลยทั้งสองเท่านั้น และมิได้ฟ้องหรือเรียก ส. และธนาคาร ก. ผู้ทำนิติกรรมจำนองที่ดินเข้ามาเป็นคู่ความด้วย การขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนจำนองที่ดินตามฟ้องดังกล่าวเป็นการขอให้ศาลพิพากษากระทบถึงสิทธิของบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความในคดี ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองดังกล่าว ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเพิกถอนนิติกรรมจำนองที่ไม่ถูกต้อง การฟ้องต้องรวมคู่ความทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
ก่อนฟ้องโจทก์ทราบอยู่แล้วว่า ส. กับธนาคารได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนจำนองที่ดินตามฟ้องกัน ผู้โต้แย้งสิทธิและผู้ทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินตามฟ้องนอกจากจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินแล้วยังมี ส. และธนาคาร แต่โจทก์ฟ้องจำเลยเท่านั้น และมิได้เรียก ส. และธนาคารเข้ามาเป็นคู่ความด้วย การที่โจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งการจดทะเบียนจำนองที่ดินอันเป็นการขอให้ศาลพิพากษากระทบถึงสิทธิของบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความในคดี จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 โจทก์มิอาจฟ้องบังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเพิกถอนการจดทะเบียนจำนองที่ไม่รวมคู่กรณีที่เกี่ยวข้อง ทำให้ขาดอำนาจฟ้อง
ก่อนที่โจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานที่ดิน และจำเลยที่ 2 กรมที่ดินให้เพิกถอนคำสั่งจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาท โจทก์ทราบอยู่แล้วว่า ส. และธนาคาร ก. ได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนจำนองที่ดินดังกล่าวมาก่อน แต่โจทก์กลับฟ้องเพียงจำเลยทั้งสองเท่านั้น มิได้ฟ้องหรือเรียก ส. และธนาคาร ก. ผู้ทำนิติกรรมจำนองที่ดินเข้ามาเป็นคู่ความด้วย ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทจึงเป็นการขอให้ศาลพิพากษากระทบถึงสิทธิของบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความในคดีต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โจทก์มิอาจฟ้องบังคับได้ ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
of 452