คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,077 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5999/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำฟ้องเกี่ยวกับยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดชิงทรัพย์ และการพิสูจน์เจตนาของผู้กระทำผิด
คำฟ้องของโจทก์ระบุเพียงว่า ก่อนชิงทรัพย์จำเลยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกในการเดินทางมาทำการชิงทรัพย์ จะแปลข้อความไปในทางที่เป็นผลร้ายว่า จำเลยใช้รถจักรยานยนต์เพื่อกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ไม่ได้ เพราะจำเลยอาจเพียงแต่ใช้รถจักรยานยนต์เดินทางมาและจอดรถไว้แล้วเดินไปยังที่เกิดเหตุซึ่งอยู่อีกแห่งหนึ่งแล้วทำการชิงทรัพย์โดยไม่ใช้รถจักรยานยนต์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลยก็ได้ คำฟ้องโจทก์จึงไม่อาจแปลได้ว่าจำเลยใช้รถจักรยานยนต์เพื่อกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ที่จะต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5981/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษ: ความชัดเจนของคำขอและเจตนาของจำเลยมีผลต่อการพิจารณา
การระบุหมายเลขคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้มาบวกเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้เห็นได้ชัดแจ้งว่าเป็นการพิมพ์หมายเลขคดีแดงผิดพลาดจาก 566/2542 เป็น 556/2542ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย ทั้งจำเลยให้การรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์ขอให้บวกโทษ ซึ่งได้ระบุรายละเอียดทั้งฐานความผิดและโทษที่พิพากษามาด้วย อันเป็นการแสดงว่าจำเลยเข้าใจคำขอให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ จึงหาทำให้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่การที่ศาลนำโทษจำคุกในคดีก่อนที่รอการลงโทษไว้มาบวกเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้ จึงมิได้เป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5794/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเข้าร่วมการกระทำผิดค้ายาเสพติด แม้ไม่ได้ครอบครองยาเสพติดโดยตรง ก็ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
พฤติการณ์ของจำเลยที่ 3 ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางนับแต่การที่จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางกับจำเลยที่ 1 และที่ 2ไปพบตำรวจที่ปลอมตัวเป็นผู้ซื้อที่จุดนัดพบ เมื่อตำรวจขอให้จำเลยที่ 1 ไปส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้ที่บ้านเช่าที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 3 ก็ได้ร่วมเดินทางตามไปที่บ้านดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่เข้าไปอยู่ในบ้าน เมื่อจำเลยที่ 1นำเมทแอมเฟตามีนออกส่งมอบให้ตำรวจตรวจนับดูว่าครบจำนวนที่จะซื้อขายกันหรือไม่จำเลยที่ 3 ก็ได้นั่งล้อมวงดูอยู่ด้วย และขณะตำรวจนับไปได้ 4 ถึง 5 เม็ดจำเลยที่ 3 ยังพูดรับรองว่าไม่ต้องนับหรอกของที่เอามาเต็มจำนวน แสดงให้เห็นโดยชัดเจนว่า จำเลยที่ 3 ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมาตั้งแต่ต้น แม้จะมิได้เป็นผู้ครอบครองเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวด้วยตนเองก็รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 3 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5794/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาและพฤติการณ์ร่วมกระทำความผิดค้ายาเสพติด แม้ไม่ได้ครอบครองเองก็ผิดได้
จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน และพฤติการณ์ของจำเลยที่ 3 ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางนับแต่การที่จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไปพบนายดาบตำรวจ พ. กับพวกซึ่งปลอมตัวเป็นผู้ซื้อเมทแอมเฟตามีนที่จุดนัดพบ เมื่อนายดาบตำรวจ พ. ขอให้จำเลยที่ 1 ไปส่งมอบเมทแอมเฟตามีนที่บ้านเช่าที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 3 ก็ได้ร่วมเดินทางตามไปด้วย และขณะที่จำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนออกมาส่งมอบให้นายดาบตำรวจ พ. ตรวจนับ จำเลยที่ 3 ก็ได้นั่งล้อมวงดูอยู่ด้วย และขณะนายดาบตำรวจ พ. นับไปได้ 4 ถึง 5 เม็ด จำเลยที่ 3 ยังพูดรับรองว่าไม่ต้องนับหรอก ของที่เอามาเต็มจำนวน 200 เม็ด เช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นโดยชัดเจนว่า จำเลยที่ 3 ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมาตั้งแต่ต้น แม้จะมิได้เป็นผู้ครอบครองเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวด้วยตนเองก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5688/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีซีดีละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อขาย แม้ไม่มีการล่อซื้อ ก็ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์
จำเลยเอากล่องซีดีภาพยนตร์พร้อมปกซึ่งมีภาพและชื่อของภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ ประมาณ 100 เรื่อง วางแสดงไว้ที่หน้าร้านเพื่อเตรียมไว้เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป แม้ภายในกล่องจะไม่มีแผ่นซีดีภาพยนตร์อยู่ก็ตาม แต่จำเลยก็สามารถไปนำแผ่นซีดีภาพยนตร์ที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของกลางที่อยู่หลังร้านออกมาขายให้แก่ผู้ซื้อได้ หากจำเลยมีแผ่นซีดีภาพยนตร์ของกลางไว้โดยไม่มีเจตนาเพื่อจะขายแผ่นซีดีและแม้คดีนี้จะไม่มีการล่อซื้อแผ่นซีดีภาพยนตร์จากจำเลย แต่การที่จำเลยมีแผ่นซีดีภาพยนตร์หลายเรื่องหลายแผ่นไว้ พร้อมทั้งมีการวางกล่องกับปกซีดีภาพยนตร์ไว้ในร้านแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยได้ว่าจำเลยมีแผ่นซีดีภาพยนตร์ของกลางไว้เพื่อขายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31 (1), 70 วรรคสอง
จำเลยกระทำผิดโดยเพียงแต่มีแผ่นซีดีภาพยนตร์ซึ่งมีบุคคลอื่นทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมทั้งเจ็ดไว้เพื่อขายจำนวนเพียง 102 แผ่น ตามคำฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จ่ายเงินค่าปรับกึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ก็มิได้ขอให้จ่ายเงินแก่ผู้เสียหายคนละเท่า ๆ กัน และไม่ปรากฏเหตุอันควรที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศจะพิพากษาให้จ่ายเงินค่าปรับกึ่งหนึ่งแก่ผู้เสียหายทั้งเจ็ดซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่เข้าเป็นโจทก์ร่วมคนละเท่า ๆ กัน ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรแก้ไขเป็นให้จ่ายเงินค่าปรับที่จำเลยได้ชำระตามคำพิพากษากึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์ร่วมทั้งเจ็ดตามคำขอในคำฟ้องของโจทก์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5678/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดหลายกรรมตามกฎหมายต่างพระราชบัญญัติ จำเลยมีเจตนาประสงค์ต่อผลแตกต่างกัน
จำเลยกระทำผิดฐานขายยาบรรจุเสร็จหลายขนาน โดยจัดเป็นชุดในคราวเดียวกัน ฐานประกอบกิจการและดำเนินกิจการสถานพยาบาล และฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม การกระทำความผิดแต่ละข้อหาของจำเลย เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายต่างพระราชบัญญัติกันโดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลแตกต่างกัน สามารถแยกการกระทำแต่ละความผิดได้ จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5645/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คที่สมบูรณ์ แม้ผู้ลงลายมือชื่อไม่ได้เขียนจำนวนเงิน/วันที่เอง หากเจตนาตรงกับข้อตกลงและผู้รับทราบ
จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระค่าเช่ารถขุดดินให้แก่โจทก์ร่วม โดยส่งมอบเช็คพิพาทให้ อ. พนักงานของโจทก์ร่วมในทันทีที่จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท แม้จำเลยจะเพียงแต่ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทก็ตาม แต่จำนวนเงินที่ลงในเช็คพิพาทและรายการวัน เดือน ปี ที่ออกเช็คจำเลยหาจำต้องเป็นผู้เขียนลงไว้ในเช็คพิพาทด้วยลายมือของจำเลยเองไม่ จำเลยอาจให้บุคคลอื่นเขียนหรือพิมพ์ข้อความดังกล่าวให้ก็ได้ หากข้อความถูกต้องตรงกับเจตนาของจำเลยในการออกเช็คพิพาทก็ถือว่าเป็นการออกเช็คที่สมบูรณ์แล้ว เมื่อ อ. รับเช็คพิพาทจากจำเลยแล้วกรอกจำนวนเงินและวัน เดือน ปี ที่ออกเช็คต่อหน้าจำเลยโดยความยินยอมของจำเลยในทันทีที่รับมอบเช็คพิพาท ในกรณีนี้ต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ออกเช็คพิพาท เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5645/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คที่สมบูรณ์ แม้ผู้รับมอบอำนาจเป็นผู้กรอกรายละเอียดเช็ค โดยผู้สั่งจ่ายลงลายมือชื่อเท่านั้น
จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์ร่วม โดยส่งมอบเช็คให้ อ. พนักงานของโจทก์ร่วมในทันทีที่จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่าย เมื่อ อ. รับเช็คแล้วได้กรอกจำนวนเงินและวัน เดือน ปี ที่ออกเช็คลงในเช็คต่อหน้าจำเลยและโดยความยินยอมของจำเลย แม้จำเลยเพียงแต่ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็ค แต่รายการดังกล่าว จำเลยหาจำต้องเป็นผู้เขียนลงไว้ด้วยลายมือของจำเลยเองไม่ ถือได้ว่าเป็นการออกเช็คที่สมบูรณ์แล้วเมื่อจำเลยเป็นผู้ออกเช็ค และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5608/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนต้องเกิดจากเจตนา และกรณีที่นายจ้างไม่ส่งเงินสมทบโดยที่ผู้ประกันตนไม่ทราบ
พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ. 2533 ลักษณะ 2 หมวด 1 บัญญัติให้เรื่องการเป็นผู้ประกันตน รวมถึงการสิ้นสุดของความเป็นผู้ประกันตน อยู่ในกรอบอำนาจหน้าที่และการควบคุมของสำนักงานประกันสังคมจำเลย และยังให้สิทธิแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกันตนต่อจำเลยตามมาตรา 39 ว่า หากโจทก์ไม่พอใจคำสั่งของเลขาธิการสำนักงานประกันสังคมหรือของพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมที่สั่งการตามกฎหมายฉบับนี้ ให้โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันได้รับแจ้งคำสั่งตามมาตรา 85 คณะกรรมการอุทธรณ์ที่จัดตั้งขึ้นตามมาตรา 86 ก็เป็นคณะกรรมการของจำเลยโดยให้ผู้แทนสำนักงานประกันสังคมเป็นกรรมการและเลขานุการเพื่อต้องการให้คณะกรรมการอุทธรณ์ได้ตรวจสอบคำสั่งของเลขาธิการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมอีกชั้นหนึ่ง คำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์จึงเป็นคำสั่งในหน่วยงานของจำเลย นอกจากนี้มาตรา 87 วรรคท้าย ยังได้บัญญัติรับรองสิทธิของโจทก์ไว้อีกว่า คำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่พอใจให้มีสิทธินำคดีไปสู่ศาลแรงงานภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ดังนี้เมื่อจำเลยแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 แก่โจทก์ โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ และคณะกรรมการอุทธรณ์ของจำเลยมีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์โจทก์ การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 55 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 31 โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลย
พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ. 2533 มีเจตนารมณ์เพื่อให้การสงเคราะห์แก่ลูกจ้างและบุคคลอื่น บทบัญญัติมาตราใดที่กำหนดเงื่อนไขให้บุคคลดังกล่าวต้องสิ้นสิทธิจึงต้องตีความอย่างเคร่งครัดว่าต้องเป็นกรณีกระทำโดยเจตนาเท่านั้น มาตรา 41 (4) ที่บัญญัติให้ความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 สิ้นสุดลงเมื่อผู้ประกันตนไม่ส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกันจึงหมายถึงกรณีที่ผู้ประกันตนไม่ส่งเงินสมทบโดยจงใจ และไม่มีพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งผู้ประกันตนต้องรับผิดชอบ โจทก์ไม่ทราบมาก่อนว่า ธนาคาร ท. นายจ้างโจทก์ยกเลิกการส่งเงินสมทบแทนโจทก์และโจทก์ไม่ได้จงใจไม่ส่งเงินสมทบ ทั้งไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งโจทก์ต้องรับผิดชอบ ความเป็นผู้ประกันตนของโจทก์จึงยังไม่สิ้นสุดลงตามมาตรา 41 (4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5608/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ต้องพิจารณาเจตนาและเหตุสุดวิสัยของผู้ประกันตน
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์เป็นคำสั่งในหน่วยงานของสำนักงานประกันสังคมจำเลย ทั้งพระราชบัญญัติประกันสังคมพ.ศ. 2533 มาตรา 87 วรรคท้าย ก็บัญญัติอีกว่า ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่พอใจคำวินิจฉัยดังกล่าวให้มีสิทธินำคดีไปสู่ศาลแรงงานได้ ดังนี้ เมื่อจำเลยแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 แก่โจทก์ โจทก์อุทธรณ์ คณะกรรมการอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลย
พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 มีเจตนารมณ์เพื่อให้การสงเคราะห์แก่ลูกจ้างและบุคคลอื่น บทบัญญัติใดที่กำหนดเงื่อนไขให้บุคคลดังกล่าวต้องสิ้นสิทธิจึงต้องตีความอย่างเคร่งครัดว่าต้องเป็นกรณีกระทำโดยเจตนาเท่านั้น ดังนั้น บทบัญญัติ มาตรา 41(4)ที่ให้ความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 สิ้นสุดลงเมื่อผู้ประกันตนไม่ส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน จึงหมายถึงกรณีที่ผู้ประกันตนไม่ส่งเงินสมทบโดยจงใจและไม่มีพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งผู้ประกันตนต้องรับผิดชอบ เมื่อโจทก์ไม่ทราบมาก่อนว่าบริษัทนายจ้างยกเลิกการส่งเงินสมทบแทนโจทก์ และโจทก์ไม่ได้จงใจไม่ส่งเงินสมทบทั้งไม่มีพฤติการณ์ซึ่งโจทก์ต้องรับผิดชอบ ความเป็นผู้ประกันตนของโจทก์จึงยังไม่สิ้นสุดลงตามมาตรา 41(4)
of 408