คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนาทุจริต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 431 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2305/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตและความรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 158
แม้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 158 จะไม่ได้บัญญัติว่ามีเจตนาทุจริตจึงจะเป็นความผิด แต่ผู้กระทำจะมีความผิดตามมาตรานี้ได้ต่อเมื่อมีเจตนากระทำ
จำเลยเป็นพนักงานสอบสวนผู้เก็บรักษาเช็คและใบคืนเช็คซึ่งจะต้องคืนให้โจทก์ เช็คและใบคืนเช็คนั้นสูญหายไปโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้นเอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือยอมให้ผู้อื่นกระทำเช่นนั้น ดังนี้ จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 158 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์สินของนายจ้างโดยลูกจ้าง และเจตนาทุจริตในการลักทรัพย์
กล้องถ่ายภาพยนตร์เป็นของกรมแรงงาน อยู่ในความรับผิดชอบดูแลรักษาของ ส. จำเลยเป็นลูกจ้างประจำ ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ช่างภาพ ส. ได้มอบกุญแจตู้เหล็กเก็บกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้จำเลยเก็บรักษา บางครั้ง ส. กับจำเลยไปถ่ายภาพในกิจการของกรมแรงงาน บางครั้งจำเลยไปคนเดียว นำกล้องถ่ายภาพยนตร์ไปได้โดยไม่ต้องรายงาน ส. แต่เสร็จราชการแล้วต้องนำไปเก็บไว้ที่เดิม ถ้าเสร็จงานเมื่อหมดเวลาราชการ จำเลยนำไปไว้ที่บ้านได้ วันเปิดทำงานก็นำเอาไปเก็บที่เดิมเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่า ส. ได้มอบการครอบครองกล้องถ่ายภาพยนตร์ให้แก่จำเลย จำเลยเอากล้องถ่ายภาพยนตร์ไปโดยเจตนาทุจริต ย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจากการหลอกลวงซื้อขายที่ดิน: เจตนาทุจริตและผลกระทบต่อผู้เสียหาย
เดิมผู้เสียหายได้รับซื้อฝากที่ดินไว้จากจำเลย ครบกำหนดไถ่จำเลยไม่ไถ่ปรากฏว่าที่ดินดังกล่าวเป็นคนละแปลงกับที่จำเลยนำชี้ผู้เสียหายจึงร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยจำเลยขอผัดว่าจะไถ่ภายใน 1 เดือน แล้วบอกผู้เสียหายว่า จำเลยทำสัญญาจะซื้อที่ดินไว้แปลงหนึ่ง ได้วางมัดจำไว้ด้วย แล้วพาผู้เสียหายไปดู โดยนำชี้ว่าที่ดินอยู่ติดโรงเรียนความจริงที่ดินตามโฉนดนั้นอยู่ห่างจากที่จำเลยชี้ถึง 6 กิโลเมตร และมีราคาต่ำต่อจากนั้นจำเลยได้นำผู้เสียหายไปสอบถามผู้รับจำนองที่ดินตามโฉนดนั้นผู้รับจำนองก็รับสมอ้างว่าเคยเห็นที่ดินอยู่หลังโรงเรียนและมีราคาสูง พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการวางแผนหลอกลวงผู้เสียหายเป็นขั้นๆ เพื่อให้หลงเชื่อว่าที่ดินที่จะซื้อมีราคาสูงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทำสัญญาซื้อขายอันเป็นเอกสารสิทธิกับเจ้าของที่ดิน โดยจำเลยได้เงินส่วนที่เกินกว่าราคาที่แท้จริงไปการกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการกระทำโดยทุจริต เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาต่อผู้พิพากษา: การกระทำต้องมีเจตนาทุจริตและมีมูลความผิดชัดเจน
โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีอาญา ฟ้องผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเป็นจำเลยโดยกล่าวหาว่าจำเลยแกล้งหน่วงเหนี่ยวกักขังโจทก์ โดยข่มขืนใจให้ ส.แก้ราคาหลักทรัพย์ของ ย.ผู้ขอประกันตัวโจทก์จากราคา 120,000 บาท ให้เหลือเพียง 60,000 บาทจนไม่พอประกัน กับแกล้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยมีเจตนาทุจริตไม่ยอมตีราคาหลักทรัพย์ของผู้ขอประกันเมื่อ 9 นาฬิกา จนเมื่อเวลาศาลจะปิดทำการแล้วจึงแจ้งแก่โจทก์ว่าหลักทรัพย์ไม่พอ ทำให้โจทก์ไม่มีโอกาสไปหาหลักทรัพย์มาเพิ่มได้ทันทำให้โจทก์ถูกขังต่อมา แต่เมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วจะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยผู้ทำหน้าที่ศาลได้ตรวจดูหลักประกันตามบัญชีทรัพย์ที่ผู้ขอประกันยื่นมานั้นว่าจะเชื่อถือได้เพียงใดหรือไม่แล้วเห็นว่าตีราคาสูงกว่าราคาที่แท้จริงมากนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลเห็นว่าผู้ประกันไม่ควรตีราคาหลักประกันให้สูงผิดความจริงไปมากอันจะทำให้ศาลสิ้นความเชื่อ ถือจึงได้ให้แก้ไขเสียให้ใกล้เคียงกับราคาจริง หากจะต้องเสียเวลาไปบ้างก็เป็นการกระทำที่อยู่ในการใช้ดุลยพินิจภายในขอบอำนาจของผู้พิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเมื่อข้อเท็จตามคำบรรยายฟ้องก็ไม่มีข้อที่จะแสดงว่าจำเลยกระทำไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ชอบด้วย กฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นแต่อย่างใด ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยแกล้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยมีเจตนาทุจริตดังที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้อง การกระทำของจำเลยดังที่โจทก์ฟ้องจึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 310 ที่โจทก์ขอให้ลงโทษที่ศาลยกฟ้องโดยไม่ไต่สวนมูลฟ้องจึงชอบแล้ว
ฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยข่มขืนใจให้ ส.แก้ราคาหลักทรัพย์ในบัญชีทรัพย์ที่ ย.ยื่นขอประกันจำเลย บัญชีทรัพย์นี้จึงเป็นเอกสารซึ่งผู้ขอประกันทำยื่นต่อศาลหาใช่เอกสารซึ่งจำเลยมีหน้าที่ทำไม่ และจำเลยมิได้รับรองเป็นหลักฐานหรือละเว้นไม่จดข้อความอันใดลงในเอกสารนั้น จึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามมาตรา 161 และ 162

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2431/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการลักทรัพย์: เจตนาทุจริตและการแบ่งหน้าที่ชัดเจนบ่งชี้ความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยทั้งสามร่วมคบคิดกันมาก่อนที่จะลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย ได้ว่าจ้างรถยนต์แท๊กซี่ไปด้วยกัน เมื่อถึงสถานที่ที่จะลงมือลักทรัพย์ก็แบ่งหน้าที่กัน โดยจำเลยที่ 1 เข้าไปในบ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ที่ 3 คอยอยู่ในรถใกล้ ๆ บ้ายผู้เสียหาย จำเลยที่ 3 นั่งคู่กับคนขับ บอกให้เลื่อนรถไปข้างหน้าอีก 1 ช่วงเสาไฟฟ้า ในลักษณะคุมคนขับให้คอบรับจำเลยที่ 1 กับทรัพย์ที่ลักมา เมื่อจำเลยที่ 1 ลักทรัพย์มาได้แล้วก็ขึ้นรถและจำเลยที่ 3 บอกให้ขับรถหนีไป ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันลักทรัพย์รายนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2431/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการลักทรัพย์, การร่วมกระทำความผิด, พฤติการณ์สนับสนุนการกระทำผิด
จำเลยทั้งสามร่วมคบคิดกันมาก่อนที่จะลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย ได้ว่าจ้างรถยนต์แท็กซี่ไปด้วยกัน เมื่อถึงสถานที่ที่จะลงมือลักทรัพย์ก็แบ่งหน้าที่กัน โดยจำเลยที่ 1 เข้าไปในบ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ที่ 3คอยอยู่ในรถใกล้ๆ บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 3 นั่งคู่กับคนขับบอกให้เลื่อนรถไปข้างหน้าอีก 1 ช่วงเสาไฟฟ้า ในลักษณะคุมคนขับให้คอยรับจำเลยที่ 1 กับทรัพย์ที่ลักมา เมื่อจำเลยที่ 1 ลักทรัพย์มาได้แล้วก็ขึ้นรถและจำเลยที่ 3 บอกให้ขับรถหนีไปถือได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันลักทรัพย์รายนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2354/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์ vs. ยักยอกทรัพย์: การเก็บทรัพย์ที่ตกหล่นและรู้เจ้าของเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
การที่ถุงกระดาษใส่เงินและทรัพย์มีค่าของผู้เสียหายตกอยู่บนทางในเวลากลางวัน ขณะผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์จะกลับบ้าน โดยผู้เสียหายไม่ทราบว่าตกตรงไหน แต่คาดหมายได้ว่าตกในระหว่างทางที่ผ่านมาซึ่งเป็นระยะทางประมาณ 3 เส้น ทันทีที่ผู้เสียหายรู้ตัวก็กลับรถไปตามหา และตามไปจนพบจุดที่ถุงกระดาษตก แต่ปรากฏว่าจำเลยเก็บไปเสียก่อนแล้วนั้น จำเลยย่อมรู้หรือควรรู้ว่าอยู่ในระหว่างเวลาที่เจ้าทรัพย์ติดตามหา การที่จำเลยเก็บเอาไปจึงเป็นการฉวยโอกาสเอาทรัพย์ไปจากการครอบครองของเจ้าทรัพย์ ก่อนที่เจ้าทรัพย์จะติดตามมาทัน เมื่อผู้เสียหายตามไปพบและขอคืน จำเลยก็ไม่ยอมคืน เป็นการแสดงเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์สินหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2354/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉวยโอกาสเก็บทรัพย์ที่ตกหล่นของผู้เสียหาย และการแสดงเจตนาทุจริตถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
การที่ถุงกระดาษใส่เงินและทรัพย์มีค่าของผู้เสียหายตกอยู่ระหว่างทางในเวลากลางวัน ขณะผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์จะกลับบ้าน โดยผู้เสียหายไม่ทราบว่าตกตรงไหน แต่คาดหมายได้ว่าตกในระหว่างทางที่ผ่านมาซึ่งเป็นระยะทางประมาณ 3 เส้น ทันทีที่ผู้เสียหายรู้ตัวก็รีบกลับรถไปตามหาและตามไปจนพบจุดที่ถุงกระดาษตก แต่ปรากฎว่าจำเลยเก็บไปเสียก่อนแล้วนั้น จำเลยย่อมรู้หรือควรรู้ว่าอยู่ในระหว่างเวลาที่เจ้าทรัพย์ติดตามหาการที่จำเลยเก็บเอาไป จึงเป็นการฉวยโอกาสเอาทรัพย์ไปจากการครอบครองของเจ้าทรัพย์ ก่อนที่เจ้าทรัพย์จะติดตามมาทัน เมื่อผู้เสียหายตามไปพบและขอคืน จำเลยก็ไม่ยอมคืน เป็นการแสดงเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์สินหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2213-2214/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำต่อเนื่องเพื่อเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับความยินยอม มีเจตนาทุจริตเข้าข่ายความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยที่ 1 หยิบแว่นตาจากกระเป๋าเสื้อผู้เสียหายขณะนั่งอยู่ในร้ายขายอาหารไปใส่ส่องกระจกดู แล้วจำเลยทั้งสามเดินออกจากร้านไป ไม่คืนแว่นตา เมื่อผู้เสียหายไปขอคืน จำเลยไม่คืนให้ กลับให้จำเลยที่ 2 เอาแว่นตาไป ผู้เสียหายขอคืนจากจำเลยที่ 2 ๆ ไม่ให้ จำเลยที่ 3 คว้าเอาไปอีกต่อหนึ่งต่อหน้าผู้เสียหาย แล้วพากันขึ้นรถประจำทางไป ผู้เสียหายตามไปทวงคืนอีกจำเลยที่ 2 ที่ 3 พูดว่า อย่าตามมานะ ถ้าตามจะเจ็บตัว ต่อมาในวันเกิดเหตุนั่นเอง จำเลยที่ 3 เอาแว่นตาไปจำนำ ดังนี้ จำเลยทั้งสามต้องมีความผิดฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ การให้ผู้อื่นยืมก่อนถือเป็นเจตนาทุจริต การปรับบทลงโทษตาม ป.อาญา ม.147
จำเลยเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีหน้าที่รับเงินรายได้ต่างๆ ของการรถไฟฯ ได้รับเงินรายได้ไว้จำนวนหนึ่ง แล้วไม่นำส่งตามกำหนดเวลาที่มีระเบียบวางไว้โดยได้ให้ อ. ยืมเงินจำนวนนี้ไป ต่อมา อ. หนีไปจำเลยจึงรับใช้เงินดังกล่าวให้จนครบ ดังนี้ กรณีจึงเป็นเรื่องที่จำเลยนำเงินที่จำเลยมีหน้าที่รักษาไว้ไปให้ผู้อื่นยืมใช้ก่อนถือได้ว่าเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นประโยชน์ของตนเองและผู้อื่นโดยมีเจตนาทุจริตตั้งแต่เวลาที่จำเลยให้ผู้อื่นยืมไป การใช้เงินคืนในภายหลังเพียงเป็นเหตุบรรเทาโทษเท่านั้นและเมื่อพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494 มาตรา 18 บัญญัติให้พนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายแห่งกฎหมายลักษณะอาญา จึงถือได้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 จะปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 หาได้ไม่
of 44