พบผลลัพธ์ทั้งหมด 341 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4626-4629/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ถูกต้องตามกฎหมายและการเลื่อนคดีเมื่อจำเลยขาดทนาย
เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ที่บ้านจำเลยที่ 3 ขณะที่จำเลยทั้งสี่กำลังช่วยกันปลูกบ้านจำเลยที่ 3 อยู่ เมื่อจำเลยทั้งสี่ไม่ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง เจ้าพนักงานศาลจึงได้ส่งโดยวิธีวางหมายต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจ ณ ที่นั้น โดยจำเลยทั้งสี่มีบ้านอยู่ติดกัน แม้เป็นคนละแห่งกับภูมิลำเนาของจำเลยที่ปรากฏในคำฟ้อง ก็เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาหลายแห่ง ถือได้ว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีการวางหมายถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยทั้งสี่มิได้ยื่นคำให้การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงเป็นการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์และนัดสอบถามเรื่องทนายจำเลยขอถอนตน ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จโดยมิได้สอบถามจำเลยถึงการถอนตนของทนายความ จำเลยจึงยังไม่ได้หาทนายใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนาย การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงมีเหตุผลอันสมควร ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตเลื่อนคดี ศาลฎีกาย่อมให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานโจทก์ใหม่โดยให้โอกาสจำเลยถามค้านพยานโจทก์ แล้วจึงสืบจำเลยทั้งสี่ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง.
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์และนัดสอบถามเรื่องทนายจำเลยขอถอนตน ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จโดยมิได้สอบถามจำเลยถึงการถอนตนของทนายความ จำเลยจึงยังไม่ได้หาทนายใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนาย การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงมีเหตุผลอันสมควร ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตเลื่อนคดี ศาลฎีกาย่อมให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานโจทก์ใหม่โดยให้โอกาสจำเลยถามค้านพยานโจทก์ แล้วจึงสืบจำเลยทั้งสี่ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3853/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายความป่วย: ศาลมีดุลยพินิจอนุญาตเลื่อนได้หากมีเหตุจำเป็นและมีหลักฐาน
ทนายโจทก์และทนายจำเลยต่างยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุป่วยเจ็บของทนายความมาแล้วฝ่ายละครั้ง และศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีทั้งสองนัด ครั้งที่สามทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วยเจ็บกะทันหันโดยมีใบรับรองแพทย์ที่ขอผัดส่งต่อศาลในอีก 3 วันต่อมาระบุว่า ในวันนัดดังกล่าวแล้วทนายโจทก์ป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างแรง ทั้งทนายจำเลยก็มิได้คัดค้านว่า ทนายโจทก์มิได้ป่วยจริง เมื่อได้ความว่าทนายโจทก์ป่วยเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่ามีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ซึ่งศาลชอบที่จะสั่งเลื่อนการนัดสืบพยานโจทก์ต่อไปได้เท่าที่จำเป็น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3853/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายความป่วย: ศาลมีอำนาจเลื่อนได้หากมีเหตุจำเป็นและมีหลักฐานสนับสนุน
ทนายโจทก์และทนายจำเลยต่างยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุป่วยเจ็บของทนายความมาแล้วฝ่ายละครั้ง และศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีทั้งสองนัด ครั้งที่สามทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วยเจ็บกะทันหันโดยมีใบรับรองแพทย์ที่ขอผัดส่งต่อศาลในอีก 3 วันต่อมาระบุว่า ในวันนัดดังกล่าวแล้วทนายโจทก์ป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างแรง ทั้งทนายจำเลยก็มิได้คัดค้านว่า ทนายโจทก์มิได้ป่วยจริง เมื่อได้ความว่าทนายโจทก์ป่วยเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่ามีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ซึ่งศาลชอบที่จะสั่งเลื่อนการนัดสืบพยานโจทก์ต่อไปได้เท่าที่จำเป็น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3754/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการยกฟ้องคดีอาญาเมื่อโจทก์ไม่มาศาลตามนัด โดยไม่ต้องเลื่อนคดีหรือออกหมายจับ
คดีอาญา โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาโดยไม่ปรากฏเหตุขัดข้อง ศาลก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องไปได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจำเลยจะมาศาลในวันนั้นด้วยหรือไม่ และจำเลยอยู่ในอำนาจศาลแล้วหรือไม่ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 และ 181 มีเจตนารมณ์เร่งรัดการดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็วมิให้มีการประวิงคดีจึงได้กำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด มิฉะนั้นย่อมเสี่ยงต่อการที่จะถูกยกฟ้องอันเป็นผลเสียต่อคดีของโจทก์เอง กรณีเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับศาล หาได้เกี่ยวข้องกับจำเลยแต่ประการใดไม่
ข้ออ้างตามคำร้องของโจทก์ในการขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ว่า โจทก์จำเวลานัดคลาดเคลื่อนไปนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้มีการพิจารณาใหม่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำการไต่สวนก่อนมีคำสั่งยกคำร้อง (วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่7/2530).
ข้ออ้างตามคำร้องของโจทก์ในการขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ว่า โจทก์จำเวลานัดคลาดเคลื่อนไปนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้มีการพิจารณาใหม่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำการไต่สวนก่อนมีคำสั่งยกคำร้อง (วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่7/2530).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3615/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการมอบฉันทะทนายความขอเลื่อนคดีและการตัดพยานโจทก์เมื่อไม่แจ้งเหตุขัดข้อง
การมอบฉันทะและการขอเลื่อนคดีในคดีอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้ จึงต้องนำประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแทนตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ทนายความอาจมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมาทำการแทนได้ในกิจการที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 เท่านั้นสำหรับกิจการอื่นต้องพิเคราะห์เป็นเรื่อง ๆ ไปว่าเป็นกิจการที่สำคัญซึ่งโดยสภาพเป็นที่เห็นได้ว่าทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองหรือไม่
คำขอเลื่อนคดีด้วยวาจา จะต้องกระทำโดยตัวความหรือทนายความเท่านั้น หากตัวความหรือทนายความไม่อาจมาศาลได้ จะต้องทำคำขอเลื่อนคดีเป็นลายลักษณ์อักษร และมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมายื่นต่อศาลผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ไม่มีอำนาจแถลงด้วยวาจาขอ เลื่อนคดีต่อศาล การที่ผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีต่อศาลด้วยวาจา ถือไม่ได้ว่าเป็นการแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ เมื่อโจทก์และทนายโจทก์ไม่ได้ขอเลื่อนคดีตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งไม่มาศาลโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ การที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานโจทก์ที่เหลือ จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว.
ทนายความอาจมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมาทำการแทนได้ในกิจการที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 เท่านั้นสำหรับกิจการอื่นต้องพิเคราะห์เป็นเรื่อง ๆ ไปว่าเป็นกิจการที่สำคัญซึ่งโดยสภาพเป็นที่เห็นได้ว่าทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองหรือไม่
คำขอเลื่อนคดีด้วยวาจา จะต้องกระทำโดยตัวความหรือทนายความเท่านั้น หากตัวความหรือทนายความไม่อาจมาศาลได้ จะต้องทำคำขอเลื่อนคดีเป็นลายลักษณ์อักษร และมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมายื่นต่อศาลผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ไม่มีอำนาจแถลงด้วยวาจาขอ เลื่อนคดีต่อศาล การที่ผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีต่อศาลด้วยวาจา ถือไม่ได้ว่าเป็นการแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ เมื่อโจทก์และทนายโจทก์ไม่ได้ขอเลื่อนคดีตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งไม่มาศาลโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ การที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานโจทก์ที่เหลือ จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3615/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบฉันทะขอเลื่อนคดี: ต้องทำตามหลักเกณฑ์ ป.วิ.พ. และการแถลงขอเลื่อนคดีด้วยวาจาต้องกระทำโดยตัวความหรือทนายความ
การมอบฉันทะและการขอเลื่อนคดี ป.วิ.อ. มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะจึงต้องนำ ป.วิ.พ. มาใช้บังคับ คำขอเลื่อนคดีด้วยวาจานั้น ตัวความหรือทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเอง มิฉะนั้นจะต้องทำคำขอเลื่อนคดีเป็นลายลักษณ์อักษรและมอบฉันทะให้บุคคลใด บุคคลหนึ่งนำมายื่นต่อศาล ผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ไม่มีอำนาจแถลงด้วยวาจาขอเลื่อนคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3344/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีซ้ำโดยไม่มีพยาน ศาลชอบที่จะพิจารณาคดีโดยไม่ต้องเลื่อน
ในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จทนายจำเลยขอเลื่อนเพราะพยานไม่มาศาล และแถลงว่านัดหน้าพยานมาเท่าใดก็จะสืบไปเท่านั้นโดยไม่ขอเลื่อนในนัดที่ 2ทนายจำเลยขอเลื่อนอีก อ้างว่าจำเลยที่ 1 ไปราชการต่างจังหวัดโดยที่จำเลยที่ 2 และพยานจำเลยอื่นก็ไม่มีมาศาล ซึ่งทนายโจทก์คัดค้านว่าเป็นการประวิงคดี ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไปโดยเห็นว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้นัดฟังคำพิพากษา จึงเป็นการชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3256/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย และการพิจารณาเหตุผลที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจผิดพลาดในการอนุญาต/ไม่อนุญาตเลื่อนคดี
วันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรก จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุพยานไม่มาศาล พร้อมกับแถลงว่าในนัดหน้าจะสืบพยานเท่าที่มาให้เสร็จในนัดเดียว ไม่ติดใจสืบพยานที่ไม่มาและจะไม่ขอเลื่อนคดีอีก ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีไป ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยไม่มาศาล แต่ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุทนายจำเลยป่วยมีใบรับรองแพทย์มาแสดง โดยไม่ได้อ้างว่าพยานจำเลยป่วย โจทก์คัดค้านเพียงว่าในนัดที่แล้วจำเลยแถลงว่าไม่ติดใจสืบพยานหากไม่มีพยานมาศาล ไม่ได้คัดค้านโดยตรงว่าทนายจำเลยไม่ป่วย หรือคำร้องของทนายจำเลยไม่เป็นความจริงจึงน่าเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริง นับได้ว่ากรณีมีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ มีเหตุสมควรอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3256/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย: ศาลต้องพิจารณาจากเหตุผลที่จำเลยขอเลื่อนจริง และโจทก์ไม่ได้โต้แย้ง
วันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรก จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุพยานไม่มาศาล พร้อมกับแถลงว่าในนัดหน้าจะสืบพยานเท่าที่มาให้เสร็จในนัดเดียว ไม่ติดใจสืบพยานที่ไม่มาและจะไม่ขอเลื่อนคดีอีก ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีไป ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยไม่มาศาล แต่ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุทนายจำเลยป่วยมีใบรับรองแพทย์มาแสดง โดยไม่ได้อ้างว่าพยานจำเลยป่วย โจทก์คัดค้านเพียงว่าในนัดที่แล้วจำเลยแถลงว่าไม่ติดใจสืบพยานหากไม่มีพยานมาศาล ไม่ได้คัดค้านโดยตรงว่าทนายจำเลยไม่ป่วย หรือคำร้องของทนายจำเลยไม่เป็นความจริงจึงน่าเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริง นับได้ว่ากรณีมีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ มีเหตุสมควรอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1644/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยจำเลย แม้ศาลจะกำชับและเตือนแล้ว ถือเป็นการไม่ให้ความสำคัญต่อคดี และศาลไม่จำเป็นต้องอนุญาตเลื่อนคดี
จำเลยขอเลื่อนคดีถึงสามครั้งติดต่อกัน โดยสองครั้งแรกอ้างเหตุติดธุระส่วนตัว ซึ่งศาลก็ได้กำชับว่าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีกทุกครั้งครั้งที่สามจำเลยเองแถลงรับรองเป็นเงื่อนไขในการขอเลื่อนคดีจากนัดที่สองไว้ต่อศาลว่าถึงนัดหน้าถ้า จำเลยไม่มีทนายหรือไม่มีพยานมาศาลจะไม่ขอเลื่อนคดีอีกและให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานแต่ในนัดที่สามนี้จำเลยกลับแต่ง ทนายความที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลและขอเลื่อนอีก ทั้งไม่นำพยานมาศาลด้วย พฤติการณ์ของจำเลยถือได้ว่าประวิงคดีให้ชักช้า ศาลย่อมไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน.