พบผลลัพธ์ทั้งหมด 546 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จเพื่อกลั่นแกล้งผู้อื่น – การลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 172 ประกอบ มาตรา 174
จำเลยไม่เห็น ส. ใช้อาวุธปืนยิงจำเลย การที่จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ส. ลงจากรถตรงเข้าใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปตรงที่จำเลยนอนอยู่ 2 นัดนั้น เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวนเพื่อจะแกล้ง ส. ให้ต้องรับโทษ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172,174 วรรคสอง การกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ใช้บทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยแต่เป็นกรณีที่ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา172 ประกอบด้วยเหตุที่ต้องระวางโทษหนักขึ้นตามมาตรา 174 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเว้นการจับกุมผู้บุกรุกและการแจ้งความเท็จ ผู้เสียหายต้องพิสูจน์ความเสียหายโดยตรง
เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ตามที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่ประการใด การที่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการจับกุมผู้บุกรุกที่สาธารณะ จึงมิใช่เป็นการกระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โจทก์จึงมิใช่เป็นผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ประกัน และการทำเอกสารที่ไม่ตรงกับความจริง แม้ไม่ใช่เอกสารปลอม
จำเลยที่ 2 เป็นสารวัตรกำนันปฏิบัติหน้าที่แทนกำนันเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ออกสำเนาทะเบียนบ้านว่าย้ายออกและมีหน้าที่ทำ กรอกข้อความ ลงในมรณบัตรตามอำนาจหน้าที่โดยลงชื่อจำเลยที่ 2 ในช่องนายทะเบียน ผู้รับแจ้ง มรณบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าวจึงเป็นเอกสารที่แท้จริงที่ จำเลยที่ 2 ทำขึ้น แม้ข้อความในมรณบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านไม่ตรงกับ ความจริง ก็ไม่ทำให้เป็นเอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา161 แต่เป็นความผิดตาม มาตรา 162
คำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวจะต้องยื่นต่อศาลชั้นต้นที่ชำระคดี คำว่า 'ศาล' หมายถึงผู้พิพากษาที่มีอำนาจทำการอันเกี่ยวกับคดีอาญา ผู้พิพากษาจึงมีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยสั่งคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราว ตลอดจนการบังคับตามสัญญาประกันในกรณีที่ผิดสัญญา จึงเป็น เจ้าพนักงานตามกฎหมาย การที่จำเลยยื่นคำร้องเท็จว่า ส. ถึงแก่กรรมเป็นการร้องเพื่อให้พ้นจากความผิดตามสัญญาประกัน จึงเป็นการแจ้ง ความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ศาลลงโทษจำเลยฐานละเมิดอำนาจศาล เพราะประพฤติตน ไม่ เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นการลงโทษตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31(1),33 โดยไม่มีโจทก์ฟ้อง สิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์จึงไม่ระงับไปโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ในข้อหาฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ได้
คำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวจะต้องยื่นต่อศาลชั้นต้นที่ชำระคดี คำว่า 'ศาล' หมายถึงผู้พิพากษาที่มีอำนาจทำการอันเกี่ยวกับคดีอาญา ผู้พิพากษาจึงมีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยสั่งคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราว ตลอดจนการบังคับตามสัญญาประกันในกรณีที่ผิดสัญญา จึงเป็น เจ้าพนักงานตามกฎหมาย การที่จำเลยยื่นคำร้องเท็จว่า ส. ถึงแก่กรรมเป็นการร้องเพื่อให้พ้นจากความผิดตามสัญญาประกัน จึงเป็นการแจ้ง ความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ศาลลงโทษจำเลยฐานละเมิดอำนาจศาล เพราะประพฤติตน ไม่ เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นการลงโทษตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31(1),33 โดยไม่มีโจทก์ฟ้อง สิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์จึงไม่ระงับไปโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ในข้อหาฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1758/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จ, การปฏิบัติหน้าที่, และการสิ้นสุดคดีเนื่องจากการเสียชีวิตของจำเลย การพิพากษาจำเลยที่ 1 ยกฟ้อง
แม้จำเลยที่ 1 จะได้กล่าวเท็จในหนังสือถึงอธิบดีกรมศุลกากรว่าตนเป็นผู้สั่งการให้จับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่มีการขอรับสินบนนำจับนั้นแต่เมื่อจำเลยไม่มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อความดังกล่าวต่ออธิบดีกรมศุลกากรการกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการกระทำในการปฏิบัติการตามหน้าที่จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162
เมื่อศาลอุทธรณ์ได้สั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 แล้วเพราะเหตุถึงแก่กรรมสิทธิของโจทก์ในการฟ้องจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นอันระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) คำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดย่อมระงับไปในตัวและไม่มีผลบังคับต่อไปศาลฎีกาจึงไม่พิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ด้วย
พยานที่เกิดจากขู่เข็ญจูงใจว่าจะให้พยานออกจากงานโดยรับบำนาญและไม่จับกุมมาดำเนินคดีรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 226
เมื่อศาลอุทธรณ์ได้สั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 แล้วเพราะเหตุถึงแก่กรรมสิทธิของโจทก์ในการฟ้องจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นอันระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) คำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดย่อมระงับไปในตัวและไม่มีผลบังคับต่อไปศาลฎีกาจึงไม่พิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ด้วย
พยานที่เกิดจากขู่เข็ญจูงใจว่าจะให้พยานออกจากงานโดยรับบำนาญและไม่จับกุมมาดำเนินคดีรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแจ้งความเท็จกระทบสิทธิรับมรดกของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลย ต่อมาจำเลยแจ้งแก่ น. เจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่จดทะเบียนสมรสว่า จำเลยไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อนเลยอันเป็นเท็จ เพราะจำเลยกับโจทก์ยังเป็นสามีภริยากันโดยชอยด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานได้จดทะเบียนสมรสให้จำเลยกับนางสาว ส. เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยกระทบกระเทือนถึงฐานะบุคคลของโจทก์ซึ่งเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิรับมรดกอยู่ก่อนแต่คนดียว โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียและได้รับความเสียหายในกรณีที่เกิดขึ้นโดยตรงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) มีอำนาจฟ้องคดีฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จเกี่ยวกับสถานภาพสมรสกระทบสิทธิภริยาเดิมในการรับมรดก โจทก์มีสิทธิฟ้องอาญา
สามีจดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่นโดยที่ยังไม่ขาดจากภริยาเดิมที่ได้จดทะเบียนสมรสไว้ แต่อ้างกับเจ้าหน้าที่จดทะเบียนว่าไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน ภริยาเดิมเป็นผู้เสียหายฟ้องสามีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา137 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2120/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้เสียหาย: การแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
จำเลยเอาความเท็จฟ้องว่าโจทก์ชิงทรัพย์ และเบิกความเท็จทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์เป็นผู้เสียหายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 175,177 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่สมบูรณ์ฐานแจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ เหตุโจทก์ระบุความผิดไม่ชัดเจน ขัดแย้งกันเอง
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นสองตอน ตอนแรกว่าจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนด้วยข้อความอย่างหนึ่งตอนที่สองว่า จำเลยเบิกความต่อศาลด้วยข้อความอีกอย่างหนึ่งไม่ตรงกัน สรุปลงท้ายโจทก์บรรยายว่า จำเลยกระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จเพราะความจริงเป็นดังจำเลยเบิกความต่อศาล หรือมิฉะนั้น จำเลยกระทำความผิดฐานเบิกความเท็จเพราะความจริงเป็นดังจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวน โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดว่าจำเลยกระทำความผิดฐานใด การที่บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จหรือมิฉะนั้น จำเลยกระทำความผิดฐานเบิกความเท็จ เป็นฟ้องที่ขัดกันไม่ยืนยันการกระทำความผิดของจำเลยให้แน่นอน ทั้งฟ้องโจทก์มิได้ยืนยันข้อเท็จจริงใดเป็นความเท็จข้อเท็จจริงใดเป็นความจริง การกระทำของจำเลยต้องมีข้อเท็จจริงเป็นความเท็จหรือเป็นความจริงเพียงอย่างเดียว มิใช่เป็นได้ทั้งสองอย่างดังที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องเช่นนั้นฟ้องโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)(อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2372/2519 ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1594/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จเพื่อขอเลขบ้านใหม่ ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อจำเลย
บ้านปลูกไว้แล้วและขายฝากแก่โจทก์ จำเลยขอปลูกสร้างบ้านเป็นอุบายเพื่อขอเลขบ้านใหม่ และได้รับเลขบ้านใหม่ไปเป็นการแจ้งความเท็จซึ่งโจทก์อ้างว่าเพื่อยักยอกบ้านที่ขายฝาก การแจ้งความเท็จเป็นการกระทำต่อเจ้าพนักงาน ไม่เกี่ยวกับโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงที่จะฟ้องจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การของผู้ต้องหาไม่เป็นความเท็จ แม้ข้อความไม่ตรงกับความจริง ก็ไม่ผิดฐานแจ้งความเท็จ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 ผู้ต้องหาจะให้การอย่างใดหรือไม่ให้การเลยก็ได้ เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างใดก็ได้ แม้คำให้การของผู้ต้องหาจะไม่เป็นความจริง ก็ไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่าขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วสอบสวนจดคำให้การของจำเลยไว้ ต่อมามีพยานหลักฐานว่าผู้อื่นเป็นผู้ขับรถชนผู้เสียหายมิใช่จำเลย พนักงานสอบสวนเห็นว่าคำให้การของจำเลยที่จดไว้เป็นความเท็จจึงแจ้งข้อหาจำเลยเพิ่มเติมว่าแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานดังนี้ คำให้การของจำเลยที่พนักงานสอบสวนจดไว้เป็นคำให้การในฐานะผู้ต้องหาแม้ไม่เป็นความจริง จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่าขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วสอบสวนจดคำให้การของจำเลยไว้ ต่อมามีพยานหลักฐานว่าผู้อื่นเป็นผู้ขับรถชนผู้เสียหายมิใช่จำเลย พนักงานสอบสวนเห็นว่าคำให้การของจำเลยที่จดไว้เป็นความเท็จจึงแจ้งข้อหาจำเลยเพิ่มเติมว่าแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานดังนี้ คำให้การของจำเลยที่พนักงานสอบสวนจดไว้เป็นคำให้การในฐานะผู้ต้องหาแม้ไม่เป็นความจริง จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน