พบผลลัพธ์ทั้งหมด 251 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวบังคับจำนอง: โต้แย้งเฉพาะการได้รับแจ้ง ไม่โต้แย้งความชอบด้วยกฎหมายของหนังสือมอบอำนาจ
ฟ้องโจทก์ตั้งประเด็นเกี่ยวกับการบอกกล่าวบังคับจำนองว่า โจทก์มอบอำนาจให้ทนายโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองปรากฏตามสำเนาหนังสือบอกกล่าวท้ายฟ้อง จำเลยให้การต่อสู้ในประเด็นข้อนี้แต่เพียงว่า โจทก์ไม่เคยบอกกล่าวบังคับจำนองใด ๆ ไปยังจำเลย จำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวจากทนายโจทก์เลย จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ถึงเรื่องการมอบอำนาจว่าไม่ชอบประการใดเลย ประเด็นข้อโต้เถียงย่อมมีเพียงว่า จำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวการบังคับจำนองแล้ว หรือ ไม่เท่านั้น ไม่มีประเด็นไปถึงการมอบอำนาจ ให้บอกกล่าวบังคับจำนองของโจทก์นั้นชอบด้วย กฎหมายหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดียึดทรัพย์สินสมรส: ศาลต้องให้คู่ความผู้มีส่วนได้เสีย (ผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม) โต้แย้งก่อนมีคำสั่ง
โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานกองหมายยึดที่ดินมีชื่อจำเลยและภรรยาเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และทำการขาดทอดตลาดได้เงินมา และกองหมายได้กันเงินส่วนของภรรยาไว้ โจทก์ยื่นคำร้องว่าทรัพย์รายนี้เป็นสินสมรส ขอให้ศาลสั่งกองหมายแก้บัญชีโดยไม่ต้องหักเงินเป็นส่วนของภรรยาศาลชั้นต้นสอบโจทก์และเจ้าพนักงานกองหมายและมีคำสั่งว่า ที่ดินที่ขายเป็นสินบริคณห์ ให้กองหมายจ่ายเงินค่าขายที่ทั้งหมดชำระหนี้ โจทก์ตามคำพิพากษา นั้นหาเป็นการชอบไม่ เพราะภรรยามีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับสามี ถือได้ว่าภรรยาเป็นผู้มีส่วนได้เสียตาม ป.วิ.พ. มาตรา 280 (2) แต่ศาลชั้นต้นไม่เคยไต่สวนหรือสอบผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์แต่ประการใด จึงสมควรให้โอกาสแก่ภรรยาของจำเลยจะโต้แย้งประการใดหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายอมความระงับข้อพิพาทแล้ว ไม่อาจนำข้อพิพาทเดิมมาโต้แย้งได้อีก และศาลไม่บังคับให้ชดใช้ค่าเสียหายหากไม่มีการขอไว้
ในคดีก่อน โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินแปลงพิพาท และจำเลยยอมรับว่า ได้อาศัยอยู่ในที่ดินนี้ตอนเหนือจนกว่า โจทก์จำเลยจะได้ทำการแบ่งที่ดินกัน ศาลพิพากษาตามยอม เมื่อโจทก์ฟ้องขอแบ่งแยกที่ดินรายนี้ในคดีหลัง จำเลยจะอ้างว่าได้ครอบครองที่พิพาทตอนเหนือโดยปรปักษ์จะได้กรรมสิทธิ์แล้ว และจะขอนำพยานสืบประกอบในข้อนี้หาได้ไม่เพราะข้อพิพาทอันนี้ได้ระงับไปโดยสัญญายอมในคดีก่อนแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินและห้องแถว ในคำขอท้ายฟ้องมีว่า ถ้าไม่สามารถตกลงแบ่งแยกกันได้ ก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง โดยโจทก์ตีราคาที่ดินและห้องแถวส่วนที่ขอแบ่งมาในฟ้องเป็นเงิน 30,000 บาท จำเลยให้การต่อสู้คดีและจำเลยเสนอมาในคำให้การด้วยว่า เพื่อตัดความยุ่งยาก จำเลยยอมให้เงิน 20,000 บาท แก่โจทก์ เท่าที่โจทก์ตีราคามาในฟ้องแทนการต้องแบ่งที่รายนี้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมตกลงด้วย ข้อเสนอของจำเลยนี้จึงเท่ากับเสนอขอซื้อที่ส่วนได้ของโจทก์ด้วยราคา 30,000 บาท นั่นเอง เมื่อโจทก์ไม่ยินยอมด้วยและตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ก็มิได้ขอให้ชดใช้เงินทำนองนั้นด้วย แม้จะเป็นที่เห็นอยู่ว่า จำเลยอาจต้องเสียหายและเดือดร้อนเพราะการแบ่งแยกก็จริง ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะพึงบังคับให้ได้ตามข้อเสนอของจำเลย อนึ่ง เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ตั้งเป็นประเด็นไว้ด้วยว่า เพื่อมิให้เสียหายและเดือดร้อนแก่จำเลยควรแบ่งกันอย่างไร โดยทดแทนเงินกันเพียงใด จึงจะสมควรตามนัย ป.พ.พ. มาตรา 1364 จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินและห้องแถว ในคำขอท้ายฟ้องมีว่า ถ้าไม่สามารถตกลงแบ่งแยกกันได้ ก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง โดยโจทก์ตีราคาที่ดินและห้องแถวส่วนที่ขอแบ่งมาในฟ้องเป็นเงิน 30,000 บาท จำเลยให้การต่อสู้คดีและจำเลยเสนอมาในคำให้การด้วยว่า เพื่อตัดความยุ่งยาก จำเลยยอมให้เงิน 20,000 บาท แก่โจทก์ เท่าที่โจทก์ตีราคามาในฟ้องแทนการต้องแบ่งที่รายนี้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมตกลงด้วย ข้อเสนอของจำเลยนี้จึงเท่ากับเสนอขอซื้อที่ส่วนได้ของโจทก์ด้วยราคา 30,000 บาท นั่นเอง เมื่อโจทก์ไม่ยินยอมด้วยและตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ก็มิได้ขอให้ชดใช้เงินทำนองนั้นด้วย แม้จะเป็นที่เห็นอยู่ว่า จำเลยอาจต้องเสียหายและเดือดร้อนเพราะการแบ่งแยกก็จริง ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะพึงบังคับให้ได้ตามข้อเสนอของจำเลย อนึ่ง เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ตั้งเป็นประเด็นไว้ด้วยว่า เพื่อมิให้เสียหายและเดือดร้อนแก่จำเลยควรแบ่งกันอย่างไร โดยทดแทนเงินกันเพียงใด จึงจะสมควรตามนัย ป.พ.พ. มาตรา 1364 จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954-957/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขับไล่และการโต้แย้งกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง ศาลยืนตามศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีได้
ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ซึ่งให้จำเลยเช่า จำเลยและบริวารก็ต้องออกไปจากที่ดินนั้น ข้อที่จำเลยโต้เถียงในชั้นบังคับคดีว่าบ้านเรือนที่ปลูกในที่ดินนั้นเป็นของจำเลยและจำเลยประสงค์จะรื้อเอาไปด้วย ฝ่ายโจทก์คัดค้านว่าบ้านเรือนตกเป็นของโจทก์แล้ว ไม่ยอมให้จำเลยรื้อไป เช่นนี้ ในชั้นบังคับคดีไม่มีประเด็นพิพาทกันว่าบ้านเรือนนั้นเป็นของโจทก์หรือของจำเลย จึงไม่เกี่ยวกับการที่จะบังคับจำเลยตามคำพิพากษาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบ: โจทก์ไม่โต้แย้งคำสั่งศาลเรื่องการนำสืบ และนำสืบไปแล้ว ย่อมไม่อุทธรณ์ฎีกาได้อีก
ในชั้นชี้สองสถาน คู่ความแถลงรับว่าตนมีหน้าที่นำสืบก่อนตามประเด็นที่ศาลกะ ภายหลังยื่นคำแถลงโต้แย้งแต่เมื่อศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตตามที่ขอก็ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งไว้ และได้นำสืบก่อนตามที่ได้รับนำสืบไว้ และจนอีกฝ่ายหนึ่งนำสืบแก้เสร็จสิ้นแล้วดังนี้ จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบอีกไม่ได้ ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา226,247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงระงับข้อพิพาทโดยใช้พยานคนกลางมีผลผูกพัน คู่กรณีไม่อาจโต้แย้งการให้การภายหลังได้
ข้อตกลงระงับข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินชั้นอำเภอเปรียบเทียบที่มีเงื่อนไขว่าให้ฟังคำให้การพยานคนกลางเป็นข้อชี้ขาด เมื่อพยานได้ให้การไปแล้ว ฝ่ายใดจะยกขึ้นมาโต้แย้งว่าพยานคนกลางให้การไม่ตรงต่อความเป็นจริงอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบเมื่อคู่ความโต้แย้งความถูกต้องของเอกสาร หากไม่นำสืบตามหน้าที่ ศาลอาจฟังตามข้อต่อสู้ของอีกฝ่ายได้
เมื่อศาลมีคำสั่งกำหนดหน้าที่นำสืบให้ฝ่ายใดนำสืบก่อนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่นำสืบตามข้ออ้าง ฝ่ายนั้นต้องแพ้คดี
โจทก์อ้างว่าโจทก์ชำระหนี้ให้จำเลยเกินไป ฝ่ายจำเลยปฏิเสธว่ามิได้รับเงินเกิน เพราะเลขจำนวนเงินในเอกสารถูกปลอมโดยเติมเลข เอกสารอยู่ในความยึดถือของโจทก์ จำเลยไม่ได้รับรองความถูกต้องแท้จริงทำให้เอกสารไม่เป็นผลให้โจทก์ได้สิทธิจากเอกสารนั้น จึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องพิสูจน์จำนวนเงินให้ได้ความจริงตามเอกสารนั้น
โจทก์อ้างว่าโจทก์ชำระหนี้ให้จำเลยเกินไป ฝ่ายจำเลยปฏิเสธว่ามิได้รับเงินเกิน เพราะเลขจำนวนเงินในเอกสารถูกปลอมโดยเติมเลข เอกสารอยู่ในความยึดถือของโจทก์ จำเลยไม่ได้รับรองความถูกต้องแท้จริงทำให้เอกสารไม่เป็นผลให้โจทก์ได้สิทธิจากเอกสารนั้น จึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องพิสูจน์จำนวนเงินให้ได้ความจริงตามเอกสารนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1568/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิด: การโต้แย้งอายุความของจำเลยตัดสิทธิการอ้างเหตุเพิ่งรู้เรื่องละเมิดของโจทก์
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าโจทก์เพิ่งทราบเหตุละเมิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2498 คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความในคำให้การจำเลยตัดฟ้องว่าโจทก์ทราบเหตุเรื่องนี้แล้วไม่ฟ้องเกิน 1 ปีแล้วคดีขาดอายุความ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้โต้แย้งไว้แล้ว จะถือว่ารับตามฟ้องโจทก์ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1568/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิด: จำเลยโต้แย้งการฟ้องเกินกำหนดอายุความได้ แม้โจทก์บรรยายวันที่ทราบเหตุ
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าโจทก์เพิ่งทราบเหตุละเมิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2498 คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ ในคำให้การจำเลยตัดฟ้องว่าโจทก์ทราบเหตุเรื่องนี้แล้วไม่ฟ้องเกิน 1 ปีแล้วคดีขาดอายุความ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้โต้แย้งไว้แล้ว จะถือว่ารับตามฟ้องโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากป่วย และการโต้แย้งคำสั่งศาลที่จำกัดสิทธิในการดำเนินคดี
ผู้ร้องตั้งผู้รับมอบอำนาจมาขอถอนคำร้องไม่ดำเนินคดีต่อไปได้อ้างเหตุว่าผู้ร้องป่วยมาศาลไม่ได้ ผู้คัดค้านก็มิได้โต้แย้งคัดค้านประการใด เช่นนี้ จะถือว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาตาม มาตรา 201 ไม่ได้ และอาศัย มาตรา 39 ศาลจะให้เลื่อนการพิจารณาไปก็ได้
ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น เพราะศาลชั้นต้นได้สั่งห้ามไม่ยอมรับคำร้อง คำแถลงใดๆ ของผู้ร้อง จนทำให้ผู้ร้องไม่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่เป็นการต้องห้ามมิให้ผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ (อ้างฎีกาที่ 1587/2494 และ297/2497)
ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น เพราะศาลชั้นต้นได้สั่งห้ามไม่ยอมรับคำร้อง คำแถลงใดๆ ของผู้ร้อง จนทำให้ผู้ร้องไม่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่เป็นการต้องห้ามมิให้ผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ (อ้างฎีกาที่ 1587/2494 และ297/2497)