พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงในคดีก่อนไม่ผูกพันจำเลยในคดีอาญาใหม่ โจทก์ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงเอง
คดีอาญาเรื่องก่อนกับคดีอาญาเรื่องนี้ แม้จะมีประเด็นอย่างเดียวกัน คือ ออกเช็คสั่งจ่ายเงินเพื่อประกันหนี้หรือเพื่อชำระหนี้ ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีก่อนก็ไม่ผูกพันจำเลยในคดีนี้ เพราะคดีอาญาโจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงที่กล่าวหานั้น จึงจะฟังลงโทษจำเลยได้ข้อเท็จจริงในคดีอาญาจะมีผลผูกพันคดีอื่นได้ก็เฉพาะที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 และเมื่อข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีก่อนไม่ผูกพันจำเลยในคดีนี้ ศาลก็ย่อมวินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีนี้ตามที่ปรากฏในสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1493/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาว่าไม้แปรรูปอยู่ในสภาพสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ตามกฎหมายป่าไม้ จำเป็นต้องมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจน
เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้องคำให้การว่า++และโจทก์แถลงยังไม่ชัดแต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลย จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงที่จะวินิจฉัยว่าไม้สักที่จำเลยมีไว้ละใช้ตีพื้นตีฝา ไม้ลักษณะบานประตูหน้าต่างที่ยังไม่ติดอาคาร ไม้โครงเตียงที่ยังไม่ได้ประกอบเป็นเตียง เป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้หรือไม่ ก็จำต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1493/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งดสืบพยานก่อนได้ข้อเท็จจริงครบถ้วน ทำให้วินิจฉัยสภาพไม้เป็นสิ่งปลูกสร้าง/เครื่องใช้ไม่ได้
เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้อง คำให้การจำเลย และโจทก์แถลงยังไม่ชัด แต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลย จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงที่จะวินิจฉัยว่าไม้สักที่จำเลยมีไว้และใช้ตีพื้นฝา ไม้ลักษณะบานประตูหน้าต่างที่ยังไม่ติดอาคารไม้โครงเตียงที่ยังไม่ได้ประกอบเป็นเตียง เป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้หรือไม่ ก็จำต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในศาลแขวงต้องห้าม การยกข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นฎีกา
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิด โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต ดังนี้ เมื่ออุทธรณ์โจทก์เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 22 แล้ว โจทก์จึงยกข้อเท็จจริงขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาไม่ได้ โดยถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 249 ฎีกาโจทกืเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้าม ยกฎีกาโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232-1233/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการครอบครองที่ดิน: ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงสอดคล้องกับคดีอาญา แม้มีการฟ้องร้องทั้งแพ่งและอาญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย ปัญหาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยนั้นเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญา เมื่อคดีส่วนอาญาศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจท์ในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งศาลต้องฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232-1233/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมพิจารณาคดีแพ่งและอาญา การฟังข้อเท็จจริงสอดคล้องกันในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย ปัญหาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยนั้นเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญา เมื่อคดีส่วนอาญาศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ในการพิจารณาคดีส่วนแพ่ง ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ข้อเท็จจริง และอำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่
การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต่างกันนั้น จะถือว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดกฎหมายหาได้ไม่ และเมื่อคดีต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ทั้งคู่ความก็มิได้กล่าวอ้างมาในฟ้องอุทธรณ์ด้วยแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่มีอำนาจหยิบยกข้อเท็จจริงขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์จำกัดในคดีที่ห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริง แม้จะอ้างว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยผิด
การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต่างกันนั้นจะถือว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดกฎหมายหาได้ไม่ และเมื่อคดีต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ทั้งคู่ความก็มิได้กล่าวอ้างมาในฟ้องอุทธรณ์ด้วยแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่มีอำนาจหยิบยกข้อเท็จจริงขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์โดยอ้างพยานหลักฐานที่มิได้นำสืบ
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคลาดเคลื่อน โจทก์มีภาพถ่ายเป็นวัตถุพยาน จะฟังว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบย่อมไม่ได้ เพราะศาลชั้นต้นมิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย ถ้าหยิบยกภาพถ่ายขึ้นพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่าจำเลยใช้ห้องพิพาทประกอบการค้า โดยโจทก์มิได้อ้างว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือไปจากพยานหลักฐานในสำนวน หรือผิดต่อบทกฎหมายแต่อยางใด เช่นนี้ถือว่าเป็นฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าศาลล่างไม่ฟังข้อเท็จจริงตามที่ควรจะฟัง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับลักษณะการใช้สถานที่เช่า
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคลาดเคลื่อน โจทก์มีภาพถ่ายเป็นวัตถุพยานจะฟังว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบย่อมไม่ได้ เพราะศาลชั้นต้นมิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย ถ้าหยิบยกภาพถ่ายขึ้นพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่าจำเลยใช้ห้องพิพาทประกอบการค้า โดยโจทก์มิได้อ้างว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือไปจากพยานหลักฐานในสำนวน หรือผิดต่อบทกฎหมายแต่อย่างใด เช่นนี้ ถือว่าเป็นฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าศาลล่างไม่ฟังข้อเท็จจริงตามที่ควรจะฟัง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง