พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,604 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้เงินกู้ไม่ระงับ แม้เช็คชำระหนี้ขาดอายุความ ยังฟ้องเรียกหนี้เดิมได้
โจทก์ฟ้องบรรยายว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์เรื่องเงินกู้แล้วต่อมาจำเลยได้นำเช็คมามอบให้โจทก์เป็นการชำระหนี้แต่ภายหลังเช็คนั้นขึ้นเงินไม่ได้ โจทก์จึงยังไม่ได้รับชำระหนี้ และโจทก์ทวงถามและบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้แล้ว จำเลยเพิกเฉยเสีย จึงขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้นั้นแก่โจทก์ ดังนี้ มิได้เป็นการฟ้องเรียกเงินตามเช็คแต่อย่างเดียว แต่เป็นการเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ตามมูลหนี้เดิมที่จำเลยกู้โจทก์ไปอยู่ในตัวด้วย แม้เช็คนั้นจะขาดอายุความแล้ว แต่หนี้เงินกู้ยังไม่ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคท้ายโจทก์จึงฟ้องเรียกหนี้เงินกู้เดิมนั้นได้ภายในอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1168/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้แทนกันโดยผู้รับเงินเป็นผู้ถือใบเสร็จ ไม่ต้องมีหลักฐานการตั้งตัวแทน
รูปคดีที่แสดงว่าเป็นตัวแทนกัน
เมื่อผู้ซื้อจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือใบเสร็จรับเงินของผู้ขายเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 318 แล้ว ปัญหาเรื่องการตั้งตัวแทนเพื่อให้รับเงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ตกไป
เมื่อผู้ซื้อจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือใบเสร็จรับเงินของผู้ขายเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 318 แล้ว ปัญหาเรื่องการตั้งตัวแทนเพื่อให้รับเงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ตกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1168/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยผู้ซื้อต่อผู้รับเงินแทนผู้ขาย
เมื่อผู้ซื้อจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือใบเสร็จรับเงินของผู้ขายไปแล้ว ก็เป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 318 อันว่าด้วยการชำระหนี้แล้ว ปัญหาเรื่องผู้ขายตั้งตัวแทนเพื่อให้รับเงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ตกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1034/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะโจทก์บริษัทจำกัด & อายุความสะดุดหยุดจากชำระหนี้บางส่วน
กรรมการผู้แทนบริษัทจำกัด ลงชื่อเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยนั้นถือว่าบริษัทจำกัดเป็นโจทก์ กรรมการหาใช่ตัวโจทก์ไม่ ฉะนั้น แม้กรรมการจะมรณะ โจทก์ก็ดำเนินคดีได้
อายุความเรียกร้องนั้น ถ้าลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องด้วยใช้เงินให้บางส่วนแล้ว อายุความย่อมสะดุดหยุดลง
อายุความเรียกร้องนั้น ถ้าลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องด้วยใช้เงินให้บางส่วนแล้ว อายุความย่อมสะดุดหยุดลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอแบ่งสินบริคณห์ แม้ได้มีการเฉลี่ยทรัพย์แล้ว เจ้าหนี้ยังคงมีสิทธิขอแบ่งสินบริคณห์เพื่อชำระหนี้ได้
เจ้าหนี้ยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นสินบริคณห์ขอให้แยกสินบริคณห์ซึ่งถูกศาลยึดทรัพย์มาขายทอดตลาดแยกเป็นส่วนของสามี ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 หากแต่เป็นการขอแบ่งแยกสินบริคณห์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2503)
การขอเฉลี่ยทรัพย์ คือ การขอให้ได้รับชำระหนี้โดยส่วนเฉลี่ยกับเจ้าหนี้ผู้ทำการยึดทรัพย์จากทรัพย์ของลูกหนี้ที่เจ้าหนี้ยึดไว้ ส่วนการขอแบ่งแยกสินบริคณห์คือ การขอเอาส่วนอันเป็นส่วนของลูกหนี้ผู้ร้องออกมา
การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอเฉลี่ยและได้เฉลี่ยแล้ว แม้เจ้าหนี้นั้นจะไม่ได้กล่าวไว้ในชั้นขอเฉลี่ยว่า เป็นสินบริคณห์ ก็มิได้ทำให้สิทธิของเจ้าหนี้ในการที่จะขอแบ่งสินบริคณห์มาชำระหนี้หายไป เจ้าหนี้ย่อมที่จะยื่นคำร้องขอแบ่งสินบริคณห์ของลูกหนี้ได้อีก
การขอเฉลี่ยทรัพย์ คือ การขอให้ได้รับชำระหนี้โดยส่วนเฉลี่ยกับเจ้าหนี้ผู้ทำการยึดทรัพย์จากทรัพย์ของลูกหนี้ที่เจ้าหนี้ยึดไว้ ส่วนการขอแบ่งแยกสินบริคณห์คือ การขอเอาส่วนอันเป็นส่วนของลูกหนี้ผู้ร้องออกมา
การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอเฉลี่ยและได้เฉลี่ยแล้ว แม้เจ้าหนี้นั้นจะไม่ได้กล่าวไว้ในชั้นขอเฉลี่ยว่า เป็นสินบริคณห์ ก็มิได้ทำให้สิทธิของเจ้าหนี้ในการที่จะขอแบ่งสินบริคณห์มาชำระหนี้หายไป เจ้าหนี้ย่อมที่จะยื่นคำร้องขอแบ่งสินบริคณห์ของลูกหนี้ได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับหนี้ด้วยการชำระเงินและการนำสืบพยานหลักฐานการชำระหนี้ภายใต้ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์จริง แต่ได้ชำระเงินกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว โดยโจทก์จำเลยตกลงกันว่า โจทก์จะเป็นผู้รับเงินค่าจ้างทำทางจากกรมทางฯ แทนบริษัทพาณิชย์ฯ ซึ่งจำเลยรับจ้างจากบริษัทพาณิชย์ฯขุดดินถมคันทางที่บริษัทพาณิชย์ฯ รับจ้างสร้างทางจากกรมทางฯ และโจทก์ได้รับเงินจากกรมทางฯ ไปแล้วโดยโจทก์ได้หักเงินจำนวนนั้นชำระหนี้เงินที่จำเลยกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยครบถ้วนแล้ว หนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่มีเหลืออยู่ ที่จำเลยให้การต่อสู้ดังนี้ ย่อมหมายความว่า หนี้เงินกู้รายนี้ได้ระงับไปแล้ว ซึ่งเท่ากับจำเลยได้ต่อสู้คดีว่าหนี้ระงับโดยมีการใช้เงินกันแล้ว หาใช่ระงับไปเพราะมีการยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นแทนเงินไม่ เมื่อการใช้หนี้เงินกู้รายนี้ จำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้กู้มาแสดงทั้งจำเลยยอมรับว่าสัญญากู้เวลานี้ยังอยู่ที่โจทก์โดยมิได้มีการสลักหลังกันแต่ประการใด จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะนำสืบการใช้เงินกู้นี้ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติในคดีล้มละลาย: สิทธิเจ้าหนี้ต่างประเทศในการขอรับชำระหนี้
ในคดีล้มละลายศาลของประเทศที่ผู้ขอรับชำระหนี้มีภูมิลำเนานั้น ให้เจ้าหนี้ในประเทศไทยมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามกฎหมายในศาลแห่งประเทศของตนได้ทำนองเดียวกัน คือถือหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ ซึ่งอาจเป็นว่ากฎหมายในประเทศนั้นไม่มีบัญญัติไว้โดยเฉพาะแต่ก็บัญญัติให้มีการพิสูจน์หนี้ได้ทั่วๆ ไปซึ่งเมื่อไม่ห้ามเจ้าหนี้ที่อยู่ต่างประเทศ เจ้าหนี้ที่อยู่ต่างประเทศก็มาขอพิสูจน์หนี้ได้ ก็ได้
ตามกฎหมายล้มละลายของมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ให้เจ้าหนี้ในต่างประเทศขอพิสูจน์หนี้ของตนเอาแก่ลูกหนี้ผู้ล้มละลายที่อยู่ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ในศาลซึ่งพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายได้ฉะนั้นเจ้าหนี้ซึ่งอยู่ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ย่อมมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของลูกหนี้ในศาลไทยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 178(1)
ตามกฎหมายล้มละลายของมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ให้เจ้าหนี้ในต่างประเทศขอพิสูจน์หนี้ของตนเอาแก่ลูกหนี้ผู้ล้มละลายที่อยู่ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ในศาลซึ่งพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายได้ฉะนั้นเจ้าหนี้ซึ่งอยู่ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ย่อมมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของลูกหนี้ในศาลไทยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 178(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นก่อน
ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรค 2 มิใช่หมายความว่า เพียงแต่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ยังมีทรัพย์สินอื่นให้ผู้ร้องเรียกหรือบังคับเอาได้แล้ว ก็ต้องห้ามมิให้เฉลี่ย หากแต่หมายความถึงกรณีที่ทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องมีอยู่เพียงพอที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา คือผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์จะสามารถเอาชำระได้ด้วย จึงจะต้องห้ามมิให้ขอเฉลี่ยทรัพย์ซึ่งยึดขายในคดีอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์: ศาลต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ก่อน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคสองมิใช่หมายความว่า เพียงแต่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ยังมีทรัพย์สินอื่นให้ผู้ร้องเรียกหรือบังคับเอาได้แล้ว ก็ต้องห้ามมิให้เฉลี่ย หากแต่หมายความถึงกรณีที่ทรัพย์สินอื่นๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องมีอยู่เพียงพอที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา คือผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์จะสามารถเอาชำระได้ด้วยจึงจะต้องห้ามมิให้ขอเฉลี่ยทรัพย์ซึ่งยึดขายในคดีอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่าและการผิดนัด: เจ้าของบ้านต้องเป็นผู้รับเอง หากเคยรับเองมาตลอด
การที่โจทก์ไปเก็บค่าเช่าจากจำเลยตลอดมา 10 ปีตั้งแต่เช่ากันมา เป็นการแสดงเจตนาไว้ว่า โจทก์จะเป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าเอาจากจำเลยเอง เมื่อโจทก์ไปไม่เก็บ จะหาว่าจำเลยผิดนัดหาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 728/2496)
จำเลยขอชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับ จำเลยจึงจัดส่งค่าเช่าทางธนาณัติให้โจทก์ โจทก์ก็ไม่ไปรับ ดังนี้ถือว่าจำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่า
(อ้างฎีกาที่ 728/2496)
จำเลยขอชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับ จำเลยจึงจัดส่งค่าเช่าทางธนาณัติให้โจทก์ โจทก์ก็ไม่ไปรับ ดังนี้ถือว่าจำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่า