คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำเลย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,884 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานพยานโจทก์ไม่เพียงพอต่อการลงโทษจำเลยในคดีลักทรัพย์
คดีที่โจทก์หาว่าจำเลยลักทรัพย์ในที่จอดรถไฟ โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อมกรณีมาสืบ คงส่งแต่คำให้การเจ้าทรัพย์ในชั้นสอบสวนมาประกอบการพิจารณา กับอ้างตำรวจผู้ทำการจับกุมจำเลยตามคำบอกเล่าของเจ้าทรัพย์โดยมิได้รู้เห็นขณะเกิดเหตุ ทั้งธนบัตรที่ค้นได้จากจำเลยก็มากกว่าที่เจ้าทรัพย์ว่าถูกล้วงไป ดังนี้ น้ำหนักหลักฐานพยานโจทก์หาพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานพยานโจทก์ไม่เพียงพอต่อการลงโทษจำเลยในคดีลักทรัพย์
คดีที่โจทก์หาว่าจำเลยลักทรัพย์ในที่จอดรถไฟ โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อมกรณีมาสืบ คงส่งแต่คำให้การเจ้าทรัพย์ในชั้นสอบสวนมาประกอบการพิจารณา กับอ้างตำรวจผู้ทำการจับกุมจำเลยตามคำบอกเล่าของเจ้าทรัพย์โดยมิได้รู้เห็นขณะเกิดเหตุ ทั้งธนบัตรที่ค้นได้จากจำเลยก็มากกว่าที่เจ้าทรัพย์ว่าถูกล้วงไป ดังนี้ น้ำหนักหลักฐานพยานโจทก์หาพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1621/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำเลยในคดีฆ่าโดยเจตนา แม้มีอายุไม่ถึง 20 ปี ศาลฎีกาไม่ลดโทษตามมาตรา 58 ทวิ
การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายเป็นแผลกว้างใหญ่ลึกถึง 10 ซม. จนไส้ทะลัก เนื่องจากเหตุที่จำเลยเองประพฤติเป็นพาล นับว่าเป็นการร้ายแรงมาก ถึงแม้จำเลยมีอายุไม่ถึง 20 ปี ก็ไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะลดโทษให้ตาม มาตรา 58 ทวิอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานพยานโจทก์ไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของจำเลยที่ 1-3 ในคดีร่วมกันฆ่า ต้องอาศัยคำให้การที่ไม่เป็นความจริงของจำเลย
ในคดีฆาตกรรมนั้นไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานรู้เห็นในขณะกระทำผิดเสมอไป พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีอันมั่นคงก็เพียงพอรับฟังมาลงโทษจำเลยได้
ข้อเท็จจริงได้ความแต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 รายงานแจ้งเหตุวิสามัญฆาตกรรมโดยอ้างว่าจำเลยทั้ง 5 ยิงต่อสู้กับผู้ร้าย 5-6 คนในตอนกลางคืนซึ่งไม่ใช่ความจริง เป็นการปั้นเรื่องขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนการฆ่าผู้ตาย เพียงเท่านี้เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดยืนยันว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้ตายในตอนใดเสียเลยแล้วเช่นนี้ ศาลจะฟังแต่เพียงถ้อยคำอันไม่ใช่ความจริงของจำเลยเองมาลงโทษจำเลยในคดีเรื่องฆ่าคนตายอันมีโทษอุกฤษฎ์โดยไม่มีพยานโจทก์ยืนยันความผิดของจำเลยไม่ได้ ถือว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยเหล่านี้ทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่แจ้งสำเนาคำอุทธรณ์แก่จำเลย ส่งผลให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่สมบูรณ์
เมื่อโจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ๆ ส่งสำเนาให้จำเลยบางคนไม่ได้ หากศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนนั้นย่อมเป็นการไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาต้องย้อนสำนวนไปให้พิจารณาพิพากษาใหม่
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ส่งสำเนาคำอุทธรณ์ให้จำเลยครบถ้วนทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่สมบูรณ์
เมื่อโจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นส่งสำเนาให้จำเลยบางคนไม่ได้ หากศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนนั้นย่อมเป็นการไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาต้องย้อนสำนวนไปให้พิจารณาพิพากษาใหม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยครบถ้วน ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่สมบูรณ์ ต้องย้อนสำนวน
เมื่อโจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นส่งสำเนาให้จำเลยบางคนไม่ได้ หากศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนนั้นย่อมเป็นการไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาต้องย้อนสำนวนไปให้พิจารณาพิพากษาใหม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเหนือทรัพย์สินของจำเลย แม้มีผู้อ้างสิทธิซื้อขาย แต่ขาดหลักฐาน
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดสังหาริมทรัพย์อันจำเลยครอบครองใช้สอยอยู่เป็นประจำ แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์จะอ้างว่าซื้อจากจำเลยแต่ก็หามีหลักฐานอ้างอิงไม่ ย่อมต้องถือว่าทรัพย์นั้นยังเป็นของจำเลยอยู่
รถจักรยาน 3 ล้อซึ่งเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดแม้ผู้ร้องจะรับจำนำไว้ก็ดี ผู้ร้องก็หามีสิทธิจะเรียกขอให้ศาลปล่อยทรัพย์นี้ได้ไม่ คงเรียกร้องให้บังคับตามสิทธิของตนตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ของจำเลย แม้ผู้ร้องอ้างเป็นเจ้าของ แต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุน ศาลจึงไม่ปล่อยทรัพย์
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดสังหาริมทรัพย์อันจำเลยครอบครองใช้สอยอยู่เป็นประจำ แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์จะอ้างว่าซื้อจากจำเลยแต่ก็หามีหลักฐานอ้างอิงไม่ ย่อมต้องถือว่าทรัพย์นั้นยังเป็นของจำเลยอยู่
รถจักรยาน 3 ล้อซึ่งเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดแม้ผู้ร้องจะรับจำนำไว้ก็ดี ผู้ร้องก็หามีสิทธิจะเรียกขอให้ศาลปล่อยทรัพย์นี้ได้ไม่ คงเรียกร้องให้บังคับตามสิทธิของตนตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีกับจำเลยที่อยู่ระหว่างการล้มละลายและการอุทธรณ์คำสั่งศาล
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในคดีล้มละลายแล้ว เจ้าหนี้ต้องไปขอรับชำระหนี้ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมาดำเนินคดีทางศาสนาหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไปแล้ว โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์แต่เสียค่าธรรมเนียมไม่ครบถ้วนศาลมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบ
โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งโดยทำเป็นคำร้องยื่นไปยังศาลอุทธรณ์ตาม ม. 234 หาใช่ยื่นฟ้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ม. 236 วรรคต้น โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่
อ้างฎีกาที่ 1223/2498
of 289