คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์น้อยกว่า 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 248
คดีมีทุนทรัพย์เพียง 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีพิพาทที่ดินราคาประเมินต่ำกว่าเกณฑ์ฎีกา ศาลไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามมาตรา 248
คดีมีทุนทรัพย์เพียง 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่โต้แย้ง & ฎีกาขาดอายุความที่ไม่ชัดเจน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อมิได้โต้แย้งคัดค้านไว้ จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนี้ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
จำเลยฎีกาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย มิได้ระบุว่าขาดอายุความอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่มิได้กล่าวให้ชัดแจ้ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่โต้แย้ง และฎีกาขาดอายุความที่ไม่ชัดเจน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อมิได้โต้แย้งคัดค้านไว้ จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนี้ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
จำเลยฎีกาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยมิได้ระบุว่าขาดอายุความอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่มิได้กล่าวให้ชัดแจ้งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีเด็กและเยาวชน เมื่อศาลเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวไปฝึกอบรม
คดีอาญาของศาลคดีเด็กและเยาวชนซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างโดยให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางนั้นถือว่าศาลมิได้ลงโทษจำเลยโดยจำคุกเกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 29 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับฟัง เนื่องจากศาลล่างทั้งสองยกฟ้องโดยอ้างอิงข้อเท็จจริง แม้ฟังต่างกัน จึงห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีพรากเด็กไปเสียจากผู้ปกครอง ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่มีเจตนาร้าย ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยและผู้เสียหายต่างคนต่างสมัครใจไปหางานทำด้วยกัน จำเลยไม่ได้เป็นผู้พรากผู้เสียหายไปจากผู้ปกครอง ดังนี้ เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง แม้จะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน ก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต่างกัน หากมีคำพิพากษายกฟ้อง
คดีพรากเด็กไปเสียจากผู้ปกครอง ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่มีเจตนาร้าย ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยและผู้เสียหายต่างคนต่างสมัครใจไปหางานทำด้วยกัน จำเลยไม่ได้เป็นผู้พรากผู้เสียหายไปจากผู้ปกครอง ดังนี้ เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง แม้จะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน ก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ขาดนัดแล้วพิพากษายกฟ้องเมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 แต่กลับยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วไม่อนุญาต โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ โจทก์จะฎีกาอ้างว่าที่ศาลพิพากษาว่าโจทก์ขาดนัดนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 หาได้ไม่ เพราะคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่าโจทก์ขาดนัดชอบหรือไม่เป็นอันยุติแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดอำนาจฎีกาเมื่อพิพาทราคาไม่ถึงเกณฑ์ และประเด็นการเบิกความนอกคำให้การ
โจทย์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่านาที่พิพาทราคา 5,100 บาท เป็นของโจทก์และเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ห้าพันหนึ่งร้อยบาท แต่ตามคำให้การและคำแถลงของจำเลยมิได้พิพาทกันทั้งแปลง คงพิพาทกันไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่โจทก์ฟ้องทั้งหมด แม้ศาลชั้นต้นจะไม้ได้ให้คู่ความตีราคาที่พิพาทใหม่ก็พอกำหนดราคาได้ว่าที่พิพาทมีราคาไม่เกินห้าพันบาทเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่านาพิพาทเป็นของจำเลย ดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อราคาพิพาทต่ำกว่าเกณฑ์ และประเด็นการเบิกความนอกคำให้การ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่านาที่พิพาทราคา 5,100 บาทเป็นของโจทก์และเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ห้าพันหนึ่งร้อยบาทแต่ตามคำให้การและคำแถลงของจำเลยมิได้พิพาทกันทั้งแปลงคงพิพาทกันไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่โจทก์ฟ้องทั้งหมด แม้ศาลชั้นต้นจะไม่ได้ให้คู่ความตีราคาที่พิพาทใหม่ก็พอกำหนดราคาได้ว่าที่พิพาทมีราคาไม่เกินห้าพันบาทเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่านาพิพาทเป็นของจำเลย ดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
of 303