พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมียาเสพติดเพื่อขาย ศาลฎีกาแก้โทษปรับบทเกินกว่าที่กฎหมายบัญญัติ
จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อขายหรือจำหน่าย เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465มาตรา 20 ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504มาตรา 6 ศาลอุทธรณ์ปรับบทตามมาตรา 20 ตรี แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมาด้วย เป็นการเกินไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมียาเสพติดไว้เพื่อขาย ศาลฎีกาตัดสินว่าการปรับบทตามมาตราที่เกินกว่าความผิดจริงเป็นโมฆะ
จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อขายหรือจำหน่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504มาตรา 6 ศาลอุทธรณ์ปรับบทตามมาตรา 20 ตรี แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมาด้วย เป็นการเกินไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันระงับเมื่อศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง แม้ศาลฎีกาจะกลับคำพิพากษา ก็ไม่ทำให้สัญญาค้ำประกันกลับมามีผล
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนที่นาและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำเลยอุทธรณ์ และขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดยให้จำเลยหาประกันสำหรับค่าเสียหายที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาล ผู้ค้ำประกันจึงได้นำที่ดินและห้องแถว 2 ห้องมาวางเป็นหลักประกัน และทำหนังสือสัญญาค้ำประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นว่า ถ้าจำเลยแพ้คดีโจทก์และไม่สามารถชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์ได้ ผู้ค้ำประกันยอมชำระหนี้แทนจำเลยจนครบโดยในสัญญาค้ำประกันไม่มีข้อความว่าผู้ค้ำประกันยอมรับผิดตลอดไปจนกว่าจะถึงที่สุด ดังนี้เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ สัญญาค้ำประกันที่ผู้ค้ำประกันทำไว้นั้นย่อมระงับสิ้นไปทันที แม้ต่อมาศาลฎีกาจะพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ไม่มีผลทำให้สัญญาค้ำประกันที่ระงับไปแล้วนั้นกลับมีผลใช้บังคับได้อีกต่อไป โจทก์จึงขอให้ยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันที่นำมาวางเป็นหลักประกันตามคำสั่งศาลอุทธรณ์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมรดกความและการพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือในคำท้าคดี ศาลฎีกายกคำพิพากษาเดิมเพื่อพิสูจน์หลักฐานเพิ่มเติม
โจทก์มรณะในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1และทายาทอื่นต่างยื่นคำร้องขอรับมรดกความ การตั้งผู้รับมรดกความแทนผู้มรณะนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 43บัญญัติให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ได้โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและเหตุสมควรเป็นเรื่อง ๆ ไป หากศาลอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เข้ารับมรดกความ ก็เท่ากับให้จำเลยที่ 1เข้าล้มคดีของโจทก์ตามชอบใจ ฉะนั้น การที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทายาทอื่นเข้ารับมรดกความแทนโจทก์ จึงเป็นการชอบแล้ว
การแปลคำท้าของคู่ความ
การแปลคำท้าของคู่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบถ่านแปรรูปจากไม้ผิดกฎหมาย: ศาลฎีกาชี้ใช้หลักทั่วไปการริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา
พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 บัญญัติให้ริบทรัพย์สินอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดเฉพาะไม้หรือของป่าเท่านั้น มิได้บัญญัติให้ริบทรัพย์สินอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดซึ่งได้แปรสภาพจากไม้และของป่าไปเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นด้วยถ่านของกลางไม่มีสภาพเป็นไม้หรือของป่า แต่เป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้มาโดยได้กระทำผิดฐานแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจึงชอบที่จะนำหลักทั่วไปในการริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 มาใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราโทรมหญิง: ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงกลับศาลอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง, 83 ตามที่แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก, 83 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ (โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายคนเดียว ส่วนจำเลยที่ 2 ถือปืนขู่) จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิงและพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติได้ส่วนกำหนดโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราโทรมหญิง: ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงกลับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสอง,83 ตามที่แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก,83 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ (โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายคนเดียว ส่วนจำเลยที่ 2 ถือปืนขู่) จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิงและพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสองซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติได้ส่วนกำหนดโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2929/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ผู้รับรองหลักทรัพย์ก่อนบังคับคดีนายประกันเสร็จสิ้น ศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่ชอบ
ค. ทำสัญญาประกันตัวจำเลยต่อศาล โดย ว. รับรองหลักทรัพย์ของ ค. ว่าถ้า ค. ไม่สามารถชำระค่าปรับได้ครบถ้วน ขาดอยู่เท่าใด ว. ยินยอมใช้ให้จนครบ ดังนั้นตราบใดที่ยังไม่ได้เงินที่จะนำมาชำระค่าปรับเป็นจำนวนแน่นอนเท่าใด ก็ยังไม่มีทางรู้ได้ว่ายังขาดแน่นอนเท่าใดเมื่อ ค. ผิดสัญญาประกัน ถูกยึดทรัพย์และขายทอดตลาดทรัพย์ไปบางส่วนแล้วได้เงินน้อยกว่าค่าปรับมากแม้จะคาดหมายได้จากทรัพย์ที่ถูกยึดมาว่าเมื่อนำออกขายทอดตลาดจะได้เงินไม่เพียงพอชำระค่าปรับก็เป็นเพียงคาดคะเนเท่านั้น เมื่อการบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของนายประกันยังไม่เสร็จ ศาลก็จะสั่งให้ยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้องของ ว. ผู้รับรองหลักทรัพย์ไว้ชั่วคราวก่อนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2785/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานชิงทรัพย์ผิดมาตรา: ศาลฎีกาแก้ไขโทษจำคุกให้เหมาะสมกับพฤติการณ์ความผิด
ความผิดฐานชิงทรัพย์ จะปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคแปด ย่อมไม่ถูกต้อง เพราะความในบทบัญญัติมาตรานี้มีเพียง 5 วรรคเท่านั้น และที่ลงโทษจำคุก 12 ปีนั้นอยู่ในระวางโทษของวรรคสี่ แต่เมื่อการชิงทรัพย์รายนี้เพียงแต่กระทำในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ จึงเข้าเกณฑ์ของวรรคสอง ไม่ใช่วรรคสี่ โทษที่ลงแก่จำเลยนั้นจึงเกินอัตราไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2722/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราเหยื่อหลายราย ศาลฎีกายืนโทษจำคุกฐานกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลย 3 คนกับพวกจับตัวนางสาว ส.และเด็กหญิง บ.ลงจากเรือนไปยังทุ่งนาแล้วผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายทั้งสองบนคันนาห่างกันราว 2 วา โดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำชำเรา ส. อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ตามที่แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติกรรมหนึ่งแล้วร่วมกับจำเลยที่ 3 กับพวกกระทำชำเรา บ. อันเป็นความผิดตามมาตรา 276 ตามที่แก้ไขอีกกรรมหนึ่ง. การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ดังนี้ แยกออกได้เป็นความผิด 2 กรรม