พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,615 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ของหมั้นต้องเป็นทรัพย์สินที่มอบให้แล้ว สัญญาหมั้นเลิกด้วยความตาย ไม่เกิดสิทธิเรียกร้อง
การที่จะเกิดเป็นสัญญาหมั้นได้นั้น จำต้องมีของหมั้นเป็นหลักฐาน(อ้างฎีกา 676/2487)
ของหมั้นนั้น ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1436วรรคแรกจะต้องเป็นทรัพย์สิน ซึ่งฝ่ายชายให้ไว้แก่ฝ่ายหญิง เพื่อเป็นหลักฐานและประกันว่า จะสมรสกับหญิงนั้น จึงจำต้องมีการมอบกัน
ฝ่ายหญิงได้ตกลงเรียกทองหมั้นหนัก 12 บาท ฝ่ายชายได้มอบทองหนัก 6 บาทไว้ก่อน ส่วนอีก 6 บาทได้มอบโฉนดซึ่งมีเนื้อที่ 108 ไร่ ให้ยึดไว้แทน โดยตีราคาเนื้อที่นาในโฉนดนี้เพียง 50 ไร่ เท่ากับทอง 6 บาทเมื่อชายตายโดยยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส หญิงก็ได้แต่เก็บเอาทองหมั้น 6 บาทที่ได้มอบไว้แล้วนั้น (มาตรา 1440)ส่วนทองอีก 6 บาทที่ยังไม่ได้มอบหาใช่ของหมั้นไม่หญิงจึงจะเก็บเอาไว้ก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ที่หญิงจะเรียกเอาก็ไม่ได้เพราะสัญญาหมั้นเลิกกันเพราะความตายของชายแล้ว ไม่มีบทกฎหมายใด ให้หญิงเรียกได้ เมื่อไม่มีมูลหนี้ที่หญิงจะเรียกร้องต่อไปโฉนดที่ฝ่ายชายวางไว้เป็นประกัน จึงไม่มีหนี้จะประกัน หญิงก็ยึดโฉนดไว้ไม่ได้
ของหมั้นนั้น ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1436วรรคแรกจะต้องเป็นทรัพย์สิน ซึ่งฝ่ายชายให้ไว้แก่ฝ่ายหญิง เพื่อเป็นหลักฐานและประกันว่า จะสมรสกับหญิงนั้น จึงจำต้องมีการมอบกัน
ฝ่ายหญิงได้ตกลงเรียกทองหมั้นหนัก 12 บาท ฝ่ายชายได้มอบทองหนัก 6 บาทไว้ก่อน ส่วนอีก 6 บาทได้มอบโฉนดซึ่งมีเนื้อที่ 108 ไร่ ให้ยึดไว้แทน โดยตีราคาเนื้อที่นาในโฉนดนี้เพียง 50 ไร่ เท่ากับทอง 6 บาทเมื่อชายตายโดยยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส หญิงก็ได้แต่เก็บเอาทองหมั้น 6 บาทที่ได้มอบไว้แล้วนั้น (มาตรา 1440)ส่วนทองอีก 6 บาทที่ยังไม่ได้มอบหาใช่ของหมั้นไม่หญิงจึงจะเก็บเอาไว้ก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ที่หญิงจะเรียกเอาก็ไม่ได้เพราะสัญญาหมั้นเลิกกันเพราะความตายของชายแล้ว ไม่มีบทกฎหมายใด ให้หญิงเรียกได้ เมื่อไม่มีมูลหนี้ที่หญิงจะเรียกร้องต่อไปโฉนดที่ฝ่ายชายวางไว้เป็นประกัน จึงไม่มีหนี้จะประกัน หญิงก็ยึดโฉนดไว้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์สินที่ได้มาจากการร่วมแรงร่วมทุน: สามีที่ไม่จดทะเบียนสมรสไม่มีสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ของมารดาโจทก์จากจำเลย ซึ่งเป็นสามีของมารดาโจทก์ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เมื่อปรากฎว่าทรัพย์เหล่านั้นไม่ใช่เป็นทรัพย์ที่จำเลยร่วมแรงร่วมทุนกับมารดาโจทก์หาได้มาจำเลยก็ไม่มีสิทธิจะเรียกให้แบ่งได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินที่ได้มาจากการร่วมแรงร่วมทุน: สิทธิในการแบ่งทรัพย์สินเมื่อไม่ได้จดทะเบียนสมรส
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ของมารดาโจทก์จากจำเลยซึ่งเป็นสามีของมารดาโจทก์โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เมื่อปรากฏว่าทรัพย์เหล่านั้นไม่ใช่เป็นทรัพย์ที่จำเลยร่วมแรงร่วมทุนกับมารดาโจทก์หาได้มา จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะเรียกให้แบ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดก: ข้อพิพาทเรื่องการครอบครองทรัพย์สินและอายุความ
โจทก์ 6 คน ฟ้องขอแบ่งมรดก ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์แก้ แบ่งมรดกให้แก่โจทก์คนหนึ่งกับจำเลยคนละครึ่งดังนี้ โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 966/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฝากเก็บทรัพย์ การดูแลรักษา และความผิดฐานยักยอกทรัพย์
จำเลยเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของอวนเอาอวนมาขออาศัยเก็บไว้ที่บ้านจำเลย แต่การดูแลระวังรักษาอวนยังอยู่ในความรับผิดของลูกจ้างอวน ดังนี้ ยังไม่เรียกว่า จำเลยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษาหรือเก็บทรัพย์หรือจัดการทรัพย์อย่างใดๆของผู้อื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นผิดฐานยักยอกทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 813/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายทรัพย์สินที่มีข้อจำกัดในการโอน และความรับผิดในสัญญา
ทำสัญญาขายทรัพย์ซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของ แล้วทำการโอนไม่ได้เพราะเจ้าของอีกคนหนึ่งคัดค้านนั้น ไม่ทำให้ผู้ขายหลุดพ้นจากความรับผิดในฐานผิดสัญญา
เบี้ยปรับฐานผิดสัญญา ซึ่งคู่ความตกลงกันไว้ในสัญญา เมื่อศาลได้พิจารณาข้อสัญญาประกอบด้วยเหตุผลทั่ว ๆ ไปที่ปรากฏตามทางพิจารณาแล้ว ศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามจำนวนที่เห็นสมควร ตาม ป.พ.พ.มาตรา 383 ได้
การคืนเงินในกรณีเลิกสัญญา ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้อง
เบี้ยปรับฐานผิดสัญญา ซึ่งคู่ความตกลงกันไว้ในสัญญา เมื่อศาลได้พิจารณาข้อสัญญาประกอบด้วยเหตุผลทั่ว ๆ ไปที่ปรากฏตามทางพิจารณาแล้ว ศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามจำนวนที่เห็นสมควร ตาม ป.พ.พ.มาตรา 383 ได้
การคืนเงินในกรณีเลิกสัญญา ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 813/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายทรัพย์สินที่มีข้อจำกัดในการโอน และการกำหนดค่าปรับที่สมเหตุสมผล
ทำสัญญาขายทรัพย์ซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของ แล้วทำการโอนไม่ได้เพราะ เจ้าของอีกคนหนึ่งคัดค้านนั้น ไม่ทำให้ผู้ขายหลุดพ้นจากความรับผิดในฐานผิดสัญญา
เบี้ยปรับฐานผิดสัญญาซึ่งคู่ความตกลงกันไว้ในสัญญา เมื่อศาลได้พิจารณาข้อสัญญาประกอบด้วยเหตุผลทั่วๆ ไปที่ปรากฏตามทางพิจารณาแล้วศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามจำนวนที่เห็นสมควรตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 ได้
การคืนเงินมัดจำในกรณีเลิกสัญญา ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้อง
เบี้ยปรับฐานผิดสัญญาซึ่งคู่ความตกลงกันไว้ในสัญญา เมื่อศาลได้พิจารณาข้อสัญญาประกอบด้วยเหตุผลทั่วๆ ไปที่ปรากฏตามทางพิจารณาแล้วศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามจำนวนที่เห็นสมควรตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 ได้
การคืนเงินมัดจำในกรณีเลิกสัญญา ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 800/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกทรัพย์ระหว่างสามีภรรยา: สิทธิฟ้องต้องมีฐานตามกฎหมายเฉพาะ
โดยปรกติเมื่อชายหญิงยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ จะฟ้องร้องกันด้วยเรื่องทรัพย์ที่บริคณฑ์กันอยู่ไม่ได้ เว้นแต่จะมี ก.ม.บัญญัติให้อำนาจไว้ เช่น ป.พ.พ.มาตรา 1467, 1472, 1478 ในกรณีเช่นที่โจทก์ฟ้องนี้ ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย
(อ้างฎีกา 622/2489)
(อ้างฎีกา 622/2489)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 800/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาต้องมีกฎหมายให้อำนาจเฉพาะเจาะจง
โดยปกติเมื่อชายหญิงยังเป็นสามีภรรยากันอยู่จะฟ้องร้องกันด้วยเรื่องทรัพย์ที่บริคณห์กันอยู่ไม่ได้ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้ เช่นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1467,1472,1478 ในกรณีเช่นที่โจทก์ฟ้องนี้ ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย(อ้างฎีกา 622/2489)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีทรัพย์สิน, การจัดการทรัพย์สินโดยผู้แทน, และดอกเบี้ยค้างชำระ
มารดาจัดการทรัพย์สินของบุตรในฐานะผู้แทนบุตรตลอดมาจนมารดาตาย บุตรย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกทรัพย์สินอันเป็นส่วนได้ของตนจากผู้จัดการทรัพย์มฤดกของมารดาได้ คดีไม่มีขาดอายุความ
เมื่อได้ฟ้องคดีต่อศาลแล้ว คดีคงดำเนินอยู่ในศาลตลอดมา อายุความย่อมสดุดหยุดอยู่ จนกว่าจะได้วินิจฉัยถึงที่สุด หรือเสร็จไปประการอื่น
การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้คำขอท้ายฟ้อง และได้เสียค่าธรรมเนียมใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งยอมให้รับคดีไว้พิจารณา ย่อมถือว่า เป็นคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาล
ฟ้องเรียกเงินตามรายการต่างๆแต่คำขอท้ายฟ้องขอเรียกเป็นจำนวนน้อยกว่ารายการที่ระบุไว้ แต่ศาลสั่งให้เรียกค่าขึ้นศาลตามรายการที่ระบุไว้ ดังนี้ไม่ถือว่าเป็นการปลดหนี้
เมื่อจำเลยไม่ต้องการเสียดอกเบี้ยในระหว่างการพิจารราคดี จำเลยก็ต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่คิดว่าจะต้องชำระแก่โจทก์ มิฉนั้นจะขอยกเว้นไม่เสียดอกเบี้ยไม่ได้.
เมื่อได้ฟ้องคดีต่อศาลแล้ว คดีคงดำเนินอยู่ในศาลตลอดมา อายุความย่อมสดุดหยุดอยู่ จนกว่าจะได้วินิจฉัยถึงที่สุด หรือเสร็จไปประการอื่น
การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้คำขอท้ายฟ้อง และได้เสียค่าธรรมเนียมใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งยอมให้รับคดีไว้พิจารณา ย่อมถือว่า เป็นคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาล
ฟ้องเรียกเงินตามรายการต่างๆแต่คำขอท้ายฟ้องขอเรียกเป็นจำนวนน้อยกว่ารายการที่ระบุไว้ แต่ศาลสั่งให้เรียกค่าขึ้นศาลตามรายการที่ระบุไว้ ดังนี้ไม่ถือว่าเป็นการปลดหนี้
เมื่อจำเลยไม่ต้องการเสียดอกเบี้ยในระหว่างการพิจารราคดี จำเลยก็ต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่คิดว่าจะต้องชำระแก่โจทก์ มิฉนั้นจะขอยกเว้นไม่เสียดอกเบี้ยไม่ได้.