คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ละเมิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำละเมิดจากการทำร้ายร่างกาย แม้ไม่มีเจตนาฆ่า ก็ถือเป็นการกระทำโดยจงใจ
จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 ถือว่าจำเลยได้ทำละเมิดต่อผู้ตายแล้ว เพราะการที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายก็เป็นการกระทำโดยจงใจทำร้ายผู้ตายโดยผิดกฎหมายอยู่ในตัวแล้ว แม้จะไม่มีเจตนาฆ่าก็ได้ชื่อว่ากระทำละเมิด แต่การละเมิดนั้นถึงกับมีเจตนาจะฆ่าหรือทำให้ตายโดยไม่มีเจตนานั้นเป็นเรื่องของเจตนาในการทำผิดทางอาญา เจตนากระทำกับจงใจกระทำ จะตีความอนุโลมอย่างเดียวกันมิได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำละเมิด แม้ไม่มีเจตนาฆ่า แต่จงใจทำร้ายก็ถือเป็นละเมิดได้
จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ถือว่าจำเลยได้ทำละเมิดต่อผู้ตายแล้ว เพราะการที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายก็เป็นการกระทำโดยจงใจทำร้ายผู้ตายโดยผิดกฎหมายอยู่ในตัวแล้ว แม้จะไม่มีเจตนาฆ่าก็ได้ชื่อว่ากระทำละเมิด แต่การละเมิดนั้นถึงกับมีเจตนาจะฆ่าหรือทำให้ตายโดยไม่มีเจตนานั้นเป็นเรื่องของเจตนาในการทำผิดทางอาญา เจตนากระทำกับจงใจกระทำจะตีความอนุโลมอย่างเดียวกันมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนรถยนต์: สิทธิในการแบ่งผลกำไร, การใช้สิทธิทำละเมิด, และอายุความฟ้องละเมิด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเอารถพิพาทวิ่งรับจ้างหาประโยชน์เป็นการส่วนตัวหรือแต่ผู้เดียว ดังนี้ ถือว่าโจทก์มิได้ฟ้องว่าจำเลยเอารถออกวิ่งรับจ้างหาประโยชน์ในฐานะที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ ซึ่งโจทก์จะต้องร่วมรับผิดชอบในกำไรและขาดทุน โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอแบ่งผลกำไรหรือรายได้ที่จำเลยหาได้เป็นการส่วนตัว และรายได้นี้ไม่ถือเป็นดอกผลนิตินัย
รถพิพาทเป็นรถที่โจทก์จำเลยร่วมกันซื้อไว้ให้เป็นรถของหุ้นส่วนระหว่างโจทก์กับจำเลยหรือเป็นทำนองโจทก์กับจำเลยเป็นเจ้าของรถพิพาทร่วมกัน การใช้สิทธิใด ๆ ของจำเลยต่อรถ จะต้องไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือใช้สิทธิที่ไม่ขัดต่อสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 และ 1360 การที่จำเลยเอารถพิพาทออกวิ่งรับจ้างหาประโยชน์ทำให้รถเสื่อมคุณภาพสึกหรอ ทำให้โจทก์เสียหายนั้นเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และขัดต่อสิทธิของโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้อง โจทก์ก็จำต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า คดีของโจทก์มิได้ขาดอายุความ แต่โจทก์มิได้นำสืบดังกล่าว รูปคดีก็ต้องฟังว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความดังที่จำเลยต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องผู้เช่าซื้อเรียกค่าเสียหายจากละเมิดต่อรถยนต์ และการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่เกี่ยวข้อง
ผู้ที่เช่าซื้อทรัพย์โดยมีข้อสัญญาว่าผู้เช่าซื้อจะระมัดระวังดูแลรักษาทรัพย์นั้นให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยคงเดิม การชำรุดเสียหายเป็นหน้าที่ของผู้เช่าซื้อจะต้องซ่อมแซม เมื่อทรัพย์นั้นถูกทำละเมิดให้เสียหาย และผู้เช่าซื้อได้ชำระเงินค่าซ่อมแซมไปแล้ว จึงเป็นผู้เสียหายโดยตรง มีอำนาจฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องรักษาตัวเกิน 20 วัน โจทก์ต้องรักษาตัว เสียค่ายา ค่ารักษาจึงขอคิดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายรวมทั้งค่าทนทุกข์ทรมาน 5,000 บาท ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม เพราะค่าเสียหายเป็นค่าอะไรเท่าใดเสียให้แก่ใคร เมื่อใด และเพราะเหตุใดนั้น เป็นรายละเอียดซึ่งต้องนำสืบในชั้นพิจารณา(อ้างฎีกาที่ 497/2499)
โจทก์เช่าซื้อรถมาใช้ในครอบครัวระหว่างโจทก์และสามีโจทก์โดยใช้ไปทำงานด้วยกันโดยสามีโจทก์เป็นผู้ขับ เมื่อจำเลยทำละเมิดทำให้รถดังกล่าวเสียหายต้องเข้าอู่ซ่อม เป็นเหตุให้โจทก์และสามีโจทก์ต้องจ้างรถยนต์รับจ้างไปทำงานและรับแพทย์มารักษาโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวรวมกันมาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าทำนาในช่วงระหว่างความชอบด้วยกฎหมาย แม้ศาลฎีกาพิพากษาภายหลัง ย่อมไม่เป็นละเมิด
การที่จำเลยเข้าทำนาพิพาทในระหว่างที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ไม่เป็นการผิดกฎหมาย เพราะจำเลยเป็นผู้ชนะคดี ย่อมมีสิทธิเข้าทำนาได้โดยอาศัยสิทธิตามคำพิพากษา แม้ต่อมาภายหลังศาลฎีกาจะได้พิพากษากลับให้โจทก์ชนะก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยในตอนนั้นกลายเป็นผิดกฎหมายจึงไม่เป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทำนาภายหลังคำพิพากษา: การกระทำไม่เป็นละเมิด แม้ศาลฎีกาพิพากษาเปลี่ยน
การที่จำเลยเข้าทำนาพิพาทในระหว่างที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ไม่เป็นการผิดกฎหมายเพราะจำเลยเป็นผู้ชนะคดี ย่อมมีสิทธิเข้าทำนาได้โดยอาศัยสิทธิตามคำพิพากษา แม้ต่อมาภายหลังศาลฎีกาจะได้พิพากษากลับให้โจทก์ชนะก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยในตอนนั้นกลายเป็นผิดกฎหมาย จึงไม่เป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 969/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งพักราชการ/ออกจากราชการตาม ม.63 และการพิจารณาหลังศาลตัดสินคดีอาญา ไม่ถือเป็นการละเมิด
ตามพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2485 มาตรา 63 นั้น ผู้บังคับบัญชามีอำนาจสั่งให้ข้าราชการพลเรือนที่ถูกฟ้องคดีอาญาซึ่งไม่ใช่ความผิดลหุโทษหรือประมาท ให้ออกจากราชการได้ในขณะที่ข้าราชการผู้นั้นกำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีอาญาหรือระหว่างการสอบสวนเรื่องทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงและผู้บังคับบัญชามีอำนาจสั่งให้ออกจากราชการได้โดยไม่ต้องตั้งกรรมการดำเนินการสอบสวนเสียก่อน
ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 63(ก) นั้น ผู้บังคับบัญชาไม่ต้องสั่งใหม่ในเมื่อการพิจารณาคดีหรือการสอบสวนได้ความว่าข้าราชการผู้นั้นไม่มีความผิด แต่ถ้าศาลพิพากษาว่าข้าราชการผู้นั้นมีความผิดหรือการสอบสวนได้ความเป็น+ที่จะต้องไล่ออกหรือปลดออก ผู้บังคับบัญชาต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นไล่ออกหรือปลดออกให้ตรงตามบทบัญญัติแห่งวินัยข้าราชการพลเรือนอีกครั้งหนึ่ง การสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 63(ก) นั้น เป็นการสั่งให้พ้นจากราชการไปเลย และคำสั่งนี้คงมีผลตลอดไป เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ไล่ออกหรือปลดออกตามความในมาตรา 63(ก) ตอนท้ายเท่านั้น.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16 -17/2507).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลูกผักบุ้งในพื้นที่ประทานบัตรประมง การละเมิดสิทธิ และค่าเสียหาย
จำเลยปลูกผักบุ้งไว้ในลำคลองสาธารณะตรงหน้าที่ดินและบ้านเรือนของจำเลยก่อนโจทก์ได้รับประทานบัตรให้เป็นผู้มีสิทธิทำการประมงในลำคลองนั้น โจทก์ขัดข้องในการทำการประมงเพราะแพผักบุ้งของจำเลย ทางการจึงอนุญาตให้จำเลยเทียบแพผักบุ้งได้เฉพาะพื้นที่ตามเขตหน้าบ้าน แต่แพผักบุ้งของจำเลยยาวเกินกว่าเขตหน้าบ้าน เช่นนี้ ส่วนที่เกินเลยออกไปทางการชี้แจงห้ามปรามแล้ว เมื่อจำเลยไม่ฟังและโจทก์ได้รับความเสียหายเพราะการกระทำของจำเลย ย่อมเป็นการละเมิด ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดสิทธิประมงจากการปลูกผักบุ้งรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ แม้ได้รับอนุญาตสวนครัว แต่เกินขอบเขตที่กำหนด
จำเลยปลูกผักบุ้งไว้ในลำคลองสาธารณะตรงหน้าที่ดินและบ้านเรือนของจำเลยก่อนโจทก์ได้รับประทานบัตรให้เป็นผู้มีสิทธิทำการประมงในลำคลองนั้น โจทก์ขัดข้องในการทำการประมงเพราะแพผักบุ้งของจำเลย ทางการจึงอนุญาตให้จำเลยเทียบแพผักบุ้งได้เฉพาะพื้นที่ตามเขตหน้าบ้าน แต่แพผักบุ้งของจำเลยยาวเกินกว่าเขตหน้าบ้าน เช่นนี้ส่วนที่เกินเลยออกไปทางการชี้แจงห้ามปรามแล้วเมื่อจำเลยไม่ฟังและโจทก์ได้รับความเสียหายเพราะการกระทำของจำเลยย่อมเป็นการละเมิด ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ชดใช้ค่าเสียหายจากเหตุละเมิด ไม่เป็นโมฆะ แม้ลงวันที่ย้อนหลัง หากเจตนาคือการชดใช้ค่าเสียหาย ไม่ใช่เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยตามสัญญากู้ ซึ่งมีมูลหนี้เดิมจากการทำละเมิดของจำเลย อายุความเรียกร้องต้องเป็นไปตามเรื่องกู้ มิใช่เรื่องมูลละเมิด
จำเลยทำให้เกิดเพลิงไหม้ทรัพย์สินของโจทก์โดยประมาทเลินเล่อและยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์โดยทำสัญญากู้ให้ไว้และโจทก์ยอมให้ลงวันที่ในสัญญากู้ย้อนหลังไปไม่ถือว่าสัญญากู้นั้นมีวัตถุประสงค์โดยตรงอันจะมีผลให้จำเลยหลุดพ้นจากการต้องหาคดีอาญาฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทและไม่ใช่เป็นการทำสัญญากู้เพื่อให้โจทก์ช่วยเหลือจำเลยให้พ้นผิดทางอาญาด้วยสัญญากู้จึงไม่เป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนเนื่องจากเจตนาอันแท้จริงของคู่กรณีเป็นเรื่องจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยก่อให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทแก่เรือน เรือนครัว ยุ้งข้าว ข้าวเปลือก สิ่งของเครื่องใช้ในบ้านและต้นผลไม้ถือว่าโจทก์ได้บรรยายรายละเอียดแห่งทรัพย์สินที่เสียหายไว้ในฟ้องชัดแจ้งแล้ว
of 278