คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา: พยานพฤติการณ์แวดล้อม, การควบคุมตัว, และการปั้นเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนความผิด
ในคดีฆาตกรรมนั้นไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานรู้เห็นในขณะกระทำผิดเสมอไป พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีอันมั่นคงก็เพียงพอรับฟังมาลงโทษจำเลยได้
ข้อเท็จจริงได้ความแต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 รายงานแจ้งเหตุวิสามัญฆาตกรรมโดยอ้างว่าจำเลยทั้ง 5 ยิงต่อสู้กับผู้ร้าย 5-6 คนในตอนกลางคืนซึ่งไม่ใช่ความจริง เป็นการปั้นเรื่องขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนการฆ่าผู้ตาย เพียงเท่านี้เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดยืนยันว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้ตายในตอนใดเสียเลยแล้วเช่นนี้ ศาลจะฟังแต่เพียงถ้อยคำอันไม่ใช่ความจริงของจำเลยเองมาลงโทษจำเลยในคดีเรื่องฆ่าคนตายอันมีโทษอุกฤษฎ์โดยไม่มีพยานโจทก์ยืนยันความผิดของจำเลยไม่ได้ ถือว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยเหล่านี้ทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ม. 218 นั้นหมายถึงโทษแต่ละกะทง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตาม ก.ม.อาญาม. 298 ,299,63 และตาม ม. 243 อีก 2 ปี รวม 2 กะทง 7 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีแพ่งสะดุดหยุดเมื่อฟ้องคดีอาญา
กำหนดหนึงปีในการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้นเป็นอายุความฉนั้นเมื่อโจทก์ฟ้องคดีอาญาฐานบุกรุกไว้แล้ว แต่คดียังไม่ถึงที่สุดต่อมาโจทก์จึงได้ฟ้องคดีแพ่งอีกคดีหนึ่ง เมื่อเกินหนึ่งปีนับจากวันบุกรุก คดีโจทก์หาขาดอายุความไม่ เพราะอายุความได้สดุดหยุดลงตามวิ.อาญา ม. 51 วรรค 2 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีแพ่งสะดุดหยุดเมื่อฟ้องคดีอาญา
กำหนดหนึ่งปีในการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้นเป็นอายุความ ฉะนั้นเมื่อโจทก์ฟ้องคดีอาญาฐานบุกรุกไว้แล้ว แต่คดียังไม่ถึงที่สุดต่อมาโจทก์จึงได้ฟ้องคดีแพ่งอีกคดีหนึ่งเมื่อเกินหนึ่งปีนับจากวันบุกรุกคดีโจทก์หาขาดอายุความไม่เพราะอายุความได้สะดุดหยุดลงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคสองแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาเวลาเกิดเหตุในคดีอาญา: 'จวนพลบค่ำยังไม่มืด' ไม่ถือเป็นเวลากลางคืน
เวลาจวนพลบค่ำยังไม่มืดนั้นยังไม่ใช่เวลากลางคืนตามความหมายแห่ง ก.ม.อาญา ม.6(24)
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าเหตุเกิดเวลากลางวัน พยานโจทก์บางคนว่าเหตุเกิดตะวันตกดินแล้ว 2 อึดใจ บางคนว่า 3 อึดใจ และบางคนว่าขณะนั้นยังไม่มึด เช่นนี้สมควรจะได้ฟังพยานต่อไปให้สิ้นกระแสร์ความยังไม่ชอบที่จะสั่งงดสืบพยานอื่น ๆ เสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เวลาเกิดเหตุคดีอาญา: การพิจารณา 'เวลากลางคืน' ตามกฎหมายอาญา
เวลาจวนพลบค่ำยังไม่มืดนั้นยังไม่ใช่เวลากลางคืนตามความหมายแห่ง กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 6(24)
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าเหตุเกิดเวลากลางวัน พยานโจทก์บางคนว่าเหตุเกิดตะวันตกดินแล้ว2อึดใจ บางคนว่า3อึดใจ และบางคนว่าขณะนั้นยังไม่มืด เช่นนี้สมควรจะได้ฟังพยานต่อไปให้สิ้นกระแสร์ความยังไม่ชอบที่จะสั่งงดสืบพยานอื่นๆ เสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญา: การพิสูจน์หลักฐานการฆ่า และการยกฎีกาเนื่องจากข้อจำกัดในการแจ้งสำเนา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์โจทก์ฎีกาศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกา แต่ส่งสำเนาให้จำเลยไม่ได้ จึงส่งสำนวนมายังศาลฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาโจทก์ต้องห้ามตาม กฎหมาย ศาลฎีกาจะพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์เสียเลยก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์หลักฐานในคดีอาญา: การยกฟ้องเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์โจทก์ฎีกาศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกา แต่ส่งสำเนาให้จำเลยไม่ได้ จึงส่งสำนวนมายังศาลฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาโจทก์ต้องห้ามตาม กฎหมาย ศาลฎีกาจะพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์เสียเลยก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องทางแพ่งหลังคดีอาญา: ศาลไม่ผูกพันข้อเท็จจริงเดิม หากคดีอาญาไม่ได้ชี้ขาดเรื่องสิทธิในทางแพ่ง
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งให้ศาลถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
แม้ว่าโจทก์จะเคยฟ้องจำเลยในคดีอาญาในข้อหาว่าลักทรัพย์บุกรุกมาแล้ว และศาลเป็นแต่พิพากษาว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตลักทรัพย์หรือบุกรุกที่ดินของโจทก์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องโต้เถียงการครอบครองหรือสิทธิในทางแพ่ง ศาลหาได้ชี้ขาดที่พิพาทว่าเป็นของใครไม่ ดังนี้โจทก์มีสิทธิกลับมาฟ้องทางแพ่งให้พิพากษาว่าที่ดินดังกล่าวในคดีก่อนเป็นของโจทก์ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำต้องห้าม
เมื่อทางวัดได้มอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องความแทนวัดโดยถูกต้องแล้วผู้นั้นก็ย่อมมีอำนาจดำเนินคดีได้ ส่วนผู้รับมอบอำนาจจะเป็นไวยาวัจจกรของวัดจริงหรือไม่ ไม่สำคัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีแพ่งหลังคดีอาญา: ศาลไม่ผูกพันข้อเท็จจริงเดิม หากคดีอาญาไม่ได้ชี้ขาดเรื่องสิทธิในที่ดิน
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งให้ศาลถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
แม้ว่าโจทก์จะเคยฟ้องจำเลยในคดีอาญาในข้อหาว่าลักทรัพย์บุกรุกมาแล้ว และศาลเป็นแต่พิพากษาว่า จำเลยไม่มีเจตนาทุจริตลักทรัพย์หรือบุกรุกที่ดินของโจทก์นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องโต้เถียงการครอบครองหรือสิทธิในทางแพ่ง ศาลหาได้ชี้ขาดที่พิพาทว่าเป็นของใครไม่ ดังนี้โจทก์มีสิทธิกลับมาฟ้องทางแพ่งให้พิพากษาว่าที่ดินดังกล่าวในคดีก่อนเป็นของโจทก์ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำต้องห้าม
เมื่อทางวัดได้มอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องความแทนวัดโดยถูกต้องแล้วผู้นั้นก็ย่อมมีอำนาจดำเนินคดีได้ ส่วนผู้รับมอบอำนาจจะเป็นไวยาวัจกรของวัดจริงหรือไม่ ไม่สำคัญ
of 312