พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,884 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้หวงห้ามไม่มีตราค่าภาคหลวง จำเลยต้องพิสูจน์ที่มาชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยมีไม้เต็งรังไม้เหียงไม้พลวงไม้มะค่าแต้ และไม้แดงอันเป็นไม้ประเภทหวงห้ามไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับรวม 97896 ท่อน เป็นไม้ติดเปลือกยาว 120 เซ็นติเมตรถึง300เซ็นติเมตร โตวัดโดยรอบประมาณ 20-30 เซ็นติเมตรดังนี้เป็นแต่ไม้ที่ตัดออกเป็นท่อนยังไม่ถึงขนาดเป็นไม้แปรรูปจึงเป็นหน้าที่จำเลยที่จะแสดงให้เห็นว่า ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายตามความหมายใน พระราชบัญญัติป่าไม้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานชิงทรัพย์ จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าจำเลยเป็นผู้ลักทรัพย์โดยตรง หากไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ ศาลต้องยกฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเพื่อเป็นความสดวกในการที่จะลักทรัพย์ ครั้นแล้วจำเลยลักเอาธนบัตรของผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์ เมื่อทางพิจารณาข้อมีว่าจำเลยลักเงินพยานหลักฐานไม่มี เป็นแต่ได้ความว่าจำเลยรัดคอผู้เสียหายล้มลง แล้วมีชายอื่นอีกคนหนึ่งเอามีดกรีดกระเป๋าผู้เสียหายขาด แล้วชายนั้นล้วงเอาเงินในกระเป๋าได้ และวิ่งหนีไปส่วนจำเลยพอลุกขึ้นได้ก็วิ่งตามหลังคนล่วงเงินลับตาไป ดังนี้ จะลงโทษจำเลยโทษฐานชิงทรัพย์ ไม่ได้ ศษลต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาบางจำเลยในคดีอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานสมคบกันฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249,63 แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา 251 ก็ยังเป็นการยืนยันว่า จำเลยได้กระทำผิดในคดีที่โจทก์ฟ้องนี้ฉะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยบางคนไม่มีความผิดคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่มีความผิดนั้นได้ชื่อว่าศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโจทก์จึงมีสิทธิฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ศาลอุทธรณ์ปล่อยไปนั้น ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามมาตรา 249 ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2495)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเป็นสาระสำคัญ หากไม่ครบถ้วน ฎีกาไม่รับพิจารณา
แม้ศาลจะได้ดำเนินการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียวเป็นการถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 182 วรรค 3 แล้ว แต่เมื่อจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ก็ไม่ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 216 ฉะนั้นหากโจทก์จะฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็จะรับพิจารณาฎีกาของโจทก์ไม่ได้ต้องให้จำหน่ายคดี ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง: เงื่อนไขการฎีกา
แม้ศาลจะได้ดำเนินการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียวเป็นการถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 182 วรรคสาม แล้ว แต่เมื่อจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ก็ไม่ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 216 ฉะนั้นหากโจทก์จะฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็จะรับพิจารณาฎีกาของโจทก์ไม่ได้ ต้องให้จำหน่ายคดี ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลและผลการถอนอุทธรณ์: คดีถึงที่สุดเฉพาะจำเลยที่ถอนอุทธรณ์
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า คดีเกินอำนาจโจทก์มิได้อุทธรณ์ แต่จำเลยกลับอุทธรณ์ว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาคดีนั้นได้แต่ภายหลังจำเลยบางคนขอถอนฟ้องอุทธรณ์เฉพาะตัวศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยที่ขอถอนถอนฟ้องอุทธรณ์ไปได้คงพิจารณาพิพากษาเฉพาะจำเลยคนอื่นแล้วพิพากษาว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนั้น ให้ศาลแขวงดำเนินการพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาพิพากษายืน ดังนี้คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ถอนอุทธรณ์นั้นถึงที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 202โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยที่ถอนอุทธรณ์มาดำเนินการพิจารณารวมเป็นคดีเดียวกับจำเลยอื่นตามฟ้องเดิมของโจทก์อีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ในคดีอาญา: จำเลยอ้างป้องกันตัว โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิด
จำเลยต่อสู้ว่า กระทำเพื่อป้องกันตัว มีผลเท่ากับว่าจำเลยมิได้กระทำความผิด เป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงดังฟ้อง จึงจะลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยืดเวลายื่นคำให้การ จำเลยไม่ทราบคำสั่ง และสิทธิในการยื่นคำให้การตามมาตรา 204
กรณีที่จำเลยบางคนได้ยื่นแต่บางคนมิได้ยื่นคำให้การภายกำหนด ศาลจะต้องสั่งยืดเวลายื่นคำให้การไปแล้ว แจ้งให้จำเลยที่มิได้ยื่นคำให้การทราบ โดยวิธีส่งหมายธรรมดาหรือโดยวิธีอื่นแทน การที่ศาลออกหมายนัดพิจารณาคิดีเสีทีเดียว ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่มิได้ยื่นคำให้การทราบคำสั่งยืดเวลาคำให้การตามมาตรา 204
จำเลยที่ทราบฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ แต่มิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ก็ได้รับประโยชน์ตามมาตรา 204 เช่นเดียวกัน
จำเลยที่ทราบฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ แต่มิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ก็ได้รับประโยชน์ตามมาตรา 204 เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งคำสั่งยืดเวลายื่นคำให้การ และสิทธิจำเลยที่ทราบฟ้องโดยประกาศ
กรณีที่จำเลยบางคนได้ยื่นแต่บางคนมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลจะต้องสั่งยืดเวลายื่นคำให้การไปแล้วแจ้งให้จำเลยที่มิได้ยื่นคำให้การทราบ โดยวิธีส่งหมายธรรมดาหรือโดยวิธีอื่นแทน การที่ศาลออกหมายนัดพิจารณาคดีเสียทีเดียว ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่มิได้ยื่นคำให้การทราบคำสั่งยืดเวลายื่นคำให้การตามมาตรา 204
จำเลยที่ทราบฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ แต่มิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ก็ได้รับประโยชน์ตามมาตรา 204 เช่นเดียวกัน
จำเลยที่ทราบฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ แต่มิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ก็ได้รับประโยชน์ตามมาตรา 204 เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1464/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคดีฝ่ายเดียวหลังจำเลยขาดนัดและโจทก์มิได้ยื่นคำร้องภายใน 15 วัน
เรื่องจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์มิได้ยื่นคำร้องให้นัดพิจารณาภายใน 15 วัน นั้นตามบทบัญญัติใน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 198 เพียงแต่บัญญัติให้อำนาจศาลที่จะสั่งจำหน่ายคดีเมือพ้น 15 วันได้ ฉะนั้นศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้ดำเนินการพิจารณาฝ่ายเดียวได้ เมื่อโจทก์ร้องขอ แม้จะเป็นเวลาภายหลัง 15 วันในเมื่อศาลยังมิได้สั่งจำหน่ายคดีนั้น