คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากการถูกทำร้าย ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ตายเมาสุราโมโหคนในรถที่จำเลยกับพวกที่นั่งมากดแตรเพื่อไม่ให้ผู้ตายกระแทกข้างรถ พอพวกของจำเลยคนหนึ่งเดินมาที่รถผู้ตายก็เข้าไปต่อว่าแล้วเกิดเป็นปากเสียงกันขึ้น เมื่อจำเลยเข้าไปจะดึงพวกของจำเลยขึ้นรถ ผู้ตายยกมือขึ้นทำท่าจะชกต่อยจำเลยจำเลยจึงชกต่อยผู้ตายไป 1 ที ถูกผู้ตายล้มศีรษะฟาดพื้นถนนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา เพราะสมองได้รับความกระเทือนดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 146/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตเลื่อนคดีและการพิจารณาใหม่: ศาลฎีกามีอำนาจดุลพินิจพิจารณาตามความเหมาะสม โดยพิจารณาจากเหตุผลประกอบ
ในวันนัดสืบพยานประเด็นโจทก์ ทนายจำเลยขอเลื่อน แต่ศาลที่รับประเด็นไม่อนุญาต และดำเนินการสืบพยานไปโดยทนายจำเลยไม่ได้ซักค้าน ดังนี้ แม้จะถือว่าศาลที่รับประเด็นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา แต่การที่ศาลฎีกาจะมีคำสั่งให้มีการพิจารณาใหม่ทั้งหมดหรือบางส่วนหรือไม่ นั้นก็เป็นดุลพินิจของศาลฎีกา โดยคำนึงถึงเหตุอันสมควรเป็นเรื่อง ๆ ไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1445/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเกินสมควรแก่เหตุ: จำเลยถูกทำร้ายด้วยกลองและเท้า จึงใช้มีดแทงสวนกลับจนเสียชีวิต ศาลฎีกายืนตามอุทธรณ์
จำเลยถูกผู้ตายใช้กลองยาวตีศีรษะ แต่ไม่ถูก เพราะจำเลยหลบถอยห่างออกไปแล้ว ผู้ตายยังตามเข้าไปใช้เท้าถีบจำเลยเอาอีกการที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาว 1 คืบแทงสวนไปในขณะที่ผู้ตายใช้เท้าถีบจำเลย โดยผู้ตายไม่มีอาวุธอะไร จนผู้ตายเกิดบาดแผลที่อุ้งขาขวาใต้ลูกอัณฑะลึกตัดเส้นโลหิตใหญ่ขาด ถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1396/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวตามสมควรแก่เหตุ: ศาลฎีกายกฟ้องฐานพยายามฆ่า แม้โจทก์อุทธรณ์
การปรับบทว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นชอบที่จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทงไป ศาลชั้นต้นลงโทษเรียงกระทงความผิดมาศาลอุทธรณ์แก้ในกระทงความผิดกระทงหนึ่งแม้จะเป็นแก้มาก เมื่อศาลอุทธรณ์ยังลงโทษจำคุกในกระทงความผิดที่แก้ไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
เกิดโต้เถียงกันก่อนแล้วผู้เสียหายใช้จอบตีถูกจำเลยเซไปผู้เสียหายใช้จอบฟันซ้ำอีก 1 ที จำเลยล้มพอลุกขึ้นนั่งได้พวกผู้เสียหายต่างถือขวานและมีดจะมาช่วยผู้เสียหาย จำเลยจึงใช้ปืนพกลูกซองสั้นยิงผู้เสียหายไป 1 นัด แล้ววิ่งหนีไปแจ้งความดังนี้เป็นการที่จำเลยยิงผู้เสียหายในเวลากระทันหันที่เหตุการณ์กำลังพัวพันกันอยู่และภยันตรายซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้ายังไม่หมดไปการกระทำของจำเลยจึงเป็นป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ทางพิจารณาการกระทำของจำเลยเป็นป้องกันพอสมควรแก่เหตุแม้จำเลยจะไม่ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงและการวินิจฉัยของศาลฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นต้องห้าม
จำเลยอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แม้ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยให้ ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ ตามมาตรา 249 ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้และพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสีย ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้าม – ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แม้ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยให้ ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ ตามมาตรา 249 ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้ และพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสีย ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1262/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์และการใช้ความรุนแรงจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาแก้ไขบทลงโทษตามความผิดที่แท้จริง
จำเลยทั้งสี่ปล้นบ้านเจ้าทรัพย์ โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ขึ้นไปปล้นบนบ้านส่วนจำเลยที่ 1 คอยเฝ้าระวังเหตุการณ์อยู่ริมรั้วขณะจำเลยกำลังทำการปล้นอยู่บนบ้านส่วนจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงพวกเจ้าทรัพย์คนหนึ่งถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 340 วรรคท้าย จำเลยนอกนั้นไม่รู้เห็นในการที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้ตาย จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย เว้นแต่โจทก์จะได้อุทธรณ์ทำนองนั้น มิได้บัญญัติห้ามมิให้ศาลปรับบทกฎหมายที่ถูกต้องลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงนอกสัญญาเช่าซื้อต้องยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากไม่เคยกล่าวอ้างมาก่อน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าเช่าซื้อคืนจากจำเลย 12,000 บาท จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ตกลงกับโจทก์ว่าจะเป็นผู้นำรถไปขายให้บุคคลภายนอก และจะชำระเงินที่โจทก์ส่งชำระแก่จำเลยแล้วให้โจทก์ การที่จำเลยฎีกาว่าข้อที่โจทก์อ้างมีข้อตกลงกันว่าจำเลยต้องคืนเงิน 12,000 บาทแก่โจทก์นั้นโจทก์นำสืบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อ ข้อตกลงนี้ต้องทำเป็นหนังสือ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ เป็นข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงนอกสัญญาเช่าซื้อ: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นศาลล่าง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าเช่าซื้อคืนจากจำเลย 12,000 บาท จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ตกลงกับโจทก์ว่าจะเป็นผู้นำรถไปขายให้บุคคลภายนอก และจะชำระเงินที่โจทก์ส่งชำระแก่จำเลยแล้วให้โจทก์ การที่จำเลยฎีกาว่าข้อที่โจทก์อ้างมีข้อตกลงกันว่าจำเลยต้องคืนเงิน 12,000 บาทแก่โจทก์นั้นโจทก์นำสืบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อ ข้อตกลงนี้ต้องทำเป็นหนังสือ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ เป็นข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาที่ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้ โดยวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงได้ แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนสร้อยราคา 5,000 บาทที่ยืมไปหรือให้ใช้ราคาพร้อมทั้งดอกเบี้ยนับจากวันผิดนัดถึงวันฟ้องอีก 560 บาทเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินกว่า 5,000 บาท จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานจำเลยควรรับฟังได้ว่าจำเลยชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้นแล้ว เป็นการเถียงว่า ควรรับฟังคำพยานอย่างไร จึงเป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อคำฟ้องฎีกาของจำเลยไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและศาลชั้นต้นก็สั่งรับฎีกามาแล้ว แม้จะใช้คำว่ารับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายก็ตาม ก็หาได้ผูกมัดศาลฎีกาให้จำต้องถือตามด้วยไม่ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงในคำฟ้องฎีกาของจำเลยได้
of 344