คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กระบวนพิจารณา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 344 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลให้ส่งพยานหลักฐานถือเป็นการทิ้งฟ้องได้
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้วได้สั่งนัดพร้อมเพื่อสอบถาม ให้โจทก์เสนอพยานหลักฐานต่อศาลว่านายหุยซิวแซ่คู จำเลยเป็นชายหรือหญิง มีตัวตนอยู่ ณ ภูมิลำเนาตามฟ้องหรือไม่ภายในกำหนด ดังนี้ยังไม่ล่วงพ้นขั้นตอนของการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล เพราะก่อนมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคู่ความหรือบุคคลใดให้ส่งพยานหลักฐานใดต่อศาลเพื่อประกอบการวินิจฉัยคดีได้เสมอ คำสั่งดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งของศาล เมื่อโจทก์ทราบคำสั่งแล้วเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามภายในกำหนดจึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา174(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2001/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแรงงานในการสืบพยานเอกสารและการไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิคู่ความ
การที่ศาลแรงงานกลางสั่งรับเอกสารตามบัญชีเพิ่มเติมของจำเลยเป็นพยานหลังจากโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนสืบพยานเสร็จแล้วเป็นการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา45 วรรคแรก เอกสาร ดังกล่าว ถือ ว่า เป็น พยานศาล จึง ย่อม รับฟังได้ เมื่อศาลแรงงานกลางยอมให้นำสืบเอกสารดังกล่าวและจำเลยแถลงหมดพยานแล้ว โจทก์มิได้แถลงขอสืบพยานเพื่อหักล้างเอกสารนั้นทั้งศาลแรงงานกลางคงได้พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สมควรจะเรียกพยานมาสืบอีกตามความในตอนท้ายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 89 วรรคสาม จึงมิได้ใช้อำนาจดังกล่าว เช่นนี้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบเมื่อคู่ความตกลงให้ศาลตัดสินคดีจากหลักฐานที่มีอยู่ แม้จะไม่มีการปูโฉนด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุก ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหายชั้นชี้สองสถาน ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ก่อนสืบพยาน คู่ความแถลงขอให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดและปูโฉนด แต่เจ้าพนักงานไม่สามารถปูโฉนดแนวเขตได้ ได้แต่ทำรูปแผนที่กระดาษส่งศาล คู่ความแถลงขอให้ศาลชี้ขาด เมื่อศาลเห็นว่าแผนที่ดังกล่าวทับกันไม่สนิท ไม่อาจใช้แผนที่ชี้ขาดได้ว่าจำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ จึงวินิจฉัยคดีว่า โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน แต่โจทก์ไม่สืบพยานจึงต้องแพ้คดี พิพากษายกฟ้อง เช่นนี้ถือว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานฝ่ายเดียวโดยไม่เปิดโอกาสให้จำเลยโต้แย้ง และการกำหนดค่าเสียหายโดยไม่ฟังพยานทั้งสองฝ่าย
พยานเอกสารที่โจทก์ส่งต่อศาลชั้นต้นในวันนัดพร้อมเป็นหนังสือของบุคคลอื่น มิใช่ของจำเลย และจำเลยมิได้รับรองความถูกต้องของหนังสือดังกล่าวศาลจะนำมารับฟังเป็นโทษแก่จำเลยทั้งสองหาได้ไม่ เพราะเป็นการรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ฝ่ายเดียว โดยจำเลยยังไม่ได้มีโอกาสนำสืบหักล้างความถูกต้อง
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายวันละ 1,000 บาท จำเลยให้การปฏิเสธว่า โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ค่าเสียหายสูงเกินจริงและเคลือบคลุมจึงฟังเป็นที่ยุติไม่ได้ การที่ศาลชั้นต้นรีบด่วนกำหนดค่าเสียหายให้จำเลยทั้งสองใช้แก่โจทก์วันละ 600 บาท จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องฟังข้อนำสืบของคู่ความต่อไปจนสิ้นกระแสความตามคำฟ้องและคำให้การแล้ววินิจฉัยชี้ขาดคดีว่าโจทก์เสียหายหรือไม่ หากเสียหายค่าเสียหายควรจะมีจำนวนเท่าใดโดยวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์ และความร้ายแรงแห่งละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5892-5894/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมพิจารณาคดีอาญาหลายสำนวน: ความชอบด้วยกฎหมายและการไม่เสียเปรียบ
คดีสามสำนวนค้างพิจารณาอยู่ในศาลชั้นต้นเดียวกัน โจทก์และจำเลยทั้งสามสำนวนเป็นคู่ความรายเดียวกัน พยานโจทก์และพยานจำเลยทั้งสามสำนวนส่วนใหญ่เป็นพยานชุดเดียวกัน จะเป็นการสะดวกหากพิจารณารวมกันจำเลยยื่นคำร้องขอให้ร่วมพิจารณาพิพากษาคดีทั้งสามสำนวนเข้าด้วยกันหลังจากคดีสำนวนแรกสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วและสืบพยานจำเลยไปบ้างแล้ว ส่วนคดีอีกสองสำนวนเพียงแต่สืบพยานโจทก์เสร็จซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาทั้งสามสำนวน โจทก์มีโอกาสสืบพยานโจทก์ทั้งสามสำนวนและซักค้านพยานจำเลยได้เต็มที่ในสำนวนแรก แม้จำเลยจะงดสืบพยานจำเลยอีกสองสำนวนก็มิได้ทำให้โจทก์เสียเปรียบในเชิงคดี การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้พิจารณาพิพากษาคดีทั้งสามสำนวนเข้าด้วยกันจึงเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา มาตรา 15 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 28

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3615/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบฉันทะทนายขอเลื่อนคดี การแจ้งเหตุขัดข้อง และผลของการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
การมอบฉันทะและการขอเลื่อนคดีในคดีอาญาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้ จึงต้องนำประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแทนตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ทนายความอาจมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมาทำการแทนได้ในกิจการที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64เท่านั้นสำหรับกิจการอื่นต้องพิเคราะห์เป็นเรื่อง ๆ ไปว่าเป็นกิจการที่สำคัญซึ่งโดยสภาพเป็นที่เห็นได้ว่าทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองหรือไม่
คำขอเลื่อนคดีด้วยวาจา จะต้องกระทำโดยตัวความหรือทนายความเท่านั้น หากตัวความหรือทนายความไม่อาจมาศาลได้ จะต้องทำคำขอเลื่อนคดีเป็นลายลักษณ์อักษร และมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมายื่นต่อศาลผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ไม่มีอำนาจแถลงด้วยวาจาขอเลื่อนคดีต่อศาล การที่ผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีต่อศาลด้วยวาจา ถือไม่ได้ว่าเป็นการแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ เมื่อโจทก์และทนายโจทก์ไม่ได้ขอเลื่อนคดีตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งไม่มาศาลโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ การที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานโจทก์ที่เหลือ จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2867/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมาย การถึงศาลกับถึงห้องพิจารณา
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์เวลา 8.30 นาฬิกา โจทก์ทราบนัดแล้วศาลออกนั่งพิจารณาเวลา 8.45 นาฬิกา ไม่ปรากฏต่อศาลในขณะนั้นว่าโจทก์มาถึงศาลแล้วหรือร้องขอเลื่อนคดี หรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งจำหน่ายคดี การที่ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาให้ยกฟ้องแล้วมีคำสั่งใหม่ว่าให้จำหน่ายคดี จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
การถึงที่ทำการของศาลกับการถึงห้องพิจารณาคดีนั้นต่างกันแม้โจทก์ไปถึงศาลก่อนเวลาแต่ไม่เข้าห้องพิจารณาก็ถือได้ว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 มิได้บังคับให้ศาลต้องสอบถามจำเลย เป็นเรื่องที่จำเลยต้องแจ้งต่อศาลว่าตนตั้งใจจะดำเนินการพิจารณาต่อไป จำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเพื่อจะได้มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์เป็นคนละกรณีกับการตั้งใจจะให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องซ้ำในประเด็นที่ศาลตัดสินแล้ว ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำที่กฎหมายห้าม
ผู้ประกันยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นไม่ให้ลดค่าปรับ เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับคำร้องของผู้ประกันในกรณีดังกล่าวถึงที่สุดแล้วผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นลดค่าปรับโดยอ้างเหตุเดิมอีก จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลชั้นต้นได้มีคำวินิจฉยชี้ขาดไปแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องของผู้ประกันฉบับหลังว่า ไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม และผู้ประกันอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวขึ้นมา ศาลอุทธรณ์ก็ไม่มีอำนาจที่จะรับวินิจฉัยให้ ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยมานั้นเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้ต้องมีการพิจารณาคดีใหม่
กรณีจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนและไม่มีเหตุผลให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่น ศาลจะต้องสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาเสียก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 แล้วจึงจะทำการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบตามข้ออ้างและข้อต่อสู้ ให้นัดสืบพยานโจทก์โดยไม่ชี้ลงไปว่าเป็นเรื่องขาดนัดพิจารณา จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยมีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้แม้จะไม่ได้โต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นไว้ และศาลฎีกาย่อมให้มีการพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ดุลพินิจศาลในการจัดล่ามแปลภาษาให้จำเลยชาวต่างชาติ ไม่ถือเป็นเหตุเพิกถอนกระบวนพิจารณา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา13มิได้บังคับว่าในการพิจารณาของศาลทุกครั้งจะต้องแปลภาษาไทยเป็นภาษาต่างประเทศในกรณีที่จำเลยเป็นชาวต่างประเทศการจะให้มีล่ามแปลหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล แม้ในวันสอบคำให้การจำเลยศาลชั้นต้นจะมิได้จัดล่ามแปลคำฟ้องเป็นภาษาอังกฤษให้แก่จำเลยซึ่งเป็นชาวออสเตรเลียฟังแต่จำเลยยังมิได้ให้การในวันนั้นโดยได้แต่งตั้งทนายความและยื่นคำให้การต่อศาลในอีกหนึ่งเดือนต่อมาโดยมีลายมือชื่อของล่ามลงไว้ด้วยแสดงว่าจำเลยเข้าใจคำฟ้องที่ศาลได้อ่านให้ฟังในวันสอบคำให้การจำเลยแล้วทั้งต่อมาก็ปรากฏว่ามีล่ามแปลทุกครั้งที่มีการพิจารณาคดีจึงไม่เป็นเหตุให้เพิกถอนและพิจารณาพิพากษาใหม่
of 35