คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การกระทำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 443 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยเจตนาฆ่า ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว แม้ผู้ตายจะส่งเสียงเอะอะล่วงอำนาจ
จำเลยทำผู้ตายฝ่ายเดียว เพราะผู้ตายส่งเสียงเอะอะในโรงงานที่จำเลยเป็นยามเฝ้า เป็นทำนองล่วงอำนาจจำเลยเท่านั้นไม่เป็นป้องกัน
มีดที่จำเลยใช้แทงผู้ตายเป็นมีดปลายแหลมด้ามยาว 3 นิ้วฟุต ตัวมีดยาวประมาณ 5 นิ้วฟุต กว้างประมาณ 1 นิ้วฟุต จำเลยแทงผู้ตายที่หน้าท้องบาดแผลยาว 5 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร ทะลุถึงตับเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ผู้ตายถึงแก่ความตายทันที การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยเจตนาฆ่าเมื่อไม่มีเหตุป้องกันตนเอง
จำเลยทำผู้ตายฝ่ายเดียว เพราะผู้ตายส่งเสียงเอะอะในโรงงานที่จำเลยเป็นยามเฝ้า. เป็นทำนองล่วงอำนาจจำเลยเท่านั้น ไม่เป็นป้องกัน
มีดที่จำเลยใช้แทงผู้ตายเป็นมีดปลายแหลมด้ามยาว 3 นิ้วฟุต ตัวมีดยาวประมาณ 5 นิ้วฟุต กว้างประมาณ 1 นิ้วฟุต จำเลยแทงผู้ตายที่หน้าท้องบาดแผลยาว 5 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร ทะลุถึงตับเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ผู้ตายถึงแก่ความตายทันที การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การกระทำโดยมีโกรธเคืองเป็นแรงจูงใจ และใช้ตำแหน่งหน้าที่อำนวยความสะดวก
จำเลยโกรธผู้ตายที่กล่าวหาว่าจำเลยลักกระบือไปฆ่า จึงหาเหตุไปจับผู้ตายโดยอาศัยการที่จำเลยเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน เมื่อจำเลยจับผู้ตายได้แล้ว ก็พาผู้ตายไปฆ่าทิ้งเสียที่กลางป่า การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายและการป้องกันสิทธิ: การใช้ความรุนแรงหลังพ้นจากภยันตรายไม่ใช่การป้องกัน
น. ไม่มีอำนาจตามกฎหมายจับกุมจำเลยใช้ปืนขู่บังคับจำเลยเพื่อจะพาไปหาผู้ใหญ่บ้าน ระหว่างทางมีคนแย่งเอาปืนจาก น. ไปได้แล้ว จำเลยจึงใช้มีดพร้าฟัน น. ถูกที่ศีรษะกลางหลังและบั้นเอวดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นป้องกัน
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยชิงทรัพย์โดยใช้มีดขอฟันทำร้ายจนเกิดอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่มีเจตนาเอาทรัพย์ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1836/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนรับผิดร่วมกันในความเสียหายจากการกระทำของหุ้นส่วนอีกฝ่ายหนึ่ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ขับรถของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับด้วยความประมาทชนรถของโจทก์เสียหาย ขอให้ร่วมกันและแทนกันชำระค่าเสียหาย จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกรถยนต์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรงงานร่วมกันรับจ้างบรรทุกของของผู้อื่น แล้วจำเลยที่ 2 นำสืบในทำนองนี้ และว่าจำเลยที่ 2ไม่ได้ตกลงทำสัญญารับจ้างขนของรายนั้น จำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปตกลงเองผลประโยชน์แบ่งกันคนละครึ่ง ดังนี้ เห็นได้ว่าการดำเนินกิจการเกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ ระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 2 เข้าลักษณะเป็นหุ้นส่วนกัน โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรง จำเลยที่ 2 เป็น ผู้ออกทรัพย์เมื่อการกระทำของหุ้นส่วนทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดร่วมกันและแทนกัน และคดีนี้โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนด้วย คดีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1836/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนรับผิดร่วมกันในความเสียหายจากการกระทำของหุ้นส่วนอีกคน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและตัวแทนของจำเลยที่ 2จำเลยที่ 1 ขับรถของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2ได้ขับด้วยความประมาทชนรถของโจทก์เสียหาย ขอให้ร่วมกันและแทนกันชำระค่าเสียหาย จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกรถยนต์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรงงานร่วมกันรับจ้างบรรทุกของของผู้อื่น แล้วจำเลยที่ 2 นำสืบในทำนองนี้ และว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ตกลงทำสัญญารับจ้างขนของรายนั้น จำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปตกลงเอง ผลประโยชน์แบ่งกันคนละครึ่ง ดังนี้ เห็นได้ว่าการดำเนินกิจการเกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ ระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 2 เข้าลักษณะเป็นหุ้นส่วนกัน โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกแรง จำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกทรัพย์เมื่อการกระทำของหุ้นส่วนทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดร่วมกันและแทนกัน และคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนด้วย คดีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัว: การแย่งมีดและการกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงภยันตรายจากผู้ที่ยังคงมีเจตนาทำร้าย
ผู้ตายเมาสุราใช้มีดปลายแหลมแทงด้วยเจตนาฆ่า ถูกจำเลยทางด้านหลังก่อนจำเลยจึงเข้าแย่งมีดมาได้ แล้วผู้ตายกลับเข้ากอดปล้ำแย่งมีดจากจำเลยอีก เช่นนี้ แสดงว่าผู้ตายยังติดตามคิดจะทำร้ายจำเลยให้ถึงตายตามที่มีเจตนาแต่แรก ดังนั้น การที่จำเลยเสือกมีดไปถูกผู้ตายเกิดบาดแผล 3 แผล ลึก 5 เซนติเมตรถึงแก่ความตายในขณะที่ผู้ตายกับจำเลยกำลังแย่งมีดกันอย่างชุลมุนในระยะกระชั้นชิดเช่นนี้ เป็นการที่จำเลยกระทำไปเพื่อให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จึงเป็นการกระทำป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในการป้องกันตัว: การกระทำพอสมควรแก่เหตุ ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามฟ้อง เมื่อจำเลยอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำโดยสำคัญผิดว่าเป็นพวกคนร้ายมาปล้นเรือน แต่เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ดังนี้ แม้โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามศาลชั้นต้น ส่วนจำเลยไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพียงแต่แก้ฎีกาโจทก์ขอให้ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ก็ตาม เมื่อศาลฎีกาฟังว่าเป็นการป้องกันพอควรแก่เหตุย่อมเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาความเชื่อมโยงของการกระทำและผลที่เกิดขึ้น
ศาลชั้นต้นลงโทษฐานทำให้ผู้อื่นตายโดยไม่มีเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 จำคุก 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นทำร้ายผู้อื่นตาม มาตรา 295 จำคุก 2 เดือน เป็นการแก้ไขมากไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายต้องไม่เกินสมควร การสำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้ายไม่ใช่เหตุป้องกันเสมอไป
จำเลยใช้มีดดายหญ้าฟันผู้เสียหายโดยสำคัญผิดคิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้าย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยหาเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเสมอไปไม่
เมื่อคดีฟังข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยก็หาเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่
of 45