คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การกระทำผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 354 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับให้จำเลยออกจากที่ดินหลังใช้ พ.ร.บ.ป่าไม้ โดยแบ่งแยกช่วงเวลาการกระทำผิดเป็นก่อนและหลังใช้กฎหมาย
คำขอที่ขอให้บังคับจำเลยออกจากป่าที่จำเลยแผ้วถางครอบครองก่อนใช้พระราชบัญญัติป่าไม้ ฉบับที่ 4 นั้น เป็นคำขอให้ทางแพ่ง โจทก์มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำขอที่เป็นทางแพ่งศาลจึงไม่บังคับให้คำขอที่ขอให้บังคับจำเลยออกจากป่าที่จำเลยแผ้วถางครอบครองภายหลังใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นคำขอในทางอาญา เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยแผ้วถางในที่ตอนใด จึงไม่มีทางจะบังคับให้ได้
ปัญหาที่ว่าความผิดของจำเลยเป็นความผิดต่อเนื่องกันนั้นเป็นปัญหาที่โจทก์มิได้ยกขึ้นมาว่าในชั้นอุทธรณ์จะมายกขึ้นว่าในชั้นฎีกา เป็นการไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นคำนวณลดโทษไม่ถูกต้อง แม้จำเลยมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ให้ถูกต้องได้ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการกระทำความรุนแรงต่อเนื่อง และการทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่
จำเลยแทงผู้ตายที่บริเวณหน้าอกเหนือหัวใจจนทะลุใน ครั้นผู้ตายล้มลง จำเลยคร่อมจะแทงซ้ำอีก เช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
พลตำรวจลาหยุดราชการในระหว่างที่ลาหยุดนั้น ไปเที่ยวในงานมหรศพซึ่งอยู่ในเขตท้องที่ซึ่งตนประจำการอยู่ จ่าสิบตำรวจตรีคนหนึ่งซึ่งรักษาการอยู่ในงานนั้นได้ขอร้องให้ช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยในงานนั้นด้วย จำเลยได้แสดงกิริยามึนเมาสุราในบริเวณงาน พลตำรวจนั้นได้ห้ามปรามและขอให้จำเลยกลับไปบ้าน จำเลยได้ใช้มีดแทงพลตำรวจผู้นั้นถึงบาดเจ็บสาหัส เช่นนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 298.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 750/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าและพระราชบัญญัติไพ่ ต้องพิสูจน์การกระทำปลอมเองและใช้กฎหมายที่ใช้ขณะกระทำผิด
การกระทำที่จะเป็นผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 273 นั้น จะต้องได้ความว่าผู้นั้นได้กระทำการปลอมขึ้นเองเพียงแต่มีบล๊อกแม่พิมพ์เป็นเครื่องมือทำไพ่ปลอมไว้ในครอบครองอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติไพ่ พ.ศ.2486 มาตรา 11 เท่านั้น จึงหาผิดตามมาตรา 272 ด้วยไม่
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272(1) ต้องเป็นการกระทำเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่นด้วย แต่ฟ้องไม่ระบุองค์ความผิดดังกล่าว จึงลงโทษตามมาตรานี้ไม่ได้
จำเลยทำผิดก่อนใช้พระราชบัญญัติไพ่(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2505 ซึ่งมีโทษสูงกว่า จึงต้องใช้พระราชบัญญัติไพ่ พ.ศ.2486 ซึ่งใช้ขณะกระทำผิดและเป็นคุณบังคับแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งคืนของกลางจำกัดเฉพาะกรณีมีคำเสนอของเจ้าของแท้จริงที่ไม่ได้รู้เห็นการกระทำผิด
คดีนี้กับคดีก่อนเป็นกรณีเดียวกัน ทรัพย์สินของกลางศาลพิพากษาริบแล้วในคดีก่อน โจทก์กล่าวถึงทรัพย์สินนั้นมาในฟ้องคดีนี้ให้บริบูรณ์และมิได้มีคำขออย่างใด ทรัพย์สินนั้นจึงไม่ใช่ของกลางคดีนี้ ดังนี้ ศาลไม่มีอำนาจที่จะพึงสั่งคืนให้จำเลย และจะสั่งคืนได้ก็ต่อเมื่อมีคำเสนอของเจ้าของขอคืนในคดีก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดซ้ำเกี่ยวกับสถานที่ขายอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นต่างกรรมต่างวาระ
การใช้สถานที่เอกชนทำการขายและสะสมอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น การกระทำแต่ละคราวย่อมเกิดเป็นความผิดได้
ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2505 ถึงวันที่ 4 กรกฎาคม 2505 จำเลยได้ใช้บ้านเรือนจำเลยทำการขายและสะสมอาหารโดยมิได้รับอนุญาต จำเลยได้ถูกฟ้องและศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว ต่อมาในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2505 ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2505 จำเลยได้ใช้บ้านเรือนจำเลยทำการขายและสะสมอาหารโดยมิได้รับอนุญาตอีก จำเลยจึงถูกฟ้องหาว่ากระทำผิดในครั้งหลังนี้อีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยในครั้งหลังนี้เป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกับการกระทำผิดที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการกระทำครั้งเดียวคราวเดียวต่อเนื่องกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือและน้ำมันในคดีไม้หวงห้าม: พิจารณาการใช้เป็นอุปกรณ์ในการกระทำผิด
จำเลยมีไม้สักแปรรูปเป็นกระดานแล้วจำนวน 29 แผ่น ปริมาตราเนื้อไม้ 2.65 เมตรลูกบาศก์ อันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไว้ในความครอบครองเกินกว่า 0.20 เมตรลูกบาศก์ ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้จังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดนครสวรรค์โดยจำเลยได้นำไม้ดังกล่าวบรรทุกมาในเรือหางยาวใช้เครื่องติดท้ายของจำเลยเองล่องมาตามลำแม่น้ำปิงจากจังหวัดกำแพงเพชรมายังจังหวัดนครสวรรค์เพื่อจะนำไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนี้เรือของกลางซึ่งเป็นยานพาหนะนั้นย่อมได้ชื่อว่าจำเลยได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิด จึงเป็นของกลางที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 94 ทวิ
ฟ้องโจทก์ว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยไม้สักและเรือหางยาวติดเครื่องยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะที่จำเลยได้ใช้ในากรกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดนั้น กับน้ำมันเบ็นซิน 1 ปีป น้ำมันเครื่อง 1 ลิตรเป็นของกลาง โดยมิได้บรรยายว่าน้ำมันของกลางนั้นได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดเช่นของกลางอื่น ศาลย่อมไม่ริบน้ำมันของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลาง (เกวียนและโค) ที่ใช้ในการกระทำผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและขอให้ริบไม้และเกวียนโคของกลางด้วยคดีได้ความตามฟ้องและคำรับสารภาพว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้ขณะที่จำเลยเอาไม้บรรทุกใส่เกวียนเทียมโคเห็นได้ว่าจำเลยได้ใช้โคและเกวียนของกลางเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดคือ การมีไม้รายนี้ไว้โดยมิได้รับอนุญาต โคและเกวียนจึงเป็นสิ่งพึงต้องริบด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องด้วยว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยไม้เหียงซึ่งจำเลยมีไว้ในขณะที่จำเลยบรรทุกใส่เกวียนเทียมโคอันเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดเป็นของกลาง และขอให้ริบไม้กับเกวียนโคของกลางด้วยเมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ดังนี้ แม้ศาลชั้นต้นจะให้คืนเกวียนและโคโดยเห็นว่าไม่เกี่ยวกับการมีไม้ ก็เป็นเพียงคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นไม่ผูกมัดศาลอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและโคเป็นอุปกรณ์ในการมีไม้ไว้ในครอบครองแล้วให้ริบเสียด้วยได้จำเลยจะอ้างว่าเป็นข้อเท็จจริงอันถึงที่สุดแล้วหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตใบอนุญาตและการกระทำผิดสัญญาอนุญาต: การแปรรูปไม้หมอนรถไฟ
จำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้แต่จำเลยจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเพิ่มเติมประกอบใบอนุญาต แม้ข้อกำหนดระบุไว้ว่าผู้รับอนุญาตจะตั้งโรงงานแปรรูปไม้ด้วยเครื่องจักรเพื่อประดิษฐ์เฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปจำหน่ายแต่จำเลยแปรรูปไม้หมอนรถไฟโดยรับจ้างตบแต่งด้วยการใช้เครื่องจักรถากไม้หมอนให้ได้ขนาดเรียบร้อยการกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 48 หากแต่เป็นการกระทำผิดต่อข้อกำหนดซึ่งให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งพักใช้ใบอนุญาตนี้ได้ ไม่ใช่กรณีที่จะฟ้องต่อศาลขอให้ลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ที่ใช้บรรทุกไม้แปรรูปผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
มีไม้หวงห้ามแปรรูปโดยไม่รับอนุญาต และใช้รถยนต์บรรทุกไม้นั้นมาจนถูกจับ รถยนต์ที่ใช้บรรทุกไม้นั้นย่อมเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด คือ การมีไม้แปรรูปไว้ ต้องริบตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 74ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 169/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางแม้ผู้ซื้อสุจริตหลังกระทำผิด: สิทธิในทรัพย์สินเกิดหลังการกระทำผิด
กระบือที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยหลีกเลี่ยงภาษีอากร ซึ่งต้องถูกริบตามพระราชบัญญัติศุลกากรนั้น หากผู้ร้องได้รับโอนกระบือนั้นไว้จากจำเลยภายหลังวันจำเลยกระทำผิด แม้จะโดยสุจริตก็ตาม ก็ถือได้ว่าในวันจำเลยกระทำผิดนั้น ผู้ร้องยังไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของกระบือนั้น จึงไม่เป็นเหตุที่จะให้กระบือนั้นรอดพ้นจากการถูกริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 34 ไปได้
of 36