คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กู้ยืมเงิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมเงิน, วันชำระหนี้, การบอกกล่าวทวงถาม, การงดสืบพยาน, และผลของการไม่ยื่นบัญชีพยาน
จำเลยทำหนังสือให้โจทก์ไว้มีใจความว่า 'ข้าพเจ้านายศุภวัตรแก้วประดับได้ยืมเงินจากนายยีซบมูฮำหมัดจำนวน 130,000 บาท และจะชำระคืนให้ตามเช็คธนาคารชาร์เตอร์เลขที่ 917820 ซึ่งได้ให้ไว้เป็นการค้ำประกัน' แล้วลงลายมือชื่อไว้ ดังนี้ หนังสือนั้นเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามกฎหมายแล้ว
เช็คธนาคารชาร์เตอร์ฉบับดังกล่าวลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2518 ซึ่งเป็นวันสั่งจ่ายนั้น ถือว่าหนี้เงินยืมนั้นได้กำหนดวันชำระไว้แล้ว คือวันที่ลงในเช็คดังกล่าวนั้นเอง เมื่อเช็คถึงกำหนดแล้วโจทก์นำไปขึ้นเงินไม่ได้ย่อมถือได้ว่าจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่าย
การที่โจทก์รับเช็คของบุคคลอื่นไว้เป็นการค้ำประกันหนี้ นั้น ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนวัตถุประสงค์แห่งหนี้และเปลี่ยนตัวลูกหนี้อันจะทำให้จำเลยพ้นความรับผิดตามหนี้นั้น
ศาลชั้นต้นได้ทำการชี้สองสถานและแจ้งวันกำหนดนัดสืบพยานให้โจทก์จำเลยทราบ หลังจากนั้นมีการเลื่อนการสืบพยานโจทก์สองคราวนับตั้งแต่วันทำการชี้สองสถานเป็นต้นมาจนกระทั่งวันสืบพยานโจทก์ครั้งหลังสุดเป็นเวลา 2 เดือนเศษหากจำเลยมีความสนใจในคดีของตนตามสมควรย่อมมีเวลาที่จะตระเตรียมคดีได้เพียงพอ แต่จำเลยก็มิได้ยื่นบัญชีพยานเมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีพยานก็มีผลเท่ากับจำเลยไม่มีพยานจะนำสืบ จำเลยจะอ้างตนเองเข้าสืบย่อมไม่ได้ที่ศาลล่างไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำเอกสารการกู้ยืมแล้ว ย่อมไม่มีประเด็นเรื่องปิดอากรแสตมป์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารหลักฐานการกู้ยืมเงินที่ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ ยังใช้เป็นหลักฐานได้
เอกสารเป็นจดหมายของจำเลยถึงโจทก์ และบันทึกของจำเลยว่าได้รับเงินกู้จากโจทก์ตามจำนวนที่ระบุไว้เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 แต่มิใช่ตราสารการกู้ยืมเงินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 104 ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ก็ฟังเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้ยืมเงิน เช็คคืนเงินไม่ได้ สิทธิเรียกร้องหนี้ และดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย
จำเลยกู้เงินโจทก์ 60,000 บาท ออกเช็คให้โจทก์ไว้โจทก์โอนเช็คต่อไปจนถึง ว. ว. เบิกเงินไม่ได้ จำเลยทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้ 84,000 บาท รวมกับหนี้ที่จำเลยรับโอนจาก ท. ลูกหนี้โจทก์ ต่อมา ว. ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยดังนี้โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามเช็คสัญญากู้ที่จำเลยทำให้โจทก์จึงไม่มีมูลหนี้จำนวนนี้ ส่วนอีก 20,000 บาท ซึ่งจำเลยรับโอนจาก ท. ลูกหนี้โจทก์นั้น จำเลยต้องชำระแก่โจทก์แต่ดอกเบี้ยอีก 4,000 บาท นั้นเป็นอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนดอกเบี้ยเป็นโมฆะโจทก์คงเรียกจากจำเลยได้เพียง 20,000 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่วันฟ้อง
หนี้ตามสัญญากู้ 84,000 บาท เป็นหนี้ร่วม จำเลยที่ 1 ผู้เดียวฎีกาศาลฎีกาพิพากษาลดเป็นให้จำเลยใช้ 20,000 บาท ให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ฎีกาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2405/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมเงินจากเช็คและจดหมายรับสภาพหนี้ เพียงพอตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา ๖๕๓
จำเลยยืมเงินของโจทก์แล้วออกเช็คสั่งจ่ายเงินเท่าจำนวนที่จำเลยยืมไปให้โจทก์ไว้ เมื่อโจทก์นำเช็คไปรับเงินจากธนาคารไม่ได้และทวงถามให้จำเลยชำระหนี้จำเลยได้มีจดหมายถึงโจทก์ขอความเห็นใจมิให้โจทก์นำเช็คไปแจ้งความและรับรองว่าจะชำระเงินที่จำเลยยืมไปจนครบ ดังนี้ ข้อความตามเอกสารเหล่านั้นเมื่อประกอบเข้าด้วยกันย่อมถือได้ว่าการกู้ยืมเงินรายนี้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมเป็นสำคัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2405/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมเงิน: เช็ค + จดหมายรับสภาพหนี้ ถือเป็นหลักฐานหนังสือลงลายมือชื่อตามกฎหมาย
จำเลยยืมเงินของโจทก์แล้วออกเช็คสั่งจ่ายเงินเท่าจำนวนที่จำเลยยืมไปให้โจทก์ไว้ เมื่อโจทก์นำเช็คไปรับเงินจากธนาคารไม่ได้ และทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยได้มีจดหมายถึงโจทก์ขอความเห็นใจ มิให้โจทก์นำเช็คไปแจ้งความและรับรองว่าจะชำระเงินที่จำเลยยืมไปจนครบ ดังนี้ข้อความตามเอกสารเหล่านั้นเมื่อประกอบเข้าด้วยกันย่อมถือได้ว่าการกู้ยืมเงินรายนี้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมเป็นสำคัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1717/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้ยืมเงินจำนองที่ดิน: การนำสืบการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
คดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จำนวนหนึ่งแสนบาทคืนจากจำเลย และจำเลยให้การว่าได้นำที่ดินตามฟ้องทำจำนองไว้กับโจทก์เพื่อเป็นประกันเงินกู้หนึ่งแสนบาทจริง แต่ได้กู้ยืมและรับเงินกันเพียง 80,000 บาท อีก 20,000 บาท เป็นดอกเบี้ยที่โจทก์คิดรวมเข้าไว้ด้วยนั้น จำเลยมีสิทธินำสืบพยานบุคคลได้ว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินและรับเงินไปจากโจทก์เพียง 80,000 บาท แต่โจทก์คิดดอกเบี้ย 20,000 บาทรวมไปด้วยเพราะเป็นการนำสืบถึงการชำระดอกเบี้ย ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 (อ้างฎีกาที่ 936/2504) แต่จำเลยจะนำสืบพยานบุคคลว่าได้ชำระเงินต้นบางส่วนให้แก่โจทก์แล้วไม่ได้ เพราะมูลคดีนี้เป็นเรื่องกู้ยืมโดยมีที่ดินจำนองเป็นประกันอันมีหลักฐานเป็นหนังสือ จะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผุ้ให้ยืมหรือได้เวนคืน หรือได้แทงเพิกถอนในเอกสารการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารกู้ยืมเงินที่มีการระบุรายละเอียดชัดเจน แม้ไม่มีอากรแสตมป์ในตอนแรก แต่ได้รับการแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว ถือเป็นหลักฐานใช้ได้
เอกสารมีความว่า 'ข้าพเจ้านายเพ็ง บุญเครือ ได้ทำหนังสือนี้ให้แก่นายสาบุญหลาบ นายเลื่อม รูปคุ้มเพื่อได้แสดงว่าข้าพเจ้าได้นำนา 1 แปลงมาเป็นประกันมีความประสงค์รับเงินจากนายสาบุญหลาบ กับนายเลื่อม รูปคุ้ม ไปใช้จ่ายเป็นจำนวนเงิน 6,000 บาท กำหนดให้ทำ 3 ปี เมื่อถึงฤดูกาลจะไถ่ถอนคืน ถ้าไม่ได้ไถ่ถอนตามกำหนดนี้ให้ทำต่อไปอีกจนกว่าจะได้ไถ่ถอนคืนเมื่อไร ฯลฯ' แล้วลงชื่อผู้รับเงิน ผู้มอบเงิน พยาน และผู้เขียน เช่นนี้ เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
เอกสารที่มิได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะที่โจทก์ส่งอ้างต่อศาลแต่ก่อนที่ศาลจะพิพากษา โจทก์ได้ขอให้ศาลส่งเอกสารนั้นไปให้เจ้าหน้าที่สรรพากรจัดการให้ถูกต้องซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดการให้เสียอากรแสตมป์และเรียกอากรเพิ่มแล้ว ย่อมถือว่าเป็นตราสารที่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์แล้วตามประมวลรัษฎากร มาตรา 117 รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
เอกสารที่มิได้ส่งสำเนาให้อีกฝ่ายหนึ่ง ศาลก็อ้างเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมรับฟังได้ตามที่มาตรา 87 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งให้อำนาจไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้ยืมเงินเกิน 50 บาท ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจึงฟ้องร้องได้ เช็คและหนังสือมอบอำนาจไม่ถือเป็นหลักฐานการกู้ยืม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ที่ว่าการกู้เงินเกินกว่า 50 บาท ถ้าไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้นั้น หมายความรวมถึงยกขึ้นต่อสู้คดีด้วย จำเลยที่ 2 มีเช็คซึ่งจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ หนังสือมอบอำนาจซึ่งโจทก์มอบให้จำเลยที่ 2 ทำการขายฝากที่ดิน กับโฉนดที่ดินของโจทก์ไม่เป็นหลักฐานที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 และบิดาโจทก์เป็นผู้กู้เงินจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงอ้างว่ามีการกู้เงินไม่ได้ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กับบิดาโจทก์ตกลงกับจำเลยที่ 2 ว่าถ้าไม่ชำระเงินกู้ให้จำเลยที่ 2 นำโฉนดของโจทก์ไปจดทะเบียนขายฝากได้ โจทก์เรียกโฉนดคืนจากจำเลยที่ 2 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้ยืมเงินและสัญญาค้ำประกัน: การพิสูจน์การชำระหนี้และประเด็นการฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป 11,300 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันตั้งแต่กู้เงินไปไม่เคยชำระดอกเบี้ย ครบกำหนดชำระแล้วโจทก์ทวงถามก็เพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับจำเลยร่วมกันชำระต้นเงินและดอกเบี้ยจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ และจำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันจริงจำเลยที่ 1 ได้รับเงินตามสัญญาที่ฟ้องไปแล้ว แต่ขณะกู้เงินยังมิได้กรอกรายการใด ๆ อันจะต้องรับผิดลงในสัญญาจำเลยตกลงกู้เงินโจทก์ 6 เดือน มิใช่ 1 เดือน ดังที่โจทก์ฟ้องและตกลงกันให้ดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน จำเลยได้ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแล้วแต่โจทก์ไม่ออกใบรับให้ สัญญากู้และสัญญาค้ำประกันเป็นสัญญาปลอมขอให้ยกฟ้องและทำลายสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้อง ดังนี้ ตามคำให้การของจำเลยมิได้โต้แย้งว่ามิได้กู้ยืมเงินโจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 รับว่าได้ลงชื่อในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันจริง โดยมิได้ถูกหลอกลวงหรือหลงผิดแต่อย่างใด เงินดอกเบี้ยก็มิได้โต้เถียงว่าเกินอัตราที่ตกลงกัน เพียงแต่อ้างว่ากำหนดเวลาชำระหนี้ 6 เดือน ไม่ใช่ 1 เดือนตามสัญญา แต่โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 6 เดือนแล้ว แม้โจทก์จะกรอกข้อความลงในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันโดยลำพัง มิได้รับความยินยอมหรือรู้เห็นจากจำเลยทั้งสองจริงดังที่อ้างก็ไม่ทำให้จำเลยทั้งสองชนะคดีได้ และที่จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่าได้ชำระหนี้รายนี้หมดแล้วก็ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนหรือแทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว จำเลยจึงนำสืบถึงการใช้เงินไม่ได้ เมื่อจำเลยทั้งสองนำสืบตามคำให้การดังกล่าวไม่ได้ จึงไม่มีเหตุผลที่จะฟ้องแย้ง ศาลชอบที่จะไม่รับฟ้องแย้งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้ยืมเงินและสัญญาค้ำประกัน: ประเด็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและการใช้สิทธิเรียกร้องหนี้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป 11,300 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ตั้งแต่กู้เงินไปไม่เคยชำระดอกเบี้ยครบกำหนดชำระแล้วโจทก์ทวงถามก็เพิกเฉยขอให้ศาลบังคับจำเลยร่วมกันชำระต้นเงินและดอกเบี้ยจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ และจำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันจริงจำเลยที่ 1 ได้รับเงินตามสัญญาที่ฟ้องไปแล้วแต่ขณะกู้เงินยังมิได้กรอกรายการใดๆ อันจะต้องรับผิดลงในสัญญา จำเลยตกลงกู้เงินโจทก์ 6 เดือน มิใช่ 1 เดือน ดังที่โจทก์ฟ้องและตกลงกันให้ดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน จำเลยได้ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแล้วแต่โจทก์ไม่ออกใบรับให้ สัญญากู้และสัญญาค้ำประกันเป็นสัญญาปลอมขอให้ยกฟ้องและทำลายสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องดังนี้ ตามคำให้การของจำเลยมิได้โต้แย้งว่ามิได้กู้ยืมเงินโจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 รับว่าได้ลงชื่อในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันจริงโดยมิได้ถูกหลอกลวงหรือหลงผิดแต่อย่างใด เงินดอกเบี้ยก็มิได้โต้เถียงว่าเกินอัตราที่ตกลงกันเพียงแต่อ้างว่ากำหนดเวลาชำระหนี้ 6 เดือน ไม่ใช่ 1 เดือนตามสัญญาแต่โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 6 เดือนแล้วแม้โจทก์จะกรอกข้อความลงในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันโดยลำพัง มิได้รับความยินยอมหรือรู้เห็นจากจำเลยทั้งสองจริงดังที่อ้างก็ไม่ทำให้จำเลยทั้งสองชนะคดีได้ และที่จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่าได้ชำระหนี้รายนี้หมดแล้วก็ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนหรือแทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วจำเลยจึงนำสืบถึงการใช้เงินไม่ได้ เมื่อจำเลยทั้งสองนำสืบตามคำให้การดังกล่าวนี้ไม่ได้ จึงไม่มีเหตุที่จะฟ้องแย้งศาลชอบที่จะไม่รับฟ้องแย้งได้
of 35