พบผลลัพธ์ทั้งหมด 338 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4071/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมฟ้องอุทธรณ์ จำเลยต้องดำเนินการภายในกำหนด หากพ้นกำหนดแล้ว เหตุผลความยากลำบากทางการเงิน หรือความไม่รู้กฎหมาย ไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
ศาลชั้นต้นยกคำร้องของจำเลยที่ขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาและมีคำสั่งว่าหากจำเลยประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลภายใน 7 วัน จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตวางเงินค่าธรรมเนียมภายหลังสิ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด อ้างว่าไม่สามารถนำเงินมาวางศาลภายในกำหนดได้เพราะเป็นเงินจำนวนมาก จำเลยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่รู้กฎหมาย ดังนี้ไม่ใช่กรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ศาลไม่อาจขยายเวลาให้จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3340/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นในชั้นต้น: จำเลยมิอาจอ้างเรื่องอำนาจฟ้อง หากไม่ได้ยกในชั้นต้น แม้ศาลอนุญาตขยายเวลา
จำเลยฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์เรื่องขอขยายเวลาวางเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เมื่อพิจารณาถึงว่าโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวที่พิพาท จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินที่ปลูกตึกแถวพิพาท ทั้งไม่ปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของตึกพิพาท การที่จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินที่ปลูกตึกแถวพิพาท โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ซึ่งจำเลยจะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้อยู่แล้ว ทั้งอุทธรณ์ข้ออื่นก็เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม ดังนี้แม้ศาลอนุญาตขยายเวลาชำระเงินตามคำพิพากษา หรืออนุญาตให้หาประกันตามคำขอของจำเลย เพื่อให้คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไม่ต้องห้ามตามมาตรา 234 ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะพึงเกิดแก่คดีของจำเลย เพราะในที่สุดจะไม่ทำให้อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ต้องห้ามแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3340/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ต้องห้าม: ศาลฎีกาชี้ว่าการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล (นำเงินมาชำระหนี้/หาประกัน) ทำให้คำอุทธรณ์ไม่รับพิจารณา แม้จะขอขยายเวลา
จำเลยอุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับโดยวินิจฉัยว่าเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งว่าอุทธรณ์ของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายและยื่นคำร้องขอเลื่อนการนำหลักประกันมาวางศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยไม่ได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด10วันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งและสั่งในคำร้องขอเลื่อนการนำหลักประกันมาวางศาลในทำนองยกคำขอจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์โดยวินิจฉัยในเนื้อหาของอุทธรณ์ว่าเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามแต่ไม่ได้วินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องจำเลยขอขยายกำหนดเวลานำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลเป็นเหตุให้จำเลยฎีกาต่อมาได้แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นบางข้อเป็นข้อที่จำเลยจะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้อยู่แล้วข้ออื่นนอกนั้นก็ล้วนแต่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงแม้ศาลจะอนุญาตคำขอของจำเลยก็ไม่มีประโยชน์แก่คดีของจำเลยเพราะในที่สุดจะไม่ทำให้อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ต้องห้ามไปได้ศาลฎีกาย่อมพิพากษายืนให้ขยายระยะเวลาให้ตาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2758/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งอุทธรณ์และการขยายเวลาวางค่าธรรมเนียม ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยพฤติการณ์พิเศษได้
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยที่1นำส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของตนให้แก่โจทก์จำเลยที่1นำส่งแล้วแต่ส่งไม่ได้และต่อมาได้แถลงต่อศาลว่ากระบวนพิจารณาอยู่ในขั้นตอนระหว่างศาลกับจำเลยที่1ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ขอให้ส่งอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ต่อมาศาลสั่งให้จำเลยที่1นำส่งใหม่แต่มิได้กำหนดเวลาให้นำส่งภายในกี่วันจำเลยที่1ไปติดต่อนำส่งหมายเมื่อพ้น7วันซึ่งเป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหมายดังนี้คำแถลงของจำเลยที่1มิได้ยืนยันว่าจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลพฤติการณ์ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่1ทิ้งอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่1เพราะจำเลยที่1มิได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลภายในกำหนดศาลอุทธรณ์พิพากษากลับอนุญาตให้จำเลยที่1ผัดการวางเงินค่าธรรมเนียมแล้วให้ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์มีคำสั่งใหม่คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์มิได้พิจารณาเนื้อหาในอุทธรณ์จึงมิใช่คำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นหรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์อันจะถึงที่สุดตามมาตรา236คู่ความจึงฎีกาได้ เมื่อศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์แล้วก็เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลอุทธรณ์ที่จะวินิจฉัยว่ามีการทิ้งอุทธรณ์หรือไม่เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่1มิได้ทิ้งอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยต่อไปถึงพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมให้จำเลยที่1ตามคำร้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: เจ้าหนี้ในราชอาณาจักรไม่มีสิทธิได้รับขยายเวลาเกิน 2 เดือน
โจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลา2เดือนอ้างว่าไม่ทราบการโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ในหนังสือพิมพ์ดังนี้เท่ากับเป็นการขยายเวลาตามพ.ร.บ.ล้มละลายฯมาตรา91ออกไปเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักรจึงไม่มีเหตุที่จะขยายเวลาให้โจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลา2เดือน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 813/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำให้การหลังขาดนัด และขอบขยายเวลา ศาลไม่ต้องสั่งไม่รับคำให้การ หากไม่ขยายเวลา
การขออนุญาตยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคแรกแล้ว จำเลยที่ 2 จึงขออนุญาตยื่นคำให้การก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การไม่ได้
คำร้องของจำเลยที่ 2 บรรยายไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2525 และพ้นกำหนดที่จำเลยที่ 2 จะต้องยื่นคำให้การแก้คดีแล้ว การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ จึงเท่ากับเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งกรณีนี้เมื่อศาลสั่งอนุญาตแล้วจึงจะถึงขั้นพิจารณาเกี่ยวกับการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การ หากศาลสั่งไม่อนุญาตก็ไม่ต้อง พิจารณาถึงการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การต่อไป ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้น ไม่ขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2 จึงไม่จำต้องสั่งไม่รับคำให้การของจำเลยที่ 2 ด้วย
คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การไม่ใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (5) เพราะไม่ได้ตั้งประเด็นระหว่างคู่ความฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาจึงไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความและเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำร้องของจำเลยที่ 2 บรรยายไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2525 และพ้นกำหนดที่จำเลยที่ 2 จะต้องยื่นคำให้การแก้คดีแล้ว การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ จึงเท่ากับเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งกรณีนี้เมื่อศาลสั่งอนุญาตแล้วจึงจะถึงขั้นพิจารณาเกี่ยวกับการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การ หากศาลสั่งไม่อนุญาตก็ไม่ต้อง พิจารณาถึงการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การต่อไป ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้น ไม่ขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2 จึงไม่จำต้องสั่งไม่รับคำให้การของจำเลยที่ 2 ด้วย
คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การไม่ใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (5) เพราะไม่ได้ตั้งประเด็นระหว่างคู่ความฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาจึงไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความและเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 813/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำให้การหลังขาดนัด: ศาลไม่ต้องสั่งไม่รับคำให้การหากไม่อนุญาตขยายเวลา
การขออนุญาตยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 นั้นจะต้องเป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา197 วรรคแรกแล้ว จำเลยที่ 2 จึงขออนุญาตยื่นคำให้การก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การไม่ได้
คำร้องของจำเลยที่ 2 บรรยายไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2ได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2525และพ้นกำหนดที่จำเลยที่ 2 จะต้องยื่นคำให้การแก้คดีแล้วการที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ จึงเท่ากับเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่ จำเลยที่2 ซึ่งกรณีนี้เมื่อศาลสั่งอนุญาตแล้วจึงจะถึงขั้นพิจารณา เกี่ยวกับการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การ หากศาลสั่งไม่อนุญาตก็ไม่ต้อง พิจารณาถึงการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การต่อไป ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้น ไม่ขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2 จึงไม่จำต้องสั่งไม่รับ คำให้การของจำเลยที่ 2 ด้วย
คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การไม่ใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(5) เพราะไม่ได้ตั้งประเด็น ระหว่างคู่ความฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลา จึงไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความและเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำร้องของจำเลยที่ 2 บรรยายไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2ได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2525และพ้นกำหนดที่จำเลยที่ 2 จะต้องยื่นคำให้การแก้คดีแล้วการที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ จึงเท่ากับเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่ จำเลยที่2 ซึ่งกรณีนี้เมื่อศาลสั่งอนุญาตแล้วจึงจะถึงขั้นพิจารณา เกี่ยวกับการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การ หากศาลสั่งไม่อนุญาตก็ไม่ต้อง พิจารณาถึงการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การต่อไป ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้น ไม่ขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2 จึงไม่จำต้องสั่งไม่รับ คำให้การของจำเลยที่ 2 ด้วย
คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การไม่ใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(5) เพราะไม่ได้ตั้งประเด็น ระหว่างคู่ความฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลา จึงไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความและเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4052/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ไม่ชอบ หากไม่วางค่าธรรมเนียมพร้อมกัน ศาลไม่ต้องขยายเวลา และไม่ใช่เรื่องค่าธรรมเนียมศาล
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 บัญญัติ ให้ผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้ นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ย่อมเป็นการไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไปแล้ว การที่จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลภายหลังเมื่อเกินกำหนด อายุอุทธรณ์แล้ว จะถือว่าศาลได้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียม ให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 หาได้ไม่ และกรณีไม่ใช่เรื่องของการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาล โดยถูกต้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ซึ่งศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วน เสียก่อนที่จะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ
ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไปแล้ว การที่จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลภายหลังเมื่อเกินกำหนด อายุอุทธรณ์แล้ว จะถือว่าศาลได้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียม ให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 หาได้ไม่ และกรณีไม่ใช่เรื่องของการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาล โดยถูกต้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ซึ่งศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วน เสียก่อนที่จะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1678/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขยายเวลาสัญญาจ้างก่อสร้าง ต้องกำหนดเวลาที่สมควร หากไม่กำหนด สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่มี
การที่โจทก์จำเลยตกลงขยายกำหนดเวลาก่อสร้างออกไปแต่มิได้ตกลงว่านานเท่าใด โจทก์จะถือว่าจำเลยผิดสัญญาและบอกเลิกสัญญาเสียได้ก็ต่อเมื่อได้กำหนดเวลาพอสมควรบอกกล่าวให้จำเลยก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในกำหนดนั้นแล้วและจำเลยไม่ปฏิบัติตาม เมื่อจำเลยยังทำงานไม่แล้วเสร็จ โจทก์ย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นให้แก่จำเลย และเมื่อเลิกสัญญากันแล้วคู่สัญญายังมีสิทธิที่จะได้คืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่โดยวิธีการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 โดยเฉพาะโจทก์ต้องใช้เงินตามควรค่าแห่งการงานของจำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างเหตุป่วยเพื่อขอขยายเวลาอุทธรณ์ต้องมีหลักฐานประกอบ และการมอบอำนาจทนายความย่อมผูกพันโจทก์
การอ้างว่าตัวโจทก์ป่วย เพิ่งมาพบทนายในวันที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์ได้ ไม่ถือว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอให้ศาลสั่งขยายหรือย่นระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23