พบผลลัพธ์ทั้งหมด 267 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ ชนกันที่สี่แยก แม้ผู้ขับอีกฝ่ายประมาท จำเลยก็ต้องรับผิดชอบหากขับเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ประจำทางโดยประมาทฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจราจร เป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์อีกคันหนึ่งมีคนบาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัสหลายคน ศาลแขวงลงโทษจำเลยในความผิดฐานฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจราจร ให้ยกฟ้องในข้อหาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส โจทก์อุทธรณ์ในข้อกฎหมายว่าจำเลยมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานทำให้คนบาดเจ็บสาหัสโดยประมาทด้วย เช่นนี้จำเลยฎีกาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 เพราะในข้อหาฐานทำให้คนบาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัสโดยประมาทนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยขับรถผ่านสี่แยกด้วยความเร็วเกินกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถอีกคันหนึ่งขับล้ำเข้าไปในสี่แยกโดยฝ่าฝืนเครื่องหมายหยุด การที่จำเลยขับรถผ่านสี่แยกด้วยความเร็วเกินกำหนดและไม่ชลอให้ช้าลงบ้าง เป็นเหตุให้รถชนกัน ดังนี้ ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยได้กระทำการโดยประมาท
จำเลยขับรถผ่านสี่แยกด้วยความเร็วเกินกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถอีกคันหนึ่งขับล้ำเข้าไปในสี่แยกโดยฝ่าฝืนเครื่องหมายหยุด การที่จำเลยขับรถผ่านสี่แยกด้วยความเร็วเกินกำหนดและไม่ชลอให้ช้าลงบ้าง เป็นเหตุให้รถชนกัน ดังนี้ ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยได้กระทำการโดยประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ: การพิสูจน์ความรับผิดทางอาญาต้องมีเหตุผลรองรับ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถด้วยความประมาทและฝ่าฝืนกฎหมายโดยขับผ่านสี่แยกด้วยความเร็วกว่า 20กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขับผ่านสี่แยกนั้นฝ่าฝืนเครื่องหมายลูกศรให้เลี้ยวซ้าย เป็นเหตุให้ชนรถอื่นมีผู้บาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรฯ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษตามมาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยขับรถเร็วกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยผิดพระราชบัญญัติจราจรฯปรับ 100 บาท โจทก์ฎีกาศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้ว พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
(หมายเหตุ คำพิพากษาฎีกานี้ มีผลเป็นว่า รูปคดีเช่นนี้ โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220)
(หมายเหตุ คำพิพากษาฎีกานี้ มีผลเป็นว่า รูปคดีเช่นนี้ โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถและการรับผิดทางอาญา ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าไม่พอฟังว่าจำเลยประมาท
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถด้วยความประมาทและฝ่าฝืนกฎหมายโดยขับผ่านสี่แยกด้วยความเร็วกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขับผ่านสี่แยกนั้นฝ่าฝืนเครื่องหมายลูกศรให้เลี้ยวซ้าย เป็นเหตุให้ชนรถอื่นมีผู้บาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรฯ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยผิดตามฟ้องพิพากษาลงโทษตามมาตรา300 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยขับรถเร็วกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยผิดพระราชบัญญัติจราจรฯ ปรับ 100 บาท โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ (หมายเหตุ คำพิพากษาฎีกานี้ มีผลเป็นว่า รูปคดีเช่นนี้ โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทเลินเล่อในการขับรถโดยสารรับส่งคนโดยสาร ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงแก่ชีวิต
จำเลยมีอาชีพขับรถยนต์รับส่งคนโดยสารประจำทาง จำเลยมีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังตรวจสภาพของรถให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยแก่ผู้โดยสารตลอดจนประชาชนคนเดินถนนและยวดยานต่างๆ ก่อนที่จะนำรถออกเดินรับส่งคนโดยสาร แต่กลับละเลยไม่ปฏิบัติ ได้ขับรถนั้นมาทั้งๆ ห้ามล้อมือใช้การไม่ได้ ทั้งยังฝ่าฝืนรับบรรทุกคนโดยสารเกินอัตราที่ได้รับอนุญาต เมื่อรถมีน้ำหนักมากลงสะพานจึงทำให้แล่นเร็วขึ้นยิ่งยากแก่การควบคุมขับขี่ ครั้นเมื่อรู้ว่าห้ามล้อเท้าใช้การไม่ได้ จำเลยก็ชอบที่จะบรรเทาผลร้ายโดยใช้ความระมัดระวังคุมพวงมาลัยบังคับรถให้เบียดชิดขอบทางไว้ตลอดเวลาให้รถหยุด แต่ก็มิได้ปฏิบัติทั้งๆ มีโอกาสปฏิบัติได้ รถจึงได้แล่นเปะปะไปชนรถยนต์และทับคนตาย ดังนี้ จำเลยต้องมีผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้คนตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ: สภาพรถและทัศนวิสัย, การกระทำโดยประมาทไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
รถยนต์คันที่จำเลยขับ ปรากฏว่าห้ามล้อใช้การไม่ได้มาก่อนแล้วเมื่อแล่นขึ้นบนสะพานเบี่ยงอันเป็นที่สูงเครื่องยนต์ดับรถถอยหลังจำเลยมองทางท้ายรถไม่เห็นเพราะมีสิ่งของที่บรรทุกมาในรถบังรถชนราวสะพานเบี่ยงหักพลัดตกลงไปในคลอง คนโดยสารตายและบาดเจ็บเช่นนี้ถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาท มิใช่เป็นอุบัติเหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถสภาพไม่สมบูรณ์และขับเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำให้เกิดการชนและเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
จำเลยขับรถยนต์จิ๊ปซึ่งอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ คือ ห้ามล้อมือใช้การไม่ได้ ห้ามล้อเท้าใช้ได้เพียง 25 เปอร์เซ็นต์ ด้วยความเร็วสูงประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นเหตุให้ชนผู้ตายซึ่งขับรถจักรยานยนต์ตัดหน้าจำเลยตรงสี่แยก จนถึงแก่ความตายนั้น แม้จะฟังว่าเป็นความผิดของผู้ตายด้วยก็ดีแต่ถ้าหากจำเลยใช้รถที่มีห้ามล้อดี ขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกินกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามที่กฎหมายกำหนด รถก็จะไม่ชนกันแล้ว จำเลยก็ต้องมีผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถสภาพไม่สมบูรณ์และขับเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
จำเลยขับรถยนต์จี๊ปซึ่งอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ คือห้ามล้อมือใช้การไม่ได้ ห้ามล้อเท้าใช้ได้เพียง 25เปอร์เซ็นต์ ด้วยความเร็วสูงประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นเหตุให้ชนผู้ตายซึ่งขับรถจักรยานยนต์ตัดหน้าจำเลยตรงสี่แยก จนถึงแก่ความตายนั้น แม้จะฟังว่าเป็นความผิดของผู้ตายด้วยก็ดี แต่ถ้าหากจำเลยใช้รถที่มีห้ามล้อดี ขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกินกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามที่กฎหมายกำหนด รถก็จะไม่ชนกันแล้ว จำเลยก็ต้องมีผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ – การพิพากษาแก้โทษ – สิทธิฎีกา – ปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถโดยประมาทโดยความเร็วสูงเกินอัตราที่กำหนดไว้ จนรถตกถนนพลิกหงายท้อง ทำให้คนโดยสารบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกและประมวลกฎหมายอาญา ศาลชั้นต้นฟ้องว่าจำเลยขับรถเร็วเกินอัตราเท่านั้น พิพากษาลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ให้ปรับจำเลย 100 บาท ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำโดยประมาททำให้คนโดยสารบาดเจ็บด้วย พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ด้วย ให้จำคุก 1 ปี นอกนั้นคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ว่า การที่รถจำเลยตกถนนพลิกหงายท้องนั้น มิได้เกิดจากความประมาทของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาทขับรถ ชนจักรยาน ผู้ตายถึงแก่ความตาย ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประมาทขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงตามทางโค้งซึ่งเป็นทางลาดชัน และไม่ให้สัญญาณแตรเมื่อจะแซงขึ้นหน้ารถจักรยานผู้ตาย ทั้งผู้ตายยังไม่ให้สัญญาณให้แซงได้ กับจำเลยไม่ขับรถยนต์หลบทางข้างซ้ายซึ่งยังมีทางกว้างเหลืออยู่ถึง 7 เมตร เป็นเหตุให้รถยนต์จำเลยชนรถจักรยานผู้ตาย ดังนี้ ย่อมเป็นฟ้องที่บรรยายเหตุแห่งการประมาทของจำเลยไว้พอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี และเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว
การที่จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทด้วยความเร็วสูงชนท้ายรถจักรยานผู้ตายๆ ตกจากรถกระเด็นไปไกล 4 เมตรศีรษะกระทบกับพื้นดินอย่างแรง รุ่งขึ้นมีอาการมึนซึมปวดศีรษะมาก และถึงแก่กรรมหลังจากนั้นเพียง 3 วันเช่นนี้ถือได้ว่าผู้ตายตายเพราะการกระทำโดยประมาทของจำเลยโดยตรง
การที่จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทด้วยความเร็วสูงชนท้ายรถจักรยานผู้ตายๆ ตกจากรถกระเด็นไปไกล 4 เมตรศีรษะกระทบกับพื้นดินอย่างแรง รุ่งขึ้นมีอาการมึนซึมปวดศีรษะมาก และถึงแก่กรรมหลังจากนั้นเพียง 3 วันเช่นนี้ถือได้ว่าผู้ตายตายเพราะการกระทำโดยประมาทของจำเลยโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถแซงบนสะพานแคบ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
จำเลยขับรถยนต์โดยสารซึ่งกว้างถึง 2 เมตรเศษ โดยไม่ใช้ความระมัดระวังแซงขึ้นหน้ารถกะบะลากเซ็นและรถจักรยานสองล้อบนสะพานซึ่งกว้างประมาณ 6 เมตร ขณะที่รถยนต์สองคันจะหลีกกันได้เท่านั้น เมื่อมีรถยนต์อื่นซึ่งสวนขึ้นสะพานมา จำเลยจึงเบนรถกลับเข้าไปโดนรถจักรยานสองล้อซึ่งผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ นับว่าจำเลยกระทำโดยประมาทตามกฎหมายแล้ว