คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีแพ่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,220 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9371/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงคดีอาญาถึงที่สุดมีผลผูกพันคดีแพ่ง การเรียกร้องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
คดีอาญาโจทก์ที่2ถูกพนักงานอัยการฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา291ศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเหตุที่รถยนต์โดยสารที่โจทก์ที่2ขับชนรถยนต์ที่อ.ขับนั้นจุดชนอยู่ในช่องเดินรถของโจทก์ที่2โจทก์ที่2ไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องซึ่งในคดีอาญาดังกล่าวต้องถือว่าพนักงานอัยการได้ฟ้องคดีแทนจำเลยที่1ถึงที่5ซึ่งเป็นภริยาและบุตรของอ. ด้วยคดีถึงที่สุดแล้วดังนั้นที่จำเลยที่1ถึงที่5ได้ฟ้องคดีนี้ขอให้โจทก์ที่2ใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่โจทก์ที่2ทำละเมิดให้อ.ถึงแก่ชีวิตและทรัพย์สินเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา420ในการพิพากษาคดีนี้ซึ่งเป็นคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีอาญาผูกพันคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกัน ศาลต้องถือตามข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่ถึงที่สุด
ก่อนโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญากล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกลักทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์ในที่ดินพิพาทแปลงเดียวกัน คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทและต้นไม้เป็นของจำเลย การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องขับไล่จำเลยคดีนี้และให้ใช้ค่าต้นไม้ที่เสียหาย คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อผลของคำพิพากษาคดีส่วนอาญาวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทและต้นไม้เป็นของจำเลยและคดีดังกล่าวถึงที่สุดไปแล้ว ศาลในคดีแพ่งจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา: ศาลต้องถือตามข้อเท็จจริงในคดีอาญาถึงที่สุด แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาต่างกัน
ก่อนโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญากล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ในที่ดินพิพาทแปลงเดียวกันคดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทและต้นไม้เป็นของจำเลยการที่โจทก์ทั้งสองฟ้องขับไล่จำเลยคดีนี้และให้ใช้ค่าต้นไม้ที่เสียหายคดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาเมื่อผลของคำพิพากษาคดีส่วนอาญาวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทและต้นไม้เป็นของจำเลยและคดีดังกล่าวถึงที่สุดไปแล้วศาลในคดีแพ่งจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6557/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำเอกสารที่ไม่ได้รับอนุญาตมาใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่ง ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์ได้
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การประเด็นข้อพิพาทคงเกิดจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องเท่านั้นและจำเลยมีสิทธิเพียงอ้างตนเองเป็นพยานกับซักค้านพยานโจทก์เท่านั้นไม่มีสิทธินำพยานจำเลยเข้าสืบไม่ว่าพยานบุคคลหรือพยานเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา199วรรคสองการที่ทนายความจำเลยทั้งสองนำสำเนาหนังสือสัญญากู้ยืมเงินให้ตัวโจทก์ดูประกอบการถามค้านตัวโจทก์ตัวโจทก์ไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับเอกสารดังกล่าวแล้วทนายความจำเลยทั้งสองส่งเอกสารนั้นต่อศาลชั้นต้นนั้นตัวโจทก์ไม่ได้เบิกความรับรองเอกสารดังกล่าวเท่ากับจำเลยทั้งสองเรียกพยานหลักฐานของตนเข้าสืบฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายดังกล่าวสำเนาหนังสือสัญญากู้ยืมเงินจึงต้องห้ามมิให้รับฟังที่ศาลอุทธรณ์นำเอกสารดังกล่าวมาวินิจฉัยประกอบพยานหลักฐานของโจทก์ว่าหนังสือสัญญากู้ยืมเงินตามฟ้องเป็นเอกสารปลอมจึงเป็นการไม่ชอบเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดต่อกฎหมายศาลฎีกามีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่แทนข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงในคดีแพ่งต้องสอดคล้องกับคำพิพากษาคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ซื้อปลาจากจำเลยทั้งสองและเคยร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองยักยอกเงินของโจทก์จนพนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหายักยอกโดยโจทก์ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมด้วย คดีอาญาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า นอกจากโจทก์ได้ชำระราคาปลาที่ซื้อจากจำเลยทั้งสองโดยการโอนเงินผ่านธนาคารแล้ว ไม่เชื่อว่าโจทก์ได้มอบเงินสดให้จำเลยทั้งสองอีก คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าว จึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ว่า การซื้อขายปลาระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสอง โจทก์เพียงแต่ชำระราคาให้จำเลยทั้งสองดัวยการโอนเงินผ่านธนาคาร โดยโจทก์ไม่ได้มอบเงินสดอีกจำนวนหนึ่งให้จำเลยทั้งสองดังที่โจทก์ฎีกากล่าวอ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงคดีแพ่งต้องสอดคล้องกับคำพิพากษาคดีอาญาที่เกี่ยวข้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.46
โจทก์ซื้อปลาจากจำเลยทั้งสองและเคยร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองยักยอกเงินของโจทก์จนพนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหายักยอกโดยโจทก์ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมด้วยคดีอาญาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโดยวินิจฉัยว่านอกจากโจทก์ได้ชำระราคาปลาที่ซื้อจากจำเลยทั้งสองโดยการโอนเงินผ่านธนาคารแล้วไม่เชื่อว่าโจทก์ได้มอบเงินสดให้จำเลยทั้งสองอีกคดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวจึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46ว่าการซื้อขายปลาระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองโจทก์เพียงแต่ชำระราคาให้จำเลยทั้งสองด้วยการโอนเงินผ่านธนาคารโดยโจทก์ไม่ได้มอบเงินสดอีกจำนวนหนึ่งให้จำเลยทั้งสองดังที่โจทก์ฎีกากล่าวอ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6130/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งคดีแพ่งและการแยกข้อพิพาทออกจากคดีเดิม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ตามสัญญาทรัสต์รีซีทและตั๋วสัญญาใช้เงินตามมูลหนี้ที่โจทก์ได้เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและชำระเงินค่าเครื่องจักรแทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ปลอมเอกสารดวงตราของโจทก์นำไปจดทะเบียนว่าเครื่องจักรดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 2 แล้วนำไปจำนองไว้แก่จำเลยที่ 4 ขอให้บังคับจำเลยที่ 2 ถอนการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์และการจำนองเครื่องจักร แล้วให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 คืนเครื่องจักรแก่โจทก์ หรือมิฉะนั้นให้ใช้ราคาพร้อมทั้งชำระค่าเสียหาย การที่จำเลยที่ 2ฟ้องแย้งอ้างว่า โจทก์ทำละเมิดกลั่นแกล้งนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยที่ 3 กรรมการของจำเลยที่ 2 ทำให้จำเลยที่ 2 ต้องเสียหาย โดยนำเงินไปประกันตัวจำเลยที่ 3 และขาดผลประโยชน์จากทางทำมาหาได้ เสื่อมเสียชื่อเสียงขอให้โจทก์ชำระค่าเสียหาย เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ชอบที่จำเลยที่ 2จะต้องไปฟ้องเป็นคดีต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6065/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การไม่ชัดเจนในคดีแพ่ง จำเลยต้องแสดงรายละเอียดข้อต่อสู้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายหนังสือชนิดต่าง ๆให้แก่ผู้พิมพ์หนังสือที่ไม่สามารถจัดส่งหนังสือไปจำหน่ายเองได้ และโจทก์เป็นผู้แทนจัดจำหน่ายหนังสือให้แก่จำเลยโดยโจทก์ยินยอมให้จำเลยเบิกเงินค่าหนังสือที่ขอให้โจทก์จัดจำหน่ายไปก่อนล่วงหน้าบางส่วนได้ แล้วจึงนำมาหักกลบลบกับจำนวนเงินที่ได้จากการขายหนังสือของจำเลย โจทก์คิดบัญชีเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2530แล้วยังมีเงินที่จำเลยเบิกจากโจทก์ไปล่วงหน้าซึ่งต้องคืนโจทก์อยู่จำนวนหนึ่งคำให้การของจำเลยที่ให้การปฎิเสธในเรื่องจำนวนเงินที่ต้องชำระคืนแก่โจทก์ว่าไม่ถูกต้องนั้น จำเลยให้การลอย ๆ เพียงว่า ไม่ถูกต้องเพราะโจทก์รวมเอาหนังสือบางเล่มที่เกิดการชำรุดฉีกขาดหรือเปียกน้ำในระหว่างที่อยู่ในความครอบครองของโจทก์เข้าด้วยและถือว่าเป็นหนังสือที่คืนแก่จำเลยแล้วโดยมิได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงให้ชัดแจ้งว่าหนังสือรายการใดที่ชำรุดฉีกขาดหรือเปียกน้ำและมีเป็นจำนวนเท่าใดคิดเป็นเงินเท่าใด ที่จะต้องหักออกจากรายการในช่องมูลค่าหนังสือที่รับคืนไปตามเอกสารท้ายฟ้อง ทั้งที่โจทก์ได้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับรายการจัดจำหน่ายหนังสือให้แก่จำเลยในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม 2527 ถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2530มาอย่างละเอียดในเอกสารท้ายฟ้องแล้ว ซึ่งจำเลยสามารถให้การโต้แย้งรายการเหล่านั้นแต่ละรายการว่าไม่ถูกต้องอย่างไรได้โดยง่าย แต่จำเลยกลับให้การเพียงว่ามีรายการหนังสือเปียกน้ำที่ต้องหักออก คำให้การจำเลยในเรื่องหนังสือที่เปียกน้ำจึงไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานหลักฐานเข้านำสืบตามข้อต่อสู้นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5713/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การปฏิเสธลอยๆ ในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ทำให้ไม่อุทธรณ์ได้ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญาซึ่งมีคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญารวมมาด้วยแล้วมีคำสั่งให้รับประทับฟ้องแสดงว่าเป็นการสั่งให้รับฟ้องคดีส่วนอาญาและคดีส่วนแพ่งด้วยหากจำเลยจะต่อสู้คดีส่วนแพ่งต้องให้การต่อสู้พร้อมกับคำให้การต่อสู้คดีส่วนอาญาโดยคำให้การในคดีส่วนแพ่งนั้นต้องชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองเมื่อจำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดีส่วนอาญาและคดีส่วนแพ่งรวมกันมาว่าจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ทั้งสิ้นเท่านั้นถือว่าคำให้การในส่วนแพ่งจำเลยทั้งสองคงเพียงให้การปฏิเสธลอยๆจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์พิพาทและจำเลยทั้งสองซื้อรถยนต์พิพาทมาโดยสุจริตในท้องตลาดตามที่จำเลยทั้งสองยกขึ้นอุทธรณ์แต่อย่างใดคดีส่วนแพ่งของจำเลยทั้งสองจึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5410/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่มีผลผูกพันคดีแพ่ง หากประเด็นต่างกัน แม้เป็นมูลเหตุเดียวกัน
คดีส่วนแพ่งมีประเด็นว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่และจำเลยบุกรุกที่ดินพิพาททำให้โจทก์เสียหายหรือไม่แต่ในคดีส่วนอาญาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า ที่ดินพิพาทจะเป็นของจำเลยหรือไม่ก็ตาม การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่ามีเจตนาบุกรุก ยังไม่ได้วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของใคร ฉะนั้นข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาจึงไม่มีผลผูกพันคดีส่วนแพ่ง
of 122