คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีแรงงาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 497 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำคดีแรงงาน: คำสั่งลงโทษทางวินัยชอบแล้ว การเรียกร้องค่าจ้างและโบนัสจึงเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เคยฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่จำเลยสั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือนโจทก์โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยระเบียบข้อบังคับการทำงานและกฎหมายศาลฎีกาพิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยที่สั่งลงโทษโจทก์ชอบแล้วการที่โจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่โดยขอให้จำเลยจ่ายเงินเดือนที่ถูกลดไปตามคำสั่งดังกล่าวและเงินโบนัสที่จำเลยไม่ได้จ่ายให้โจทก์เนื่องมาจากการที่โจทก์ถูกลงโทษตามคำสั่งนั้นซึ่งโจทก์อาจเรียกร้องให้พิจารณาถึงสิทธิดังกล่าวได้ในคดีเดิมอยู่แล้วคดีนี้จึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิมเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำคดีแรงงาน: ศาลฎีกายืนตามศาลแรงงานกลางว่าการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคำสั่งลงโทษเดิม เป็นฟ้องซ้ำ
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่จำเลยสั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือนโจทก์1ขั้นโดยอ้างว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยระเบียบข้อบังคับการทำงานและกฎหมายเพราะโจทก์มิได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางว่าโจทก์ทำผิดระเบียบข้อบังคับการทำงานคำสั่งของจำเลยที่สั่งลงโทษโจทก์นั้นชอบแล้วการที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินเดือนที่ถูกลดไป1ขั้นตามคำสั่งดังกล่าวและเงินโบนัสที่จำเลยไม่ได้จ่ายให้โจทก์ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่โจทก์ถูกลงโทษตามคำสั่งนั้นเมื่อโจทก์ฟ้องคดีเดิมโจทก์อาจเรียกร้องให้พิจารณาถึงสิทธิต่างๆตามที่โจทก์ฟ้องคดีนี้อยู่แล้วการที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องมีกรณีที่ต้องพิจารณาว่าคำสั่งดังกล่าวของจำเลยชอบด้วยระเบียบข้อบังคับการทำงานและกฎหมายหรือไม่ซึ่งเป็นประเด็นที่คดีเดิมมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วข้ออ้างตามฟ้องโจทก์จึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิมและคู่ความเดียวกันเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148ประกอบกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานกลางและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2680/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องแย้งในคดีแรงงาน: ข้อพิพาทต่างประเด็นย่อมไม่อาจรวมพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจ่าย ค่าจ้าง สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและ ค่าชดเชยส่วนจำเลย ฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชดใช้เงินค่ารถยนต์ของจำเลยที่โจทก์นำไปใช้งานส่วนตัวที่บ้านโดยพลการแล้วสูญหายไปและโจทก์ได้ รับสภาพหนี้ไว้แม้ทั้งฟ้องเดิมและฟ้องแย้งจะเป็นคดีแรงงานแต่ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเป็นคนละประเด็นไม่เกี่ยวข้องกันจึงไม่อาจรับฟ้องแย้งไว้พิจารณารวมกับฟ้องเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2222/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโยกย้ายก่อนแจ้งข้อเรียกร้องและการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีแรงงาน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อลูกจ้างผู้คัดค้านมิได้กล่าวไว้แจ้งชัดในอุทธรณ์ว่า การที่ศาลแรงงานมิได้วินิจฉัยถึงการเตือนของนายจ้างผู้ร้องตามข้อเท็จจริงและเอกสารที่อ้าง เป็นการผิดต่อกฎหมายอย่างไร และมีผลต่อคดีอย่างไร จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคแรก ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ผู้ร้องมีคำสั่งโยกย้ายผู้คัดค้านไปทำงานในตำแหน่งใหม่ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2537 ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่สหภาพแรงงานผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์จะยื่นข้อเรียกร้องต่อผู้ร้องเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2537 กรณีจึงเป็นการโยกย้ายก่อนมีการแจ้งข้อเรียกร้องไม่ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518มาตรา 31 วรรคแรก การที่ผู้ร้องมีหนังสือเตือนผู้คัดค้านในวันที่ 14 กันยายน 2537ให้ไปทำงานในตำแหน่งใหม่ซึ่งแม้จะอยู่ในระหว่างการเจรจาข้อพิพาท ก็เป็นการเตือนถึงคำสั่งที่โยกย้ายก่อนมีการแจ้งข้อเรียกร้อง จึงไม่ต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่าการที่ผู้ร้องโยกย้ายหน้าที่การงานของผู้คัดค้านเป็นการกลั่นแกล้งผู้คัดค้าน ต้องห้ามเด็ดขาดตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์พ.ศ.2518 มาตรา 31 วรรคแรก และการที่ผู้คัดค้านไม่ไปทำงานตามตำแหน่งหน้าที่ใหม่ ไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับ ระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้าง ที่ศาลแรงงานมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้เป็นการไม่ชอบนั้น อุทธรณ์ข้อนี้เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานฟังว่า ผู้ร้องปรับผู้คัดค้านจากลูกจ้างรายวันเป็นลูกจ้างรายเดือนซึ่งย่อมเป็นประโยชน์แก่ผู้คัดค้าน ทั้งตำแหน่งหน้าที่ใหม่เป็นการจัดทำเอกสาร ตรวจเช็ครายชื่อและทำรายงาน ผู้คัดค้านจบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ ย่อมจะทำงานในตำแหน่งดังกล่าวได้ไม่ยากนัก การที่ผู้คัดค้านไม่ไปปฏิบัติงานตามตำแหน่งใหม่ ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับ ระเบียบหรือคำสั่งของผู้ร้อง จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 54 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7291/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแรงงาน: การพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางนิติสัมพันธ์ระหว่างลูกจ้าง ผู้รับเหมาช่วง และผู้รับเหมาชั้นต้น
ศาลแรงงานได้พิจารณาพยานหลักฐานที่ทุกฝ่ายนำสืบตามกฎหมายลักษณะพยานตลอดจนวิธีพิจารณาความแล้วข้อเท็จจริงปรากฎตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบรับฟังไม่ได้ความว่าโจทก์มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับจำเลยหรือจำเลยร่วมเป็นเหตุชัดแจ้งแล้วว่าโจทก์ไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะเรียกร้องข้อบังคับให้จำเลยหรือจำเลยร่วมให้ต้องรับผิดตามที่โจทก์ฟ้องสามารถสรุปผลในประเด็นแห่งคดีได้คือโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยไม่ต้องอาศัยเหตุผลจากพยานหลักฐานของจำเลยและจำเลยร่วมมาหักล้างพยานหลักฐานโจทก์อีก คำวินิจฉัยในส่วนพยานหลักฐานจำเลยและจำเลยร่วมจึงไม่จำเป็นในประเด็นแห่งคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7103/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานและการวินิจฉัยประเด็นไม่ครบถ้วนในคดีแรงงาน
ศาลแรงงานกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ 5 ข้อ และให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานในประเด็นอื่น ๆนอกจากประเด็นข้อที่ 1 เพียงประเด็นเดียวว่า ค่าอาหารต้องนำมารวมคิดเป็นค่าจ้างด้วยหรือไม่ เมื่อประเด็นข้อนี้โจทก์มิได้แถลงรับข้อเท็จจริงใด ๆ ในคดี ทั้ง-ไม่มีข้อเท็จจริงที่จะฟังเป็นยุติที่ศาลแรงงานจะนำมาวินิจฉัยคดีของโจทก์ได้ แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภ.ง.ด.1 เอกสารหมาย ล.2 และ ล.3 ที่ศาล-แรงงานนำมาวินิจฉัยก็เป็นพยานหลักฐานของจำเลยซึ่งโจทก์มิได้รับว่าถูกต้อง การที่ศาลแรงงานสั่งงดสืบพยานโจทก์จึงเป็นการมิชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 85 ประกอบพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31และการที่โจทก์มิได้แถลงสละประเด็นข้อใด ประเด็นแห่งคดีที่ศาลแรงงานกำหนดไว้ 5 ข้อ จึงยังคงมีอยู่และศาลแรงงานต้องวินิจฉัย ที่ศาลแรงงานวินิจฉัยประเด็นข้อที่ 1 เพียงข้อเดียวก็ไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง เมื่อคดียังมีประเด็นอื่นที่จะต้องวินิจฉัยอยู่เช่นนี้ การที่ศาลแรงงานวินิจฉัยประเด็นข้อที่ 1 ข้อเดียวแล้วพิพากษา-ยกฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7103/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดประเด็นข้อพิพาทและการวินิจฉัยคดีแรงงาน ศาลต้องวินิจฉัยทุกประเด็นที่มิได้สละ
ศาลแรงงานกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ 5 ข้อ และให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานในประเด็นอื่น ๆ นอกจากประเด็นข้อที่ 1 เพียงประเด็นเดียวว่า ค่าอาหารต้องนำมารวมคิดเป็นค่าจ้างด้วยหรือไม่เมื่อประเด็นข้อนี้โจทก์มิได้แถลงรับข้อเท็จจริงใด ๆ ในคดีทั้งไม่มีข้อเท็จจริงที่จะฟังเป็นยุติที่ศาลแรงงานจะนำมาวินิจฉัยคดีของโจทก์ได้ แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณที่จ่าย ภ.ง.ด.1 เอกสารหมาย ล.2 และ ล.3 ที่ศาลแรงงานนำมาวินิจฉัยก็เป็นพยานหลักฐานของจำเลยซึ่งโจทก์มิได้รับว่าถูกต้องการที่ศาลแรงงานสั่งงดสืบพยานโจทก์จึงเป็นการมิชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 85 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานกลางและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31 และการที่โจทก์มิได้แถลงสละประเด็นข้อใด ประเด็นแห่งคดีที่ศาลแรงงานกลางกำหนดไว้ 5 ข้อ จึงยังคงมีอยู่และศาลแรงงานต้องวินิจฉัย ที่ศาลแรงงานวินิจฉัยประเด็นข้อที่ 1เพียงข้อเดียวก็ไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง เมื่อคดียังมีประเด็นอื่นที่จะต้องวินิจฉัยอยู่เช่นนี้ การที่ศาลแรงงานวินิจฉัยประเด็นข้อที่ 1 ข้อเดียวแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5320/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดในการเถียงข้อเท็จจริงขัดแย้งกับคำพิพากษาเดิมในคดีแรงงาน: หลักการ estoppel
แม้คดีก่อนจำเลยที่ 2 ได้ฟ้องโจทก์คดีนี้ว่าเลิกจ้างไม่เป็นธรรมขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2กับพวกร่วมกันลักทรัพย์ของโจทก์ไป ขอให้จำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกันชดใช้ราคาทรัพย์ดังกล่าว แต่เหตุที่จำเลยที่ 2 อ้างในคดีก่อนว่าโจทก์เลิกจ้างไม่เป็นธรรม คือโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 กับพวกลักทรัพย์ของโจทก์ไป โดยจำเลยที่ 2 มิได้กระทำผิดซึ่งโจทก์ก็ให้การในคดีดังกล่าวว่า โจทก์มีสิทธิเลิกจ้างจำเลยที่ 2 เพราะจำเลยที่ 2ลักทรัพย์ของโจทก์ไป ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในคดีก่อนกับคดีนี้จึงเป็นปัญหาเดียวกันว่า จำเลยที่ 2 ลักทรัพย์ของโจทก์ไปหรือไม่และเมื่อโจทก์จำเลยในคดีทั้งสองเป็นคู่ความเดียวกัน จำเลยที่ 2จึงเถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 145 วรรคแรก ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5076/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจและการไต่สวนเหตุจำเป็นในการไม่สามารถมาศาลได้ในคดีแรงงาน
ในวันนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ของศาลแรงงานกลางจำเลยมอบอำนาจให้ พ. มาชี้แจงข้อเท็จจริงแก้ข้อกล่าวหาของโจทก์ แต่ พ.มีความจำเป็นต้องไปตามคำสั่งของเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยจึงมอบให้ ส.ถือหนังสือมอบอำนาจและหนังสือของ พ. ที่ขอเลื่อนการให้การมายื่นต่อศาล-แรงงานกลาง เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่โดยได้แถลงให้ศาลทราบถึงความจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้ ศาลแรงงานกลางก็ชอบที่ดำเนินการไต่สวนเพื่อจะได้ทราบว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นจริงหรือไม่ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 41

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5076/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้และการพิจารณาใหม่คดีแรงงาน
ในวันนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ของศาลแรงงานกลางจำเลยมอบอำนาจให้ พ. มาชี้แจงข้อเท็จจริงแก้ข้อกล่าวหาของโจทก์ แต่ พ. มีความจำเป็นต้องไปตามคำสั่งของเจ้าพนักงานตำรวจจำเลยจึงมอบให้ ส.ถือหนังสือมอบอำนาจและหนังสือของพ.ที่ขอเลื่อนการให้การมายื่นต่อศาลแรงงานกลาง เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่โดยได้แถลงให้ศาลทราบถึงความจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้ ศาลแรงงานกลางก็ชอบที่ดำเนินการไต่สวนเพื่อจะได้ทราบว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นจริงหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 41
of 50