คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 671 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4205/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ ต้องเกี่ยวกับความผิดอาญา/ประเด็นสำคัญในคดี จึงจะมีความผิด
การแจ้งความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172,173 และ 174 นั้น ความเท็จที่แจ้งต้องเป็นข้อความที่เกี่ยวกับความผิดอาญา เมื่อจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนเพียงว่า จำเลยเป็นผู้แนะนำ ส. ให้รู้จักกับโจทก์และสามีซึ่งเป็นความเท็จ โดยไม่มีข้อความว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาการกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ส่วนการเบิกความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 นั้น ความเท็จที่เบิกความต้องเป็นข้อสำคัญในคดี คือเป็นข้อความในประเด็นหรือที่เกี่ยวแก่ประเด็นอันอาจจะทำให้คู่ความถึงแพ้ชนะกันในประเด็นนั้นในคดีที่โจทก์คดีนี้ถูกฟ้องว่าฉ้อโกง ข้อสำคัญแห่งคดีมีว่า โจทก์ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ แล้วมอบเงินให้โจทก์รับไปหรือไม่ดังนั้น ที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยเคยแนะนำโจทก์ให้รู้จักกับผู้เสียหายนั้น ถึงหากจะเป็นความเท็จ ก็มิใช่ข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4205/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ ต้องเกี่ยวข้องกับความผิดอาญาหรือประเด็นสำคัญในคดี
การแจ้งความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172,173 และ 174 นั้น ความเท็จที่แจ้งต้องเป็นข้อความที่เกี่ยวกับความผิดอาญา เมื่อจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนเพียงว่า จำเลยเป็นผู้แนะนำ ส. ให้รู้จักกับโจทก์และสามีซึ่งเป็นความเท็จโดยไม่มีข้อความว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาการกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ส่วนการเบิกความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 นั้น ความเท็จที่เบิกความต้องเป็นข้อสำคัญในคดี คือเป็นข้อความในประเด็นหรือที่เกี่ยวแก่ประเด็นอันอาจจะทำให้คู่ความถึงแพ้ชนะกันในประเด็นนั้นในคดีที่โจทก์คดีนี้ถูกฟ้องว่าฉ้อโกง ข้อสำคัญแห่งคดีมีว่า โจทก์ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ แล้วมอบเงินให้โจทก์รับไปหรือไม่ ดังนั้น ที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยเคยแนะนำโจทก์ให้รู้จักกับผู้เสียหายนั้น ถึงหากจะเป็นความเท็จก็มิใช่ข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4205/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จและเบิกความเท็จต้องเกี่ยวกับความผิดอาญาหรือประเด็นสำคัญในคดีจึงจะมีความผิด
การแจ้งความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา172,173และ174นั้นความเท็จที่แจ้งต้องเป็นข้อความที่เกี่ยวกับความผิดอาญาเมื่อจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนเพียงว่าจำเลยเป็นผู้แนะนำส.ให้รู้จักกับโจทก์และสามีซึ่งเป็นความเท็จโดยไม่มีข้อความว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาการกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ ส่วนการเบิกความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177นั้นความเท็จที่เบิกความต้องเป็นข้อสำคัญในคดีคือเป็นข้อความในประเด็นหรือที่เกี่ยวแก่ประเด็นอันอาจจะทำให้คู่ความถึงแพ้ชนะกันในประเด็นนั้นในคดีที่โจทก์คดีนี้ถูกฟ้องว่าฉ้อโกงข้อสำคัญแห่งคดีมีว่าโจทก์ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหายทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อแล้วมอบเงินให้โจทก์รับไปหรือไม่ดังนั้นที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยเคยแนะนำโจทก์ให้รู้จักกับผู้เสียหายนั้นถึงหากจะเป็นความเท็จก็มิใช่ข้อสำคัญในคดีการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3700/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสนอค่าใช้จ่ายเพื่อเปรียบเทียบปรับ ไม่ถือเป็นความผิดฐานให้สินบน
ข้อความในจดหมายที่จำเลยเขียนถึง บ.พนักงานสอบสวน มีลักษณะขอร้องให้ บ.ช่วยเปรียบเทียบปรับผู้ต้องหาให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปในชั้นสถานีตำรวจโดยไม่ต้องให้คดีถึงศาลเท่านั้น เพื่อทั้งฝ่ายผู้ต้องหาและฝ่ายเจ้าพนักงานตำรวจจะได้ไม่เสียเวลาและเป็นการประหยัด เพราะจำเลยมีความเห็นว่าไม่ว่าจะชั้นศาลหรือชั้นสถานีตำรวจก็ถูกลงโทษปรับเหมือนกัน จึงไม่พอแปลความหมายได้ว่าจำเลยขอให้หรือรับว่าจะให้เงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ บ. เพื่อจูงใจไม่ให้ดำเนินคดีแก่ผู้ต้องหาดังกล่าว อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144, 167

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3046/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกเงินตามเช็คโดยไม่ต้องอาศัยความผิดอาญา ผู้ครอบครองเช็คมีสิทธิเรียกร้องได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องโดยไม่ต้องอาศัยมูลความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 จึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ข้อที่จำเลยอ้างว่าศาลต้องฟังข้อเท็จจริงคดีนี้ตามคำพิพากษาส่วนอาญาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาว่าลูกวงแชร์เป็นผู้ทรงเช็คจึงฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกข้าว, ความผิดอาญา, และความผิดตาม พรบ.การค้าข้าว: การลงโทษฐานความผิดหลายบท
ผู้รับฝากข้าวมีหน้าที่จะต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝาก ผู้รับฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่ กรณีมิใช่เป็นการฝากเงินซึ่งผู้รับฝากไม่จำเป็นต้องส่งคืนเงินอันเดียวกันกับที่รับฝากไว้ การฝากข้าวซึ่งเป็น
สังกมะทรัพย์นั้น หากผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากซึ่งเป็นการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่
เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ยักยอกข้าวโดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ให้ความช่วงเหลือ แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วย เพราะคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญากับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช2489 เป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกัน การกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้ มิใช่เป็นกรณีที่ถ้าการกระทำเป็นความผิดฐานหนึ่งแล้วมิอาจเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้น จำเลยที่ 2 มิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 จำเลยที่ 2 ก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์ (ข้าว) ความผิดทางอาญาและกฎหมายพิเศษ ผู้สนับสนุนความผิด
ผู้รับฝากข้าวมีหน้าที่จะต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝากผู้รับฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่กรณีมิใช่เป็นการฝากเงินซึ่งผู้รับฝากไม่จำเป็นต้องส่งคืนเงินอันเดียวกันกับที่รับฝากไว้การฝากข้าวซึ่งเป็นสังหมะทรัพย์นั้นหากผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากซึ่งเป็นการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้นหามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่. เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่1ยักยอกข้าวโดยมีจำเลยที่2เป็นผู้ให้ความช่วงเหลือแม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ลงโทษจำเลยที่1ด้วยเพราะคดีสำหรับจำเลยที่1เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วศาลอุทธรณ์ก็ลงโทษจำเลยที่2ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญากับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการค้าข้าวพุทธศักราช2489เป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกันการกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้มิใช่เป็นกรณีที่ถ้าการกระทำเป็นความผิดฐานหนึ่งแล้วมิอาจเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้นจำเลยที่2มิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าวพุทธศักราช2489จำเลยที่2ก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1956/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกทรัพย์: การครอบครองเงินแทนผู้อื่นแล้วเบียดบังยักยอกเข้าตัวเองถือเป็นความผิดอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยรับมอบเหรียญหลวงปู่แหวนจำนวน 20 องค์ ราคาองค์ละ 10 บาท รวมราคา 200 บาทจากผู้เสียหาย เพื่อเอาไปจำหน่ายให้กับประชาชนโดยทั่วไป แล้วจะต้องนำเงินที่จำหน่ายเหรียญดังกล่าวมอบให้ผู้เสียหายในวันเดียวกัน ต่อมาวันเดียวกันนี้จำเลยซึ่งได้ครอบครองเงินค่าจำหน่ายเหรียญดังกล่าวจำนวน 200 บาท ได้เบียดบังยักยอกเอาเงินดังกล่าวของผู้เสียหายไปเป็นประโยชน์ของจำเลยโดยทุจริต ดังนี้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่า จำเลยครอบครองเงินค่าจำหน่ายเหรียญของผู้เสียหาย มีหน้าที่ต้องนำเงินดังกล่าวมาคืนให้ผู้เสียหาย แต่แล้วได้เบียดบังยักยอกไป อันครบองค์ความผิดฐานยักยอกแล้ว และจำเลยรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังเป็นที่ยุติตามคำฟ้องและคำให้การว่า เงินค่าจำหน่ายเหรียญเป็นของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยเบียดบังไปโดยทุจริต จำเลยจึงมีความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1855/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานประกอบการรับฟังความผิดอาญา แม้ประจักษ์พยานเบิกความไม่สอดคล้องกับคำให้การเดิม
กรณีที่โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาสืบหรือประจักษ์พยานไม่ยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายโดยเบิกความขัดกับคำให้การชั้นสอบสวนโดยปราศจากเหตุผลหากโจทก์มีพยานหลักฐานอื่นก็อาจใช้ประกอบกันเพื่อรับฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4296/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดบทลงโทษในความผิดอาญา: เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ - เลือกใช้บทเฉพาะมากกว่าบททั่วไป
จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานเพราะไม่ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานการเงินโดยเฉพาะและจำเลยขาดเจตนายักยอกทรัพย์โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา147 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก การปรับบทมาตราลงโทษจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้
of 68