พบผลลัพธ์ทั้งหมด 361 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถามติงพยานต้องคัดค้านทันที หากศาลไม่ชี้ขาด ไม่มีเหตุยกฎีกา
โจทก์ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านให้ศาลจดคำถามและข้อคัดค้านไว้ในทันทีที่ศาลมิให้ถามติงพยาน ศาลจึงมิได้ชี้ขาดว่าควรให้ใช้คำถามนั้นหรือไม่ดังนี้ ไม่มีเหตุที่จะยกเป็นข้อฎีกาให้ยกคำพิพากษาและให้พิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย: การยื่นคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องเป็นไปตามกำหนดเวลา และเหตุผลที่อ้างไม่เป็นเหตุสุดวิสัย
คัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่สั่งไม่ให้ถอนการยึดทรัพย์ต้องร้องต่อศาลภายใน 14 วันตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 158 เหตุที่ผู้ร้องอ้างว่าเสียเวลาศึกษาสำนวนความซึ่งใช้พยานหลักฐานหลายชุด และผู้รับมอบอำนาจเข้าใจผิด ไม่เป็นเหตุสุดวิสัยที่จะขยายระยะเวลา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อไม่ระบุเหตุคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยกล่าวในฎีกาเพียงว่า "จำเลยขอให้การกลับคำให้การในชั้นสอบสวนและในชั้นศาลทุปกระการและทุกถ้อยกระทงความ โดยจำเลยขอให้การว่ามิได้กระทำความผิดตามคำกล่าวหาของพนักงานสอบสวนและคำฟ้องของโจทก์" โดยมิได้ระบุข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จำเลยประสงค์จะยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาแต่ประการใด ทั้งมิได้กล่าวอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไม่ถูกต้องในข้อใดอย่างไรฎีกาเช่นนี้ไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 225 และมาตรา 216
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3223/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการคัดค้านการบังคับคดี กรณีอ้างว่าทรัพย์สินเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่จำเลย
ในกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าที่ดินที่โจทก์ขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษามิใช่ของจำเลย แต่เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงชอบที่จะยื่นคำร้องขอต่อศาลได้ตามนัยแห่งบทบัญญัติมาตรา 7(2)288 และ 296 แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เมื่อผู้ร้องได้เสียค่าธรรมเนียมตามคำร้องในเรื่องนี้แล้ว ไม่จำเป็นที่ผู้ร้องจะต้องไปฟ้องเป็นคดีใหม่อีกต่างหาก
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 802/2491)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 802/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุผลคัดค้านคำพิพากษาที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงโอกาสชนะคดีหากไม่ขาดนัด
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวถึงรายละเอียดที่จำเลยทั้งสองได้ขาดนัดพิจารณาและหากจำเลยทั้งสองไม่ขาดนัดก็มีทางชนะคดีโจทก์ได้เพราะมีโอกาสซักค้านและสืบพยานหักล้างพยานโจทก์ ไม่ได้กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล ไม่มีข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เหตุผลหรือหลักฐานที่แสดงในคำร้องว่าคำพิพากษาของศาลไม่ถูกต้องประการใด และหากพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว คำร้องขอของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งมาตรา 208 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีจดทะเบียนรับรองบุตร ต้องยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนก่อน หากถูกคัดค้านจึงฟ้องศาลได้
บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ถ้า) ประสงค์จะจดทะเบียนบุตรที่เกิดก่อนสมรสให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายจะต้องไปขอจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมยต่อสำนักทะเบียน ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านการขอจดทะเบียน บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงจะมีอำนาจนำคดีฟ้องศาลได้ โดยฟ้องเด็กและมารดาร่วมกันเป็นจำเลย เมื่อปรากฏทั้งจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์และทางนำสืบว่าก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองเด็กขายโอภาส ต่อนายทะเบียนหรือจำเลยได้คัดค้านการขอจดทะเบียนข้อโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายจึงยังไม่เกิดขึ้นแก่โจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาล แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อต่อสู้เกิดขึ้นแก่โจทก์ ไว้ในคำให้การและไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตาม ศาลฎีกาก็ยกขึ้นได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5)
โจทก็์ฟ้องขอให้จำเลยไปให้ความยินยอมจดทะเบียนว่าเด็กชาย อ. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้โจทก์มอบคืนเด็กชาย อ. แก่จำเลย แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลก็พิพากษาให้โจทก์มอบเด็กชาย อ. คืนให้กับจำเลยตามฟ้องแย้งได้
โจทก็์ฟ้องขอให้จำเลยไปให้ความยินยอมจดทะเบียนว่าเด็กชาย อ. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้โจทก์มอบคืนเด็กชาย อ. แก่จำเลย แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลก็พิพากษาให้โจทก์มอบเด็กชาย อ. คืนให้กับจำเลยตามฟ้องแย้งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2249/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดก: ต้องเป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงเท่านั้น
ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ตายยกที่ดินมีโฉนดให้ ผู้คัดค้านครอบครองได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว ทั้งทรัพย์มรดกของผู้ตายก็ไม่มีเหลืออยู่เลย ล้วนแต่เป็นเรื่องนอกประเด็นจากคำร้องขอจัดการมรดก เพราะประเด็นแห่งคดีมีว่าสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้องขอหรือไม่เท่านั้น
ที่ดินดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกหรือไม่ เมื่อผู้คัดค้านอ้างว่าเป็นของตนก็ชอบที่จะไปดำเนินคดีเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากคดีนี้
ผู้ตายมีทรัพย์มรดกหรือไม่ เป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องกับศาลเท่านั้น ถ้าฟังว่าไม่มีทรัพย์มรดก ศาลก็สั่งยกคำร้อง ผู้คัดค้านหามีส่วนได้เสียในการที่ศาลจะตั้งหรือไม่ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแต่ประการใด ไม่
ผู้คัดค้านไม่ใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย หรือไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสีย จึงไม่มีสิทธิร้องคัดค้าน ว่าผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก
ที่ดินดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกหรือไม่ เมื่อผู้คัดค้านอ้างว่าเป็นของตนก็ชอบที่จะไปดำเนินคดีเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากคดีนี้
ผู้ตายมีทรัพย์มรดกหรือไม่ เป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องกับศาลเท่านั้น ถ้าฟังว่าไม่มีทรัพย์มรดก ศาลก็สั่งยกคำร้อง ผู้คัดค้านหามีส่วนได้เสียในการที่ศาลจะตั้งหรือไม่ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแต่ประการใด ไม่
ผู้คัดค้านไม่ใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย หรือไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสีย จึงไม่มีสิทธิร้องคัดค้าน ว่าผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลอนุญาตให้ถอนฟ้อง: พิจารณาเหตุผลโดยรวม มิใช่เฉพาะเหตุคัดค้านของจำเลย
การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาลโดยพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลอื่น ๆ โดยทั่วไปในคดี มิใช่พิจารณาเฉพาะเพียงเหตุผลที่จำเลยยกขึ้นเป็นข้อคัดค้านเท่านั้น และแม้จำเลยจะคัดค้านการถอนฟ้อง ศาลก็ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้
ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า แม้จำเลยจะคัดค้านคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นก็เห็นว่าเป็นดุลพินิจของศาลที่ควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้น เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยให้แล้วว่าคำร้องคัดค้านของจำเลยไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 แล้ว
ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า แม้จำเลยจะคัดค้านคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นก็เห็นว่าเป็นดุลพินิจของศาลที่ควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้น เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยให้แล้วว่าคำร้องคัดค้านของจำเลยไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2044/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัย รอการลงโทษ จำเลยฎีกาคัดค้านดุลพินิจศาลอุทธรณ์ เกินเหตุ
ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลยเมื่อรับสารภาพแล้วมีกำหนด 6 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ไม่รอการลงโทษจำคุก จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกจำเลย เป็นการฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาลอุทธรณ์อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2517 มาตรา 6 เว้นแต่ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา หรืออธิบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาว่ามีเหตุอันควรสู่ศาลสูงสุดจะได้รับวินิจฉัย จึงให้รับฎีกานั้นไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 และข้อความที่ว่า "ข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด" นั้น หมายถึงข้อความที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินว่า พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด หรือมิฉะนั้นก็จะต้องเป็นข้อความซึ่งมีปัญหาสำคัญอันจำเป็นที่ควรจะได้รับการวินิจฉัยกลั่นกรองจากศาลสูงสุดเป็นพิเศษอีกชั้นหนึ่ง เมื่อจำเลยฎีกาเพียงขอให้รอการลงโทษจำเลยอย่างเดียวเท่านั้น โดยยกเหตุผลต่างๆ ขึ้นอ้าง ซึ่งไม่ปรากฏมีในศาลชั้นต้น จึงมิใช่เป็นการฎีกาในปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด แม้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ฎีกาได้ ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดประเด็นและหน้าที่นำสืบในคดีมรดก จำเลยฎีกาต้องแสดงการคัดค้านคำสั่งศาลให้ชัดเจนก่อน
จำเลยฎีกาขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นในเรื่องการกำหนดประเด็นและหน้าที่นำสืบ ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาในวันชี้สองสถานว่าคู่ความสละข้อหาหรือข้อต่อสู้อื่นทั้งหมด คงมีประเด็นพิพาทเพียง 2 ข้อคือพินัยกรรมปลอมหรือไม่และพินัยกรรมครอบคลุมถึงทรัพย์สินอย่างอื่นนอกจากทรัพย์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรมหรือไม่ หลังจากไปตรวจที่พิพาทแล้วศาลชั้นต้นกำหนดหน้าที่นำสืบให้จำเลยนำสืบก่อน ต่อมาจำเลยยื่นคำแถลงว่าในวันตรวจที่พิพาท จำเลยได้คัดค้านคำสั่งศาลด้วยวาจาว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และศาลสั่งด้วยวาจาว่าให้แถลงคัดค้านเข้ามาจำเลยจึงยื่นคำแถลงอธิบายความหมายตามที่จำเลยแถลง ศาลชั้นต้นสั่งสำเนาให้โจทก์ร่วม ดังนี้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 26 กำหนดว่าถ้าศาลได้ออกคำสั่งหรือคำชี้ขาดเกี่ยวกับการการดำเนินคดี คู่ความคัดค้านว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนที่ศาลจะดำเนินคดีต่อไปให้ศาลจดคำสั่งหรือคำชี้ขาดนั้นและสภาพแห่งการคัดค้านนั้นไว้ในรายงานเมื่อตามสำนวนไม่ปรากฏว่าจำเลยคัดค้านคำสั่งหรือคำชี้ขาดข้อใดจึงไม่มีข้อคัดค้านศาลชั้นต้นที่ศาลฎีกาจะพิจารณาตามฎีกาของจำเลย
การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำสืบก่อนและโจทก์จำเลยสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว แม้จะเป็นการชอบหรือไม่ก็ตามถ้าไม่ทำให้คำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไปก็ไม่มีเหตุที่ศาลสูงจะสั่งแก้ไข
การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำสืบก่อนและโจทก์จำเลยสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว แม้จะเป็นการชอบหรือไม่ก็ตามถ้าไม่ทำให้คำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไปก็ไม่มีเหตุที่ศาลสูงจะสั่งแก้ไข