คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำให้การ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3101/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีผิดสัญญาจ้างแรงงานและละเมิด แม้จำเลยไม่ได้อ้างอายุความผิดสัญญาโดยตรง แต่การยกเหตุผลขาดอายุความในคำให้การถือว่าเป็นการอ้างอายุความแล้ว
คำฟ้องของโจทก์เป็นทั้งเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานและละเมิดในขณะเดียวกัน แม้จำเลยจะอ้างอายุความเรื่องละเมิดโดยมิได้กล่าวถึงอายุความเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานขึ้นต่อสู้ก็ตาม แต่จำเลยยกข้อเท็จจริงและเหตุผลว่าเพราะเหตุใดคดีโจทก์จึงขาดอายุความขึ้นมากล่าวไว้ในคำให้การแล้ว ถือว่าจำเลยได้อ้างอายุความเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานขึ้นมาต่อสู้ไว้แล้ว ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจยกอายุความเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานขึ้นมาปรับแก่คดียกฟ้องโจทก์ก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3097/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและผลต่อการนำสืบพยาน
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ คำเบิกความของจำเลยที่อ้างตนเองเป็นพยาน เป็นเพียงเสนอข้อเท็จจริงที่จะเป็นการหักล้างพยานโจทก์ มิได้ก่อให้เกิดประเด็นแห่งคดีในศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้รับประกันภัย: การฎีกาขัดแย้งกับคำให้การ
ปัญหาว่า จำเลยที่ 3 จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 ด้วยหรือไม่นั้น ปัญหาข้อนี้โจทก์มิได้ฎีกาและจำเลยที่ 2 ให้การว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ไม่ได้ชำระเบี้ยประกันเพื่อต่ออายุสัญญาประกันภัยกับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในคดีนี้ด้วยการที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 3 รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันที่เกิดเหตุของจำเลยที่ 2 แล้ว จึงต้องร่วมรับผิดด้วยนั้น จึงเป็นฎีกาที่ขัดแย้งและนอกเหนือคำให้การของตน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาที่จำเลยอ้างเรื่องประกันภัยขัดแย้งกับคำให้การเดิม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นความรับผิดของผู้รับประกัน
ปัญหาว่า จำเลยที่ 3 จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 ด้วยหรือไม่นั้น ปัญหาข้อนี้โจทก์มิได้ฎีกาและจำเลยที่ 2ให้การว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ไม่ได้ชำระเบี้ยประกันเพื่อต่ออายุสัญญาประกันภัยกับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในคดีนี้ด้วย การที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าจำเลยที่ 3 รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันที่เกิดเหตุของจำเลยที่ 2 แล้ว จึงต้องร่วมรับผิดด้วยนั้น จึงเป็นฎีกาที่ขัดแย้งและนอกเหนือคำให้การของตน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยไม่อุทธรณ์ฎีกาในประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นในคำให้การ ถือเป็นข้ออุทธรณ์ฎีกานอกเหนือคำให้การ
ปัญหาข้อที่จำเลยที่ 2 ฎีกา แม้จำเลยที่ 1 จะให้การต่อสู้ในปัญหาข้อดังกล่าวไว้ แต่เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การของตน จำเลยที่ 2 ก็ไม่มีสิทธิยกปัญหาดังกล่าวขึ้นในชั้นอุทธรณ์ฎีกาด้วยเพราะเป็นข้ออุทธรณ์ฎีกานอกเหนือคำให้การของตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การกับพนักงานสอบสวนในฐานะผู้ต้องหา: คำให้การใหม่ย่อมใช้ได้ โจทก์ไม่อาจอ้างคำรับเดิม
เมื่อจำเลยตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(2) แล้ว จำเลยจะให้การเท็จจริงอย่างไรหรือไม่ให้การอะไรก็ได้ ไม่มีกฎหมายใดบังคับดังนั้น โจทก์จะอ้างคำรับของจำเลยในชั้นสอบสวนซึ่งในชั้นพิจารณาจำเลยได้ปฏิเสธ ให้เห็นว่าคำเบิกความชั้นศาลของจำเลยเป็นความจริงมาใช้ประกอบเพื่อให้ฟังว่าข้อความที่จำเลยให้ไว้แก่พนักงานสอบสวนนั้นเป็นความเท็จหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำเบิกความในชั้นสอบสวนและศาล: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคำเบิกความต่อศาลมีเหตุผลน่าเชื่อถือกว่า แม้จะขัดแย้งกับคำให้การเดิม
เมื่อคำเบิกความของจำเลยในการพิจารณาคดีต่อศาลน่าจะเป็นความจริงทั้งจำเลยเบิกความดังกล่าว โจทก์ก็ได้ให้จำเลยดูคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยแล้ว จำเลยได้ยืนยันว่า คำให้การดังกล่าวไม่ตรงกับความจริง ความจริงเป็นดังที่จำเลยเบิกความต่อศาลแม้โจทก์จะมีพนักงานสอบสวนในคดีอาญาดังกล่าวมาเบิกความรับรองว่าจำเลยได้ให้การในชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจ เมื่อจำเลยได้เบิกความต่อศาลโดยมีเหตุผลประกอบน่าเชื่อว่าเป็นความจริง จึงไม่อาจที่จะรับฟังว่าจำเลยได้เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1190/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานประกอบการรับฟังคำให้การในคดีข่มขืน แม้ไม่มีพยานผู้เสียหาย
แม้โจทก์จะไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความยืนยันว่า จำเลย-ทั้งสองกับพวกอีก 1 คน ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายก็ตาม แต่โจทก์ก็มี น, อ,ส, และแพทย์ผู้ทำการตรวจร่างกายผู้เสียหาย อันเป็นพยานบุคคลมาเบิกความถึง-เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งพยานโจทก์ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นพยานแวดล้อมกรณี หาใช่พยานบอกเล่าไปทั้งหมดไม่ คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวต่อเนื่องเชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุผล จึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าเป็นความจริง อนึ่ง คำพยานบอกเล่ามิใช่ว่าจะรับฟังไม่ได้เสียทีเดียว แต่อาจรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 966/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลที่ไม่รับคำให้การ: การจำกัดสิทธิอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยก คำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลยมิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลย อันถือว่าเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การเนื่องจากระยะเวลาที่กำหนดตามกฎหมาย และการไม่อนุญาตขยายเวลาโดยไม่มีเหตุผล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 โดยวิธีปิดหมาย ซึ่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคสองกำหนดให้เวลาล่วงเลย 15 วัน จึงจะมีผล ปรากฏว่าทำการปิดหมายแก่จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2531 การนับเวลาล่วงพ้น 15 วันจึงเริ่มนับแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2531 แล้วเริ่มนับกำหนด ยื่นคำให้การภายใน 8 วัน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคแรก ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน2531 ครบกำหนดในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2531 ดังนั้น จำเลยที่ 1 จึงต้องยื่นคำให้การต่อศาลชั้นต้นภายใน กำหนดเวลาดังกล่าว เมื่อจำเลยที่ 1ยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่น คำให้การในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2531 โดยมิได้อ้างเหตุสุดวิสัย ที่ทำให้ไม่สามารถยื่นคำร้องได้ก่อนสิ้นระยะเวลาที่จะยื่น คำให้การได้ กรณีจึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 23 ชอบที่ศาลชั้นต้น จะสั่งยกคำร้องได้.
of 72