คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าธรรมเนียม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 515 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6159/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมคำร้องคัดค้านการยืนยันหนี้ในคดีล้มละลาย: ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ใช้ค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ในคดีล้มละลายที่ผู้ร้องร้องคัดค้านการยืนยันหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้นพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119 วรรคสอง และวรรคสาม กำหนดให้ผู้คัดค้านดังกล่าวทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาล ซึ่งค่าธรรมเนียมในคดีล้มละลายเกี่ยวกับคำร้องนี้มิได้บัญญัติไว้ในกฎหมายล้มละลาย ผู้ร้องต้องเสียค่าคำร้อง 20 บาทตามตาราง 2(3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบด้วยมาตรา 179 วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6159/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมคดีล้มละลาย: การคัดค้านการยืนยันหนี้ – คำร้อง vs. คดีมีทุนทรัพย์
ในคดีล้มละลายที่ผู้ร้องร้องคัดค้านการยืนยันหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้นพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 119 วรรคสอง และวรรคสาม กำหนดให้ผู้คัดค้านดังกล่าวทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาล ซึ่งค่าธรรมเนียมในคดีล้มละลายเกี่ยวกับคำร้องนี้มิได้บัญญัติไว้ในกฎหมายล้มละลาย ผู้ร้องต้องเสียค่าคำร้อง 20 บาทตามตาราง 2(3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบด้วยมาตรา 179 วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6134/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ต้องมีเหตุผลอันสมควรในการอุทธรณ์คดี มิใช่เพียงยากจน
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ด้วยเหตุคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมและคดีจำเลยไม่มีเหตุผลอัน สมควรที่จะอุทธรณ์ จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนด 7 วัน จำเลยย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้ายข้อที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของจำเลยไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์จึงเป็นอันยุติ ดังนั้นแม้ศาลจะอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม และฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียม ศาลก็จะอนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไม่ได้เพราะการที่จะอนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ได้นั้น คดีของจำเลยจะต้องมีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์ด้วย การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลย เป็นคนยากจน แล้วศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง และจำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น จะถือว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งในประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของจำเลยไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์อยู่ในตัวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4883/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมอายัดเงินชั่วคราวก่อนพิพากษา: ผู้ร้องขอบังคับชำระค่าธรรมเนียมเมื่อศาลยกเลิกอายัด
การที่โจทก์ร้องขอให้ศาลสั่งอายัดเงินที่บุคคลภายนอกต้องชำระให้จำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 149 เมื่อต่อมาศาลสั่งให้ยกเลิกอายัดชั่วคราวตามคำร้องขอของจำเลย โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่ออายัดเงินแล้วไม่มีการจำหน่ายตามมาตรา 5 ข้อ 4 ท้าย ป.วิ.พ..

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4867/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์, สัญญาซื้อขาย, การเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร, หักกลบลบหนี้, ค่าธรรมเนียมการโอน
โจทก์มิได้ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลหนี้ตามเช็ค แต่โจทก์ฟ้องอ้างมูลหนี้ตามสัญญาซื้อขายที่ดิน โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อที่ดินจากโจทก์กี่โฉนด จำนวนเนื้อที่เท่าใด ราคาทั้งหมดเท่าใด ส่วนที่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระจากจำเลยเป็นเงินเท่าใด โจทก์ได้รับความเสียหายจากการที่จำเลยชำระเงินไม่ครบถ้วนอย่างไร รวมจำนวนเงินที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์เท่าใด ดังนี้คำฟ้องของโจทก์ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 แล้ว ไม่จำต้องบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับเช็คฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
การซื้อขายที่ดินเป็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ป.พ.พ. มาตรา 456 บังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงเป็นกรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง การฟังพยานหลักฐานในกรณีเช่นนี้ต้องอยู่ในบังคับของ ป.วิ.พ. มาตรา 94 โจทก์จำเลยจึงจะนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินไม่ได้ ในเอกสารหนังสือซื้อขายที่ดินระบุว่า "ผู้ซื้อได้ชำระและผู้ขายได้รับเงินค่าที่ดินรายนี้เรียบร้อยแล้ว" ดังนี้ในส่วนของจำนวนเงินที่จำเลยมิได้ชำระเป็นเช็ค โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบเพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงต่างไปจากความที่ระบุไว้ชัดแจ้งในหนังสือสัญญาดังกล่าวหาได้ไม่ แต่ในส่วนที่ชำระกันด้วยเช็คนั้นแม้โจทก์จะมิได้ฟ้องในมูลหนี้ตามเช็ค โจทก์ย่อมสืบได้ว่าหนี้เดิมตามสัญญาซื้อขายที่ดินยังไม่ระงับไปเพราะโจทก์ขึ้นเงินตามเช็คไม่ได้ ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
ข้อตกลงที่มาสู่การซื้อขายที่ดินพิพาทเนื่องมาจากสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลย มิใช่เกิดจากการวางประจำไว้หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว จึงเป็นกรณีที่ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายระบุว่าค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ผู้จะขายเป็นผู้ชำระเองทั้งสิ้นโจทก์จึงจะนำสืบพยานบุคคลว่าจำเลยผู้จะซื้อตกลงออกค่าธรรมเนียมในการโอนไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมอุทธรณ์: คำสั่งศาลต้องไม่เกินกำหนดเดิม มิฉะนั้นถือเป็นประโยชน์ตกไป
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องขงโจทก์ ให้ขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ไปอีก ๑๕ วัน โดยระบุวันเดือนปีที่ครบกำหนดไว้ด้วย ปรากฏว่าในวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งให้โจทก์ฟังนั้น ได้ล่วงเลยวันที่ครบกำหนดตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ไปแล้ว ดังนี้ คำสั่งศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ เพราะมีผลเท่ากับไม่ได้ขยายระยะเวลาให้โจทก์ เมื่อโจทก์ทราบคำสั่งก็หมดโอกาสที่จะชำระค่าธรรมเนียมเสียแล้ว ขัดกับเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ กรณีเช่นนี้ศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้เป็นว่าให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมอุทธรณ์: ศาลต้องกำหนดวันใหม่ที่โจทก์ยังสามารถชำระได้ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องของโจทก์ให้ขยายระยะเวลาการวางเงิน ค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ไปอีก 15 วันโดยระบุวันเดือนปีที่ครบกำหนดไว้ด้วย ปรากฏว่าในวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งให้โจทก์ฟังนั้น ได้ล่วงเลยวันที่ครบกำหนดตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ไปแล้ว ดังนี้ คำสั่งศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ เพราะมีผลเท่ากับไม่ได้ขยายระยะเวลาให้โจทก์ เมื่อโจทก์ทราบคำสั่งก็หมดโอกาสที่จะชำระค่าธรรมเนียมเสียแล้ว ขัดกับเจตนารมณ์ของ ป.วิ.พ.มาตรา 23 ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 15 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมอุทธรณ์: ศาลต้องกำหนดวันชำระที่โจทก์ยังสามารถปฏิบัติตามได้
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องของโจทก์ให้ขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ไปอีก 15 วัน โดยระบุวันเดือนปีที่ครบกำหนดไว้ด้วย ปรากฏว่าในวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งให้โจทก์ฟังนั้นได้ล่วงเลยวันที่ครบกำหนดตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ไปแล้วดังนี้คำสั่งศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ เพราะมีผลเท่ากับไม่ได้ขยายระยะเวลาให้โจทก์ เมื่อโจทก์ทราบคำสั่งก็หมดโอกาสที่จะชำระค่าธรรมเนียมเสียแล้ว ขัดกับเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 กรณีเช่นนี้ศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 15 วันนับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4355/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการกำหนดเวลาวางค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ แม้พ้นกำหนดเดิม และการรับอุทธรณ์เมื่อชำระแล้ว
เดิมศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ หากจำเลยติดใจอุทธรณ์ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาวางภายใน 10 วัน จำเลยฎีกาพร้อมทั้งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ในชั้นฎีกาด้วย ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาและอนุญาตให้ขยายเวลาวางเงินได้ตามคำร้อง ต่อมาศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งเป็นไม่รับฎีกาของจำเลย แต่มิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องค่าธรรมเนียม ศาลชั้นอุทธรณ์ซึ่งขณะนั้นล่วงเลยกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมตามคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว ดังนี้ เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมใหม่ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจกำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระได้ เพราะเป็นอำนาจศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการดำเนินการพิจารณา และการกำหนดเวลาดังกล่าวมิใช่เป็นการขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 เมื่อจำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์และค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลแล้ว จึงชอบที่จะรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4355/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการกำหนดเวลาวางค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ แม้หลังพ้นกำหนดเดิม และการรับอุทธรณ์เมื่อชำระค่าธรรมเนียมครบถ้วน
เดิมศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ หากจำเลยติดใจอุทธรณ์ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาวางภายใน 10 วัน จำเลยฎีกาพร้อมทั้งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ในชั้นฎีกาด้วย ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาและอนุญาตให้ขยายเวลาวางเงินได้ตามคำร้อง ต่อมาศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งเป็นไม่รับฎีกาของจำเลย แต่มิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องค่าธรรมเนียม ศาลชั้นอุทธรณ์ซึ่งขณะนั้นล่วงเลยกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมตามคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว ดังนี้ เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมใหม่ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจกำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระได้ เพราะเป็นอำนาจศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการดำเนินการพิจารณา และการกำหนดเวลาดังกล่าวมิใช่เป็นการขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 เมื่อจำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์และค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลแล้ว จึงชอบที่จะรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป.
of 52