พบผลลัพธ์ทั้งหมด 241 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าเป็นจำเลยร่วมเพื่อคุ้มครองสิทธิในกรณีสัญญากู้ที่สามีมิได้ยินยอม ศาลไม่อนุญาตหากยังไม่ถึงเวลาบังคับชำระหนี้
จำเลยถูกฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ สามีจำเลยขอเข้าเป็นจำเลยร่วมอ้างว่า เพื่อคุ้มครองสิทธิของตนโดยที่จำเลยทำนิติกรรมไปไม่ได้รับความยินยอมจากตนก่อน ดั่งนี้ ศาลไม่อนุญาต เพราะถึงแม้ว่าโจทก์ชนะคดี ก็ยังไม่แน่ว่าโจทก์จะบังคับเอาจากทรัพย์ใด โจทก์อาจบังคับเอาจากทรัพย์สินส่วนตัวของจำเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นในชั้นนี้ จึงยังไม่จำเป็นที่ผู้ร้องสามีจำเลยจะต้องร้องขอความคุ้มครองสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิสามีในการโต้แย้งสัญญากู้ของภรรยา: ศาลไม่อนุญาตให้เข้าเป็นจำเลยร่วมหากสิทธิยังไม่ถูกโต้แย้ง
ในคดีที่โจทก์ฟ้องหญิงมีสามีเป็นจำเลยเรียกเงินตามสัญญากู้นั้น เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความรับผิด คดียังไม่แน่ว่าโจทก์จะชนะหรือไม่ ถึงหากชนะ จะยึดทรัพย์ส่วนตัวของหญิงสามีก็ไม่มีสิทธิโต้แย้งคัดค้านเช่นนี้ สามีก็ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิอย่างไร ฉะนั้นการที่สามีร้องขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับภรรยาเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิที่มีอยู่ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 57(1) ในขณะนี้ ศาลจึงไม่จำเป็นต้องอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเป็นจำเลยร่วมในคดีกู้ยืมเงิน: สิทธิของสามีเมื่อภรรยาทำสัญญาโดยไม่ได้รับความยินยอม
ในคดีที่โจทก์ฟ้องหญิงมีสามีเป็นจำเลยเรียกเงินตามสัญญากู้นั้นเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดคดียังไม่แน่ว่าโจทก์จะชนะหรือไม่ ถึงหากชนะ จะยึดทรัพย์ส่วนตัวของหญิงสามีก็ไม่มีสิทธิโต้แย้งคัดค้านเช่นนี้สามีก็ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิอย่างไรฉะนั้นการที่สามีร้องขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับภรรยาเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) ในขณะนี้ศาลจึงไม่จำเป็นต้องอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสมคบคิดฆ่าผู้อื่น ลดโทษจากพยานหลักฐานและโทษจำเลยร่วม
จำเลยถูกฟ้องหาว่าสมคบกับผู้อื่นฆ่าเขาตาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุก 15 ปี แต่ ปรากฎว่า ผู้อื่นที่จำเลยสมคบด้วยนั้น ถูกฟ้องจนศาลลงโทษไปก่อนแล้ว ถูกจำคุกเพียง 9 ปี เท่านั้น ประกอบกับคำ ให้การจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่ ดังนี้ ย่อมวินิจฉัยปราณีลดโทษให้จำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 59 คงเหลือโทษจำคุก 9 ปี ได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องสอดเพื่อเป็นจำเลยร่วมในคดีบุกรุกที่ดิน: สิทธิของผุ้ร้องสอดถูกจำกัดเมื่อจำเลยขาดนัด
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกทึ่ดินของโจทก์ ขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินนั้นเป็นของโจทก์และให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกไป
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดชั้นพิจารณาในวันสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียว มีผุ้ร้องสอด ร้องสอดเข้ามาว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์หรือจำเลยแต่เป็นของผู้รวมกับจำเลยในคดีนั้นด้วย ดังนี้ เป็นเรื่องผู้ร้องสอดตั้งสิทธิของผู้ร้องสอดขึ้นมาเองโดยลำพัง ไม่ชอบที่จะขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 57 (2) ศาลย่อมไม่อนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยรวมด้วยได้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดชั้นพิจารณาในวันสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียว มีผุ้ร้องสอด ร้องสอดเข้ามาว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์หรือจำเลยแต่เป็นของผู้รวมกับจำเลยในคดีนั้นด้วย ดังนี้ เป็นเรื่องผู้ร้องสอดตั้งสิทธิของผู้ร้องสอดขึ้นมาเองโดยลำพัง ไม่ชอบที่จะขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 57 (2) ศาลย่อมไม่อนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยรวมด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วม: สิทธิที่ตั้งขึ้นเองโดยลำพังไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ ขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินนั้นเป็นของโจทก์และให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกไป
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดชั้นพิจารณาในวันสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียว มีผู้ร้องสอด ร้องสอดเข้ามาว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์หรือจำเลยแต่เป็นของผู้ร้องสอดผู้ร้องสอดจึงขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยในคดีนั้นด้วย ดังนี้ เป็นเรื่องผู้ร้องสอดตั้งสิทธิของผู้ร้องสอดขึ้นมาเองโดยลำพังไม่ชอบที่จะขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2) ศาลย่อมไม่อนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยได้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดชั้นพิจารณาในวันสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียว มีผู้ร้องสอด ร้องสอดเข้ามาว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์หรือจำเลยแต่เป็นของผู้ร้องสอดผู้ร้องสอดจึงขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยในคดีนั้นด้วย ดังนี้ เป็นเรื่องผู้ร้องสอดตั้งสิทธิของผู้ร้องสอดขึ้นมาเองโดยลำพังไม่ชอบที่จะขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2) ศาลย่อมไม่อนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้คำเบิกความของจำเลยร่วมเป็นหลักฐานลงโทษจำเลยอื่นไม่ชอบ
ในคดีอาญา ศาลจะฟังคำเบิกความของจำเลยคนหนึ่ง ซึ่งอ้างตนเองเป็นพะยานมาลงโทษจำเลยอีกคนหนึ่งไม่ได้เพราะเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยคนนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยร่วม: ผู้ร้องสอดมีสิทธิจำกัดเท่าจำเลย ไม่สามารถใช้สิทธิเหนือกว่าได้
การที่มีผู้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมนั้น ผู้ร้องสอดมีสิทธเท่าจำเลยเท่านั้น จะใช้สิทธินอกเหนือไปกว่าจำเลยหาได้ไม่
การที่สามีร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมกับภริยา จะปฏิเสธสัญญาที่จำเลยได้ทำไว้กับโจทก์ว่าไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วยตกเป็นโมฆะนั้น ซึ่งภริยาผู้ร้องสอดมิได้ต่อสู้ไว้ เช่นนี้ไม่ได้ ถือว่าเป็นการใช้สิทธิอย่างอื่นนอกไปจากสิทธิที่จำเลยมีอยู่ตามมาตรา 58 วรรค 2
การที่สามีร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมกับภริยา จะปฏิเสธสัญญาที่จำเลยได้ทำไว้กับโจทก์ว่าไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วยตกเป็นโมฆะนั้น ซึ่งภริยาผู้ร้องสอดมิได้ต่อสู้ไว้ เช่นนี้ไม่ได้ ถือว่าเป็นการใช้สิทธิอย่างอื่นนอกไปจากสิทธิที่จำเลยมีอยู่ตามมาตรา 58 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 758/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพของจำเลยร่วม ใช้ยันตัวผู้ให้การเท่านั้น ไม่ใช้กับจำเลยอื่น
คำไห้การชั้นสอบสวนของจำเลยคนหนึ่งที่ไห้การชัดจำเลยอีกคนหนึ่งนั้น ไช้ยันได้ฉเพาะผู้ไห้การ จะไช้ประกอบการพิจารนาสำหรับจำเลยคนที่ถูกซัดไม่ได้
คำไห้การชั้นสอบสวนของผู้ที่ไปกะทำความผิดด้วยกัน ซึ่งซัดจำเลยอื่นนั้น แม้ผู้นั้นมิได้ถูกฟ้องก็ไช้เปนหลักถานประกอบการพิจารนาสำหรับจำเลยที่ถูกซัดไม่ได้
คำไห้การชั้นสอบสวนของผู้ที่ไปกะทำความผิดด้วยกัน ซึ่งซัดจำเลยอื่นนั้น แม้ผู้นั้นมิได้ถูกฟ้องก็ไช้เปนหลักถานประกอบการพิจารนาสำหรับจำเลยที่ถูกซัดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลทหาร: ต้องพิสูจน์สถานะทหารของจำเลยร่วมอย่างชัดเจน
จำเลยเป็นทหารประจำการส่วนพักพวกของจำเลยซึ่งหลบหนีไปไม่ปรากฏชัดว่าเป็นทหารหรือพลเรือน และโจทก์ก็ไม่ยืนยัน จึงไม่มีเหตุผลที่จะฟังว่าพักพวกนั้นเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ดังนี้คดีก็ขึ้นศาลทหารไม่ได้ อ้างฎีกาที่ 698/2478