คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
นำสืบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 271 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความสาหัสของบาดแผลและการรับสารภาพของจำเลยที่ไม่ผูกพันโจทก์ในการนำสืบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ทุพลภาพไม่สามารถประกอบหาเลี้ยงชีพได้เพราะความทุพลภาพเกินกว่า 20 วัน
แต่ในขณะที่โจทก์ฟ้องนั้นเอง นับทั้งวันเกิดเหตุได้เพียง 16 วันเท่านั้นเมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ฟังได้ว่าเมื่อเกินกว่า 20 วันไปแล้วผู้เสียหายก็ยังคงทุพลภาพด้วยทุกขเวทนากล้าหรือไม่สามารถประกอบการลี้ยงชีพตามปกติได้ กลับได้ความว่าในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องนั้นเองผู้เสียหายก็ได้มายื่นคำร้องต่อศาลได้ ฉนั้นผู้เสียหายอาจจะหายก่อนกำหนดเวลาที่ ก.ม.กำหนดไว้ก็ได้ ดังนี้แม้จำเยจะรับตามฟ้องของโจทก์ก็ตาม แต่ขณะโจทก์ฟ้องข้อเท็จจริงเท่าที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้อง ก็รับฟังเช่นนั้นไม่ได้ (จึงลงโทษจำเลยตาม ม.256 ไม่ได้ จำเลยควรมีความผิดตาม ม.254 เท่านั้น)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องละเมิด: การระบุค่าเสียหายโดยรวมในฟ้องเพียงพอแล้ว รายละเอียดค่าใช้จ่ายนำสืบได้
ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิดนั้น เมื่อได้กล่าวบรรยายในฟ้องว่า ต้องเสียหายอะไรบ้าง และประมาณค่าเสียหายรวมกันมาเป็นเงินจำนวนหนึ่งก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามมาตรา 172 วรรค 2 แล้วไม่จำต้องกล่าวถึงว่าเสียหายเป็นค่าอะไรเท่าใด เพราะเป็นรายละเอียด ซึ่งจะต้องนำสืบกันในเวลาพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับสัญญาซื้อขายที่ดิน แม้ไม่มีระบุสถานที่ชัดเจน การนำสืบเพื่อชี้แจงสถานที่ซื้อขายไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเอกสาร
ในหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินไม่มีระบุให้รู้ว่าตรงไหนจะซื้อขายกันเมื่อโจทก์นำสืบว่าที่ตรงไหนจะซื้อขายกันจึงเป็นการสืบอธิบายเอกสารไม่ต้องห้ามมิใช่นำสืบเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเอกสาร
อนึ่งในสัญญานั้นแม้จะมีข้อความว่า ถ้าผู้ขายไม่ยอมขาย ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับ 1,500 บาท ข้อความเช่นนี้หมายความว่าเมื่อผู้ขายผิดนัด นอกจากผู้ซื้อมีสิทธิบังคับให้ผู้ขายขายที่ให้แล้วผู้ซื้อยังมีสิทธิปรับผู้ขายอีกตามจำนวนเงินที่กะกันไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความใช้บังคับได้แม้พินัยกรรมเป็นโมฆะ หากไม่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมาย และจำเลยไม่นำสืบข้อต่อสู้
ทายาทตามพินัยกรรมตกลงกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่าให้ถือเอาตามพินัยกรรมซึ่งตามกฎหมายเป็นโมฆะตามมาตรา 1705, 1653 แล้วนั้นใช้บังคับได้สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์มีผลบังคับได้ เพราะพินัยกรรมนั้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนและสัญญาประนีประนอมกันก็ไม่ต้องห้ามตามบทกฎหมายใดๆ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรมเพราะจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้ถือเอาตามพินัยกรรมนั้นแล้วจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยทำสัญญาโดยสำคัญผิดว่าพินัยกรรมนั้นเป็นของแท้จริงและถูกต้องตามกฎหมายประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งจำเลยต่อสู้ว่าสามีจำเลยได้บอกล้างนิติกรรมที่จำเลยได้กระทำไปโดยมิได้รับความยินยอมแล้วเช่นนี้จำเลยซึ่งเป็นผู้กล่าวอ้างต้องนำสืบก่อน เมื่อไม่สืบก็ไม่มีข้อเท็จจริงจะวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และการนำสืบหักล้างเอกสารกู้ยืม
ทำหนังสือกู้ให้ไว้ เพื่อสมนาคุณที่ผู้กู้ขายสุกรให้ร้านสหกรณ์ซึ่งผู้ให้กู้เป็นเลขานุการ ได้ให้ความสะดวกแก่ผู้กู้ โดยผู้กู้ไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้เลยอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ผู้กู้นำสืบหักล้างเอกสารกู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้และการนำสืบเปลี่ยนแปลงเอกสารสัญญา รวมถึงผลของข้อตกลงการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน
จำเลยรับว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้เงิน 4,000 บาท และสัญญามีข้อความว่า จำเลยรับเงินไปครบถ้วนแล้ว ดังนี้จำเลยจะขอนำสืบว่าความจริงจำเลยรับเงินไปเพียง 3,850 บาท ไม่ได้ เพราะเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
สัญญากู้มีข้อความว่า ถ้าเกินกำหนดจำเลยยอมไปโอนกรรมสิทธิที่นาให้แก่โจทก์ แต่โจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยโอนชดใช้หนี้โจทก์ โดยมิได้คำนึงถึงราคาตลาด โจทก์ได้ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินกู้คืนด้วย ตาม ม.656 วรรค 2 และ 3 นั้น ข้อตกลงที่เป็นโมฆะก็เฉพาะในเรื่องคิดราคาทรัพย์ที่ชำระหนี้แทนเงิน หาทำให้สัญญากู้เสียไปทั้งฉบับไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบไม่ตรงประเด็นฟ้อง ทำให้โจทก์ไม่ชนะคดี
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลย บัดนี้จำเลยกลับเอาที่พิพาทไปขายคนอื่นจึงขอให้ทำลายนิติกรรมซื้อขายนั้นเสีย แต่นำสืบว่าโจทก์ช่วยออกเงินให้จำเลยซื้อที่ดินมาจากลูกสะใภ้ แล้วจำเลยแบ่งที่พิพาทให้โจทก์ครอบครอง เช่นนี้ เป็นเรื่องนำสืบไม่ตรงกับประเด็นในฟ้อง โจทก์จึงไม่ควรชนะคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบไม่ตรงประเด็นฟ้อง ทำให้โจทก์ไม่ชนะคดี
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลย บัดนี้จำเลยกลับเอาที่พิพาทไปขายคนอื่นจึงขอให้ทำลายนิติกรรมซื้อขายนั้นเสียแต่นำสืบว่าโจทก์ช่วยออกเงินให้จำเลยซื้อที่ดินมาจากลูกสะใภ้ แล้วจำเลยแบ่งที่พิพาทให้โจทก์ครอบครองเช่นนี้ เป็นเรื่องนำสืบไม่ตรงกับประเด็นในฟ้อง โจทก์จึงไม่ควรชนะคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง: คู่ความนำสืบเจตนาจริงได้ แม้มีข้อความในเอกสารที่ขัดแย้ง แต่ต้องเป็นไปตามเจตนาเดิมที่ตกลงกัน
คู่ความย่อมนำสืบเจตนาอันแท้จริงเรื่องนิติกรรมอำพรางได้ ไม่เป็นการนำสืบพยานบุคคลเพื่อเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลแก้ไขข้อความในเอกสาร
โจทย์ฟ้องขอให้บังคับให้ขาย เมื่อทางพิจารณาปรากฎว่าเป็นเรื่องแลกเปลี่ยน โจทก์จะขอให้ศาลบังคับให้แลกเปลี่ยน โดยอ้าง ป.พ.พ.ม. 519 ไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับเช่นนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1496/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อเท็จจริงฐานะตัวแทนตัวการ ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่การแก้ไขเอกสารสัญญา
โจทก์ฟ้องขอไล่จำเลยออกจากห้องเช่า โดยอ้างว่าจำเลยอาศัย จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์จำเลยและทายาทคนอื่นต่างเป็นผู้เช่าด้วยกัน เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ครั้งบิดาเป็นผู้เช่า ครั้นบิดาตายแล้ว ทายาททุกคนต่างก็แสดงเจตนาขอเช่าทุกคน แต่เพื่อความสดวกในการทำสัญญาเช่า จึงให้โจทก์ผู้เดียวเป็นผู้เซ็นสัญญาแทน ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบความจริงได้ เพราะเป็นการสืบความจริงระหว่างตัวแทนตัวการ มิใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารสัญญาเช่า
of 28