คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประเด็นข้อพิพาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7083/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิถามค้านพยานในศาล: ศาลมีอำนาจจำกัดคำถามที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาท และโจทก์ต้องคัดค้านหากเห็นว่าไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นจดบันทึกไว้ว่า ทนายโจทก์ถามค้านพยานไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาท ศาลเตือนและออกข้อกำหนดให้ทนายโจทก์ถามพยานตามประเด็นข้อพิพาทที่กำหนด แต่ทนายโจทก์ยังถามค้านพยานไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทอยู่เช่นเดิม จึงถือว่าจบคำถามดังนี้ เมื่อทนายโจทก์ไม่ได้ร้องคัดค้าน หรือให้จดคำถามและข้อคัดค้านไว้ จึงไม่ปรากฎคำถามใดที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดไม่ให้ทนายโจทก์ถามค้านและทนายโจทก์คัดค้านคำชี้ขาดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 118 วรรคท้าย จึงไม่มีคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นที่โจทก์จะยกขึ้นเป็นข้อฎีกาเพื่อให้ยกคำพิพากษาศาลล่างและให้พิจารณาพิพากษาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6828/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นฟ้องขอรถยนต์คืนใหม่ หลังปฏิบัติตามคำบังคับศาล ไม่ถือฟ้องซ้ำ
คดีก่อนมีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ผิดสัญญาซื้อขายรถยนต์พิพาททั้งสองคันต่อจำเลยหรือไม่ ส่วนคดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทว่ารถยนต์คันพิพาทยังอยู่กับจำเลยหรือไม่ หรือจำเลยได้มอบรถยนต์คันพิพาทให้โจทก์แล้ว ซึ่งเป็นคนละประเด็นกันและเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวอ้างสิทธิที่เกิดขึ้นใหม่ภายหลังที่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลในคดีก่อนแล้ว และไม่ปรากฏว่ามีการวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์ขอรถยนต์พิพาทคืนในชั้นบังคับคดีในคดีก่อน ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6780/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ – ประเด็นสิทธิในที่ดิน – มาตรา 144
โจทก์กับจำเลยที่ 1 เคยฟ้องร้องกันเกี่ยวกับที่พิพาทตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 924/2528 ของศาลชั้นต้น คดีดังกล่าวกับคดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทเช่นเดียวกันว่า จำเลยที่ 1ซื้อที่พิพาทมาโดยชอบหรือไม่ และโจทก์หรือจำเลยที่ 1เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่พิพาท เมื่อศาลมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 924/2528 ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้ก่อนศาลจะวินิจฉัยคดีหมายเลขแดงที่ 924/2528 ก็ตามเมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาชี้ขาดคดีแล้ว กรณีก็ต้องอยู่ใต้บังคับของมาตรา 144 เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6772/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: จำเลยมิได้ยกประเด็นป่าสงวนฯ และประเด็นแย่งการครอบครองขึ้นในศาลอุทธรณ์ จึงไม่อาจฎีกาได้
ปัญหาว่าที่ดินพิพาทเป็นป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิสูจน์กันในทางพิจารณาไม่ใช่เรื่องอำนาจฟ้องและไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองบุกรุกเข้ามาทำกินและปลูกกระท่อมลงในที่ดินของโจทก์บางส่วน จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 2 ก่อสร้างครอบครองทำประโยชน์มานานกว่า 20 ปี ที่ดินที่โจทก์ฟ้องเป็นที่ดินคนละแปลงกับที่ดินที่จำเลยที่ 1 ครอบครอง ดังนี้ตามคำให้การของจำเลยทั้งสองจึงไม่มีประเด็นในเรื่องแย่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 จำเลยทั้งสองจะยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกาไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาที่นอกเหนือไปจากคำให้การที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6722/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบหลักฐานนอกคำฟ้องและคำให้การในคดีหนี้ค่าแชร์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นนายวงแชร์แล้วผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ค่าแชร์ ขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าแชร์ จำเลยให้การว่า ไม่เคยเป็นนายวงแชร์และไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ประเด็นข้อพิพาทตามคำฟ้องและคำให้การจึงมีเพียงว่า จำเลยเป็นนายวงแชร์และเป็นหนี้ค่าแชร์โจทก์หรือไม่ แม้โจทก์จำเลยจะนำสืบว่าเกี่ยวกับหนี้ค่าแชร์นี้ จำเลยได้นำ พ.มาทำสัญญากู้เงินให้ไว้แก่โจทก์ก็ตาม ก็เป็นการนำสืบนอกคำฟ้องและคำให้การ คดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทที่จะต้องวินิจฉัยว่าหนี้ค่าแชร์ระหว่างโจทก์จำเลยระงับไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่แล้วหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6650/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 249 วรรคหนึ่ง และมาตรา 225 กรณีจำเลยอุทธรณ์และฎีกาในประเด็นที่มิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยได้กระทำไปในฐานะตัวแทน ว.จำเลยกับโจทก์ทั้งสองไม่มีความเกี่ยวพันกันในส่วนนี้ แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเป็นข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลอุทธรณ์จึงไม่รับวินิจฉัยให้ จำเลยกลับฎีกาแต่เพียงว่าข้อความในสัญญาข้อ 2 ระบุไว้ว่า ผู้ให้สัญญายอมยกเงินที่ขายเกินให้แก่นายหน้าแสดงว่าราคาที่ดินส่วนที่ขายเกินจากไร่ละ300,000 บาท ต้องเป็นของจำเลยมิใช่เป็นของบุคคลหนึ่งบุคคลใด เพราะเป็นคำมั่นสัญญาเฉพาะระหว่างผู้ทำสัญญากับผู้ให้สัญญาเท่านั้น โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว ดังนี้ ฎีกาของจำเลยมิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบหรือผิดพลาดข้อไหนอย่างไร ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง นอกจากนี้ฎีกาของจำเลยดังกล่าวอ้างเหตุแตกต่างจากอุทธรณ์ของจำเลย จึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อบกพร่องคำให้การเรื่องอายุความมรดก ทำให้ไม่เกิดประเด็น และไม่ตัดสิทธิโจทก์
จำเลยให้การว่า บิดาโจทก์และจำเลยยืมเงินจำเลยไปใช้จ่ายในการต่อสู้คดี ต่อมาไม่มีเงินที่จะใช้คืนแก่จำเลยจึงตกลงเอาที่ดินพิพาทตีใช้หนี้จำเลยได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเป็นชื่อของจำเลยตั้งแต่ปี 2520 และได้ครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมาจึงได้สิทธิครอบครองและคดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องตามกฎหมาย คำให้การดังกล่าวของจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความเรื่องอะไรและเพราะเหตุใดเป็นคำให้การที่ไม่ถูกต้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นเรื่องคดีของโจทก์ขาดอายุความมรดก ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การเรื่องอายุความที่ไม่ชัดเจนไม่สร้างประเด็น และศาลต้องวินิจฉัยประเด็นที่ชัดเจน
จำเลยให้การว่า บิดาโจทก์และจำเลยยืมเงินจำเลยไปใช้จ่ายในการต่อสู้คดี ต่อมาไม่มีเงินที่จะใช้คืนแก่จำเลยจึงตกลงเอาที่ดินพิพาทตีใช้หนี้ จำเลยได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเป็นชื่อของจำเลยตั้งแต่ปี 2520 และได้ครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมาจึงได้สิทธิครอบครองและคดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องตามกฎหมาย คำให้การดังกล่าวของจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความเรื่องอะไรและเพราะเหตุใดเป็นคำให้การที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177วรรคสอง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นเรื่องคดีของโจทก์ขาดอายุความมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6248/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยประเด็นคู่สัญญาซื้อขาย: การนำสืบต้องตรงประเด็นข้อพิพาท
จำเลยทั้งสองได้ให้การไว้แล้วว่า ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ จึงไม่มีหนี้ซึ่งจะต้องชำระให้แก่โจทก์ ทั้งศาลชั้นต้นก็ได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า จำเลยทั้งสองเป็นคู่สัญญาซื้อขายตามที่โจทก์อ้างหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่า จำเลยที่ 2 รับของไปจากโจทก์เพื่อทดลองใช้ดูก่อน หากเป็นที่พอใจจะได้ตกลงทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันในภายหลัง จึงเป็นการนำสืบและวินิจฉัยในประเด็นโดยตรงว่า จำเลยทั้งสองเป็นคู่สัญญาซื้อขายตามที่โจทก์อ้างหรือไม่นั่นเอง กรณีหาใช่การรับฟังข้อเท็จจริงนอกประเด็นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6039/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยนอกฟ้อง: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยภารจำยอมเกินขอบเขตประเด็นที่โจทก์กล่าวอ้าง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันนำดินถมลำรางสาธารณประโยชน์เพื่อสร้างตึกแถว โดยชายคาตึกแถวรุกล้ำลำรางสาธารณประโยชน์ทำให้โจทก์เสียหายนั้น โจทก์มิได้กล่าวอ้างมาในคำฟ้องว่าร่องน้ำพิพาทเป็นภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความแต่อย่างใดเมื่อจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธว่าร่องน้ำพิพาทมิใช่ลำรางสาธารณประโยชน์ คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าร่องน้ำพิพาทเป็นภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความหรือไม่ ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหาเรื่องภารจำยอมขึ้นวินิจฉัยว่าร่องน้ำพิพาทเป็นภารจำยอม จึงเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง นอกประเด็น
of 52