คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พฤติการณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4285/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาททางละเมิด: การประเมินความรับผิดชอบเมื่อทั้งสองฝ่ายมีส่วนประมาท และการแบ่งความรับผิดชอบตามพฤติการณ์
แม้เหตุที่รถยนต์ของจำเลยชนรถยนต์ของโจทก์เป็นเพราะความประมาทของจำเลยก็ตาม แต่การที่โจทก์จอดรถยนต์ไว้ข้างทางในเวลากลางคืนโดยไม่ให้สัญญาณไฟ และจอดรถยนต์โดยล้อขวาล้ำเข้าไปบนผิวจราจรประมาณ 1 ฟุต ก็เป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามกฎจราจร ซึ่งเป็นบทบังคับแห่งกฎหมายอันมีที่ประสงค์เพื่อ จะปกป้องบุคคลอื่น ๆ จึงต้องด้วยบทสันนิษฐานของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 422 ว่าโจทก์เป็นผู้ผิด ความ เสียหายที่เกิดขึ้นแก่รถยนต์ ของโจทก์จึงเกิดขึ้นเพราะความผิดของ โจทก์ที่มีส่วนประมาทด้วย หนี้อันจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ มากน้อยเพียงใด จึงต้องอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ ข้อสำคัญก็คือ ว่าความเสียหายนั้นได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อน กว่ากันเพียงไร ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ประกอบด้วยมาตรา 223 แม้โจทก์จะฝ่าฝืนกฎจราจรจอดรถยนต์ไว้ข้างทางในเวลากลางคืนโดยไม่ให้สัญญาณไฟ และจอดรถยนต์ไว้โดยล้อขวาล้ำเข้าไปบนผิวจราจรประมาณ 1 ฟุตก็ตาม แต่การที่จำเลยเห็นรถยนต์ของโจทก์จอดอยู่ ข้างหน้าห่างประมาณ 20 เมตร จำเลยย่อมมีโอกาสสุดท้ายที่จะหลีกเลี่ยง ความเสียหาย โดยใช้ห้ามล้อชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถหรือหักหลบ มิให้ ชนรถยนต์ของโจทก์ได้ แต่จำเลยกลับขับรถด้วยความเร็วสูง ชนรถยนต์ของโจทก์ เป็นเหตุให้ตกลงไปในคูน้ำข้างทางทั้งสองคัน ได้รับความเสียหาย เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาทมากกว่า โจทก์ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจำเลยจึงเป็นฝ่ายก่อมากกว่าโจทก์ แต่เนื่องจากรถยนต์ของจำเลยเป็นรถยนต์เก๋งได้รับความเสียหายมากกว่า รถยนต์ของโจทก์ ซึ่งเป็นรถยนต์บรรทุก อีกทั้งตัวจำเลยก็ได้รับอันตราย แก่กาย เนื่องจากรถยนต์ชนกันครั้งนี้ด้วย พฤติการณ์แห่งคดีสมควร กำหนดให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เพียงสองในสามของ จำนวนที่โจทก์พิสูจน์ได้ตามคำพิพากษาของศาลล่าง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4231/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: พฤติการณ์เชื่อได้ว่ามีเจตนา
จำเลยที่ ๒ นั่งรถยนต์กระบะของกลางไปกับจำเลยที่ ๑ ลูกจ้าง ซึ่งขับรถนำเฮโรอีนของกลางที่ซ่อนอยู่ใต้ที่นั่งของจำเลยที่ ๒ ไปส่งให้แก่ลูกค้ายังที่เกิดเหตุ พฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยที่ ๒ ร่วมกับจำเลยที่ ๑ มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4231/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: พฤติการณ์น่าเชื่อถือและบทลงโทษ
จำเลยที่ 2 นั่งรถยนต์กระบะของกลางไปกับจำเลยที่ 1 ลูกจ้างซึ่งขับรถนำเฮโรอีนของกลางที่ซ่อนอยู่ใต้ที่นั่งของจำเลยที่ 2ไปส่งให้แก่ลูกค้ายังที่เกิดเหตุ พฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธอันตราย ศาลพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์เพื่อตัดสินความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ท่อเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 เซนติเมตร ยาว50 เซนติเมตรตีผู้เสียหายที่ศีรษะหลายที มีบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะด้านซ้ายยาว 5 เซนติเมตร ลึก 0.5 เซนติเมตร ซึ่งได้ความจากแพทย์ ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลของผู้เสียหายว่าไม่ทำให้ถึงตายและกะโหลกศีรษะไม่แตก แสดงว่าจำเลยไม่ได้ตีโดยแรง เมื่อผู้เสียหายล้มลงมุด ศีรษะเข้าไปใต้รถเข็น จำเลยลากขาผู้เสียหายเพื่อให้ออกมา แต่มีคนร้องห้าม จำเลยก็หยุด แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมจำหน่ายยาเสพติด: พฤติการณ์สนับสนุนการกระทำความผิดตั้งแต่ต้นจนจบ
การที่จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่ขับรถยนต์ ซึ่งมีเฮโรอีนและฝิ่นของกลางใส่มากับรถ แล้วเอายาเสพติดให้โทษของกลางไปซุกซ่อน ไว้ในป่าละเมาะข้างทางเพื่อรอจำเลยที่ 1 พาผู้ซื้อมาเอาไป ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1 พาผู้ซื้อมาแล้ว จำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็พาจำเลยที่ 1เข้าไปเอาของกลางที่ซ่อน ไว้ และเดิน ไปส่งของนั้นที่รถยนต์ซึ่งผู้ซื้อรออยู่ และจำเลยที่ 2 ยังรออยู่ที่นั้นเพื่อให้จำเลยที่ 1รับเงินมาแบ่งกัน พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ถือได้ว่า จำเลยที่ 2ได้กระทำการอันเป็นส่วนหนึ่งแห่งการจำหน่ายเฮโรอีนและฝิ่นของกลางให้แก่ผู้ซื้อด้วย จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นตัวการ ตาม ป.อ.มาตรา 83. จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ลดโทษโดยอ้างว่า มีบิดามารดาซึ่งป่วยเป็นอัมพาตและมีบุตรจะต้องเลี้ยงดูนั้น ก็มิใช่เหตุบรรเทาโทษตามป.อ. มาตรา 78.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: การประเมินจากบาดแผลและพฤติการณ์
ผู้เสียหายมีรอยแผลที่เอวยาว 7 ซม. มีสายยางใส่อยู่และแผลเย็บมาแล้วท้องแข็งอืด และเจ็บด้านขวามากกว่าด้านซ้าย เป็นแผลโดนของมีคมและอาจจะโดน อวัยวะภายในช่องท้อง ซึ่งคงต้องผ่าตัดและถ้า ไม่มีปัญหาแทรกซ้อน แผลก็จะหายในเวลา 7-10 วัน โดยไม่ปรากฏว่าของมีคมมีขนาดเท่าใด ผู้เสียหายเบิกความว่าถูกแทงเพียงครั้งเดียวแล้วคนร้ายก็หลบหนีไป ไม่ปรากฏว่ามีการแทงซ้ำหากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็น่าจะแทงซ้ำอีกเพราะไม่มีคนห้าม แม้ ศ. ผู้ตรวจรักษาผู้เสียหายจะเบิกความว่าบาดแผลผู้เสียหายถูกเส้นเลือดใหญ่ หากไม่รักษาอาจถึงตาย ได้เนื่องจากเสียเลือดมาก ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าฟังได้ว่าจำเลยมีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกาย ตาม ป.อ. มาตรา 295เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาประวิงคดีและการรอการลงโทษจำคุก พิจารณาจากพฤติการณ์ชำระหนี้และประวัติผู้ต้องหา
ศาลชั้นต้นให้โอกาสจำเลยหาเงินมาชำระหนี้ตามเช็คพิพาทแก่โจทก์โดยเลื่อนการฟังคำพิพากษาไปนาน 2 เดือน แต่จำเลยไม่ชำระในวันนัดฟังคำพิพากษาโจทก์จำเลยไม่สามารถตกลงกันได้ จำเลยขอเลื่อนคดีไปอีกเพื่อรวบรวมเงินมาชำระหนี้โจทก์ โจทก์คัดค้านศาลชั้นต้นสั่งให้รอฟังคำพิพากษาในวันนั้น จำเลยจึงแถลงลอย ๆ ว่าจำเลยเตรียมเงินมาพร้อมที่จะชำระให้โจทก์ 90,000 บาท และจะถอนเงินประกันอีก 60,000 บาท ชำระหนี้โจทก์ รวมเป็นเงิน 150,000 บาท ซึ่งเท่ากับยอดเงินตามเช็คพิพาท ดังนั้นพฤติการณ์ของจำเลยแสดงให้เห็นได้ชัดว่าที่จำเลยขอเลื่อนคดีในตอนแรกนั้น จำเลยมีเจตนาที่จะประวิงคดี และข้อเสนอของจำเลยที่จะชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์เป็นไปอย่างมีชั้นเชิง แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้แก่จำเลย จำเลยอายุ 50 ปี สำเร็จการศึกษาเป็นเศรษฐศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีอาชีพค้าขาย มีภาระต้องดูแลภรรยาและบุตร ผู้เยาว์อีก 4 คน และจำเลยพยายามขวนขวายหาเงินมาชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์ ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจำนวน150,000 บาท อันเป็นการบรรเทาผลร้ายแก่โจทก์ แม้จำเลยจะต้องคำพิพากษาในคดีอื่นให้ลงโทษจำคุก แต่คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดจึงถือว่าจำเลยยังไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน คดีมีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกในคดีนี้ให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2522/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจากพยานหลักฐานทางนิตยศาสตร์และพฤติการณ์ที่เชื่อมโยงจำเลยกับเหตุการณ์
ก่อนเกิดเหตุ 7-8 วัน จำเลยกับผู้ตายมีปากเสียงกันในการซื้อขายไม้วันเกิดเหตุก่อนผู้ตายถูกยิง อ. ได้ยินเสียงผู้ตายร้องด่าจำเลย ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดจ. พี่ภริยาจำเลยออกจากบ้านมาดูเห็นผู้ตายยืนอยู่บนถนนท้ายรถยนต์ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับเมื่อเสียปืนดังขึ้นอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลง จำเลยขับรถยนต์ออกไป ต่อมาไม่นานจำเลยขับรถยนต์กลับมารับภริยาและบุตรหลบหนีไป แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุและใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย จึงรับฟังลงโทษจำเลยได้ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายหลายนัดถูกบริเวณหน้าท้อง จนถึงแก่ความตาย แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า ปลอกกระสุนปืนของกลางซึ่งคาอยู่ในรังเพลิงของอาวุธปืน ฝ่ายผู้ตาย มิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงริบไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2382/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายกล่องกระดาษ: พิจารณาจากเจตนาและพฤติการณ์เพื่อแยกแยะจากการจ้างทำของ
การซื้อขายและจ้างทำของต่างกันที่การซื้อขายมุ่งถึงการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ส่วนการจ้างทำของมุ่งถึงการงานที่ทำและผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญ ในเรื่องจ้างทำของตาม ป.พ.พ.มาตรา 592 จึงกำหนดหน้าที่ของผู้รับจ้างไว้อีกประการหนึ่งว่าผู้รับจ้างต้องยอมให้ผู้ว่าจ้างหรือตัวแทนของผู้ว่าจ้างตรวจตราการงานได้ตลอดเวลาที่ทำอยู่นั้น แต่บางกรณีผลสำเร็จของงานที่ทำอาจเป็นทรัพย์ สิ่งของ เช่นสินค้า และตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ว่าจ้างโดยวัตถุดิบหรือสัมภาระที่ใช้ในการทำเป็นของผู้รับจ้างก็ได้ การจ้างทำของในกรณีนี้จึงคล้ายคลึงกับการซื้อขาย การพิจารณาว่า กรณีใดเป็นการซื้อขายหรือจ้างทำของ จึงต้องดูจากเจตนาและพฤติการณ์ของคู่กรณีที่ประพฤติต่อกัน นอกจากนี้ยังจะต้องพิจารณาว่าสัมภาระ หรือวัสดุที่ใช้ทำเป็นสินค้ากับการงานที่รับทำจนสำเร็จนั้น สิ่งใดสำคัญกว่ากัน ถ้าการงานที่รับทำจนสำเร็จสำคัญกว่าสัมภาระก็เป็นจ้างทำของ ถ้าไม่สำคัญกว่าก็เป็นซื้อขาย กล่องกระดาษที่โจทก์ทำขึ้นมานั้น ใช้สำหรับบรรจุสินค้าต่าง ๆของลูกค้าของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรม สิ่งที่ลูกค้าของโจทก์ต้องการคือคุณภาพของกล่องกระดาษซึ่งจะต้องมีความเหนียวทนทาน และรับน้ำหนักสินค้าที่บรรจุได้เป็นสำคัญ เพื่อมิให้สินค้าที่บรรจุอยู่ภายในเสียหาย แม้ขนาดของกล่องตรา และข้อความที่พิมพ์ลงบนกล่องจะแตกต่างกันออกไปตามความต้องการของลูกค้า แต่กล่องทุกใบก็มีเครื่องหมายการค้าของโจทก์ติดอยู่ ทั้งลูกค้าก็จะต้องสั่งซื้อกล่องกระดาษตามตัวอย่างที่โจทก์ทำส่งไปให้เลือก ขนาดของกล่องและข้อความดังกล่าวจึงเป็นเพียงส่วนประกอบเพื่อให้เหมาะสมแก่การบรรจุสินค้าต่าง ๆ ของลูกค้าเท่านั้น หามีความสำคัญไปกว่าวัสดุที่ใช้ในการผลิตกล่องกระดาษไม่ และหลังจากสั่งซื้อกล่องตามขนาด ชนิด และข้อความที่ต้องการแล้ว ลูกค้าของโจทก์ไม่มีอำนาจที่จะเข้าตรวจตราการทำงานของโจทก์ ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับลูกค้า จึงมิใช่อยู่ในฐานะของผู้รับจ้างกับผู้ว่าจ้าง แต่เป็นการประกอบการค้าโดยการทำกล่องกระดาษขายให้แก่ลูกค้าตามคุณภาพที่ลูกค้าต้องการ ในการทำกล่องกระดาษนั้น โจทก์จะนำกระดาษคราฟท์ป้อนเข้าเครื่องจักรแล้วเครื่องจักรก็จะทำงานตามขั้นตอนจนสำเร็จออกมาเป็นส่วนที่จะใช้เป็นกล่องซึ่งเป็นตัวสินค้า จึงเป็นการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้มีขึ้นซึ่งสินค้า อันอยู่ในความหมายของคำว่า"ผลิต" ตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 77 แห่งประมวลรัษฎากรและเมื่อผลิตออกมาเป็นกล่องแล้วก็จะส่งให้ลูกค้าตามที่สั่งโดยคิดราคาตามที่ตกลงกัน อันเป็นการขายตามความหมายที่ประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ ดังนั้น การประกอบการค้ากล่องกระดาษของโจทก์จึงเป็นการประกอบการค้าประเภทการค้า 1 การขายของ ชนิด 1(ก) มิใช่เป็นการรับจ้างทำของอันจะต้องเสียภาษีตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภท 4 ชนิด 1(ฉ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 232/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. พยายามฆ่า: การพิจารณาจากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยและผู้เสียหายเป็นพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน จำเลยโมโหเรื่องที่ถูกผู้เสียหายทวงเงินและเรื่องที่ผู้เสียหายให้เครื่องบันทึกเสียงแล้วเอาคืน วันเกิดเหตุจำเลยเมาสุราได้ใช้อาวุธมีดขอ ตัวมีดยาวประมาณ 17 นิ้ว ด้ามมีดยาวประมาณ 7 นิ้วฟันผู้เสียหายสามครั้ง ครั้งแรกฟันผู้เสียหายขณะหันหลัง คมมีดถูกเสาประตูรั้ว ผู้เสียหายหันมาเห็นจึงเข้าประชิดจำเลย จำเลยจึงฟันไปอีกถูกต้นแขนซ้าย ผู้เสียหายวิ่งไปแอบที่เสาบ้าน จำเลยเข้าไปฟันเป็นครั้งที่สามคมมีดถูกเสาบ้าน ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า เพราะในการฟันครั้งแรกผู้เสียหายกับจำเลยยืนเหลื่อมกันอยู่ในลักษณะมีเสาประตูรั้วคั่น ถ้ามีเจตนาฆ่าจำเลยซึ่งมีอาวุธมีด ผู้เสียหายมือเปล่า จำเลยต้องเลือกฟันอวัยวะสำคัญส่วนอื่นที่ไม่มีเสาประตูรั้วบัง การฟันครั้งที่สองถูกผู้เสียหายเป็นบาดแผลก็รักษาเพียง 10 วันหาย ส่วนการฟันครั้งที่สามก็เช่นเดียวกับการฟันครั้งแรกโดยมีเสาบ้านคั่นอยู่มีดจึงฟันถูกเสาบ้าน จากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์ของจำเลย จำเลยมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายเท่านั้น.
of 79