พบผลลัพธ์ทั้งหมด 380 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อแตกต่างของข้อเท็จจริงในฟ้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ในทางพิจารณา ไม่เป็นสารสำคัญหากผู้รับเช็คไม่ใช่ประเด็น
เมื่อศาลฟังว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหายแล้ว ใครจะเป็นผู้รับเช็คจากจำเลย ก็ไม่ใช่ข้อสารสำคัญของคดี แม้ฟ้องโจทก์จะบรรยายว่าเช็ครายพิพาทจำเลยออกให้แก่โจทก์ร่วม แต่ความจริงจำเลยออกให้แก่คนอื่น ก็ยังถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง อันเป็นข้อสารสำคัญแห่งคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำคำแถลงในคดีอื่นมาประกอบการพิจารณาเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ จำเลยให้การต่อสู้ว่า เดิมจำเลยกู้เงินไปตามฟ้องจริง ต่อมาโจทก์จำเลยได้เอาดอกเบี้ยกับเงินต้นที่ค้างอยู่มารวมกันทำเป็นสัญญาขึ้นใหม่ คือ สัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยก่อนแล้วตามสำนวนคดีอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนสัญญาฉบับเดิมโจทก์ไม่คืนให้และกลับนำมาฟ้องคดีนี้อีก ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้ระบุอ้างคำแถลงของจำเลยในคดีอีกเรื่องหนึ่งที่กล่าวถึงในคำให้การนั้นไว้ในบัญชีพยานคดีนี้ แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม เมื่อศาลเห็นสมควรแล้ว ศาลก็นำเอาคำแถลงนั้นมาประกอบการพิจารณาในคดีนี้และฟังข้อต่อสู้ของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรค 3 ไม่ขัดกับมาตรา 87
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลต้องรับฟ้องแย้งที่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมไว้พิจารณา ไม่ควรรีบวินิจฉัยยกฟ้อง
ศาลต้องพิจารณาฟ้องแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรค 3-4 คือ เป็นแต่เพียงตรวจคำคู่วามว่าจะรับฟ้องแย้งหรือไม่ ถ้าเห็นว่าเกี่ยวกับฟ้องเดิมก็ต้องรับไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เมื่อศาลชั้นต้นด่วนวินิจฉัยยกฟ้องแย้งเสีย และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และสั่งให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามกระบวนความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาฟ้องแย้ง: ศาลต้องรับไว้พิจารณาก่อน หากเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าจำเลยจะชนะหรือไม่
ศาลต้องพิจารณาฟ้องแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม-วรรคสี่ คือ เป็นแต่เพียงตรวจคำคู่ความว่าจะรับฟ้องแย้งหรือไม่ ถ้าเห็นว่าเกี่ยวกับฟ้องเดิมก็ต้องรับไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เมื่อศาลชั้นต้นด่วนวินิจฉัยยกฟ้องแย้งเสีย และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และสั่งให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามกระบวนความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดตาม ม.116 ต้องพิจารณาเนื้อหาทั้งหมดและเจตนาของผู้เผยแพร่
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้จัดการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ได้พิมพ์โฆษณาข้อความดังที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้องให้ปรากฎแก่ประชาชนอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้น การที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่า ข้อความที่กล่าวนั้นเป็นความผิดหรือไม่ และจำเลยพิมพ์โฆษณาด้วยเจตนาอย่างไร จำต้องพิจารณาจากข้อความทั้งหมด ประกอบกับพฤติการณ์อย่างอื่น ๆ ด้วย จะพิจารณาเพียงข้อความที่จำเลยโฆษณาบางตอนหรือบางส่วนหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดมาตรา 116 ต้องพิจารณาเนื้อหาและเจตนาโดยรวม ไม่พิจารณาเพียงบางส่วน
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้จัดการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ได้พิมพ์โฆษณาข้อความดังที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้องให้ปรากฏแก่ประชาชนอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้น การที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่า ข้อความที่กล่าวนั้นเป็นความผิดหรือไม่ และจำเลยพิมพ์โฆษณาด้วยเจตนาอย่างไรจำต้องพิจารณาจากข้อความทั้งหมดประกอบกับพฤติการณ์อย่างอื่นๆด้วยจะพิจารณาเพียงข้อความที่จำเลยโฆษณาบางตอนหรือบางส่วนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมโนสาเร่ต้องวินิจฉัยประเด็นแห่งคดีและค่าฤชาธรรมเนียม แม้ศาลสั่งรับเงินก็ต้องดำเนินการพิจารณาต่อไป
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อกาแฟราคา 60 สตางค์ กินแล้วไม่ชำระราคา ขอให้ศาลบังคับ จำเลยให้การต่อสู้ว่า ชำระแล้วและแถลงขอวางเงินต่อศาล 1 บาท ตามที่โจทก์เรียกร้องทั้งนี้ โดยไม่ยอมรับผิดตามฟ้อง คดียังมีประเด็นที่โต้เถียงกันอยู่ ว่าจำเลยได้ชำระหนี้แล้วหรือยัง
แม้จะเป็นคดีมโนสาเร่ ซึ่งศาลพิพากษาได้ด้วยวาจาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 194 แต่ก็จะต้องปฏิบัติตามมาตรา 141 วรรคท้าย คือต้องมีคำวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตลอดทั้งค่าฤชาธรรมเนียมด้วย จะไม่วินิจฉัยหรือตัดสินว่าใครแพ้ใครชนะในประเด็นใดเพียงแต่สั่งให้โจทก์รับเงินไป กับสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเท่านั้นไม่ได้
แม้จะเป็นคดีมโนสาเร่ ซึ่งศาลพิพากษาได้ด้วยวาจาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 194 แต่ก็จะต้องปฏิบัติตามมาตรา 141 วรรคท้าย คือต้องมีคำวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตลอดทั้งค่าฤชาธรรมเนียมด้วย จะไม่วินิจฉัยหรือตัดสินว่าใครแพ้ใครชนะในประเด็นใดเพียงแต่สั่งให้โจทก์รับเงินไป กับสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเท่านั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดหลายกระทง ศาลไม่ต้องยึดข้อเท็จจริงจากกระทงที่อุทธรณ์ไม่ได้
โจทก์ฟ้องในข้อหาต่างกระทงกัน ต่อศาลแขวง แม้ข้อหากระทงหนึ่งซึ่งสาลแขวงยกฟ้องจะยุติไปเพราะต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงก็ดี ข้อหากระทงอื่นซึ่งไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงเพราะไม่ใช่คดีที่อัตราโทษอยู่ในอำนาจศาลแขวงพิจารณาพิพากษา ก็หายุติตามไปด้วยไม่ และศาลไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตาม กระทงที่ยุติไปเพราะต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์จึงต้องพิจารณาข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาในกระทงอื่นที่ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและการไม่ติดตามการสืบพยาน
วันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานเป็นวันแรกในคดีนั้น คู่ความฝ่ายใดไม่มาศาล ไม่ว่าตนจะมีหน้าที่นำพยานเข้าสืบหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นการขาดนัดพิจารณาตามความหมายแห่งกฎหมายแล้ว
การส่งประเด็นไปสืบพยานนั้น เป็นสิทธิของคู่ความที่จะตามประเด็นไปหรือไม่ก็ได้ ฉะนั้น แม้จะได้แถลงต่อศาลว่าจะตามประเด็นไป แต่แล้วต่อมามิได้ไปตามกำหนดนัดก็หาทำให้เป็นผู้ขาดนัดพิจารณาไม่
การส่งประเด็นไปสืบพยานนั้น เป็นสิทธิของคู่ความที่จะตามประเด็นไปหรือไม่ก็ได้ ฉะนั้น แม้จะได้แถลงต่อศาลว่าจะตามประเด็นไป แต่แล้วต่อมามิได้ไปตามกำหนดนัดก็หาทำให้เป็นผู้ขาดนัดพิจารณาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับคำให้การเกินกำหนด และอำนาจศาลในการพิจารณาคำให้การที่ยื่นภายหลัง
กรณีที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การตามกำหนดและศาลได้มีคำสั่งว่า จำเลยขาดยื่นคำให้การแล้วนั้น เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยมาศาลและแถลงว่าป่วย จึงมิได้ยื่นคำให้การตามกำหนด โจทก์ไม่คัดค้าน เช่นนี้ ศาลชอบที่จะมีคำสั่ง ในรายงานพิจารณาอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การได้ภายในเวลากำหนดโดยไม่จำต้องให้จำเลยทำเป็นคำร้องขอเข้ามาได้ ไม่เป็นการผิดวิธีพิจารณาอย่างใด
เมื่อจำเลยยื่นคำให้การเกินเวลาที่ศาลนัดไว้ ศาลควรพิจารณาและมีคำสั่งในการที่จำเลยยื่นคำให้การนั้นไว้เสียก่อน
เมื่อจำเลยยื่นคำให้การเกินเวลาที่ศาลนัดไว้ ศาลควรพิจารณาและมีคำสั่งในการที่จำเลยยื่นคำให้การนั้นไว้เสียก่อน