คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิสูจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,273 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1614/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาท - การระบุตัวบุคคล - การพิสูจน์ความเสียหาย
โจทก์ทั้งสิบเป็นผู้แทนครูและดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการอำนวยการคุรุสภา โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ลงบทความในหนังสือพิมพ์ซึ่งมีจำเลยที่ 2เป็นบรรณาธิการหมิ่นประมาทโจทก์สิ้นโดยบรรยายฟ้องว่า กรรมการจำนวนหนึ่งได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้เลิกจ้าง ส. เลขาธิการคุรุสภาอ้างว่าเป็นคนสร้างความแตกแยกคนในกระทรวงศึกษาธิการหลายคนได้ยินข่าวผู้แทนครูในคณะกรรมการจำนวนหนึ่งเสนอเลิกจ้าง ส. ถึงกับส่ายหน้าและทุเรศในพฤติการณ์ที่แสดงออก... การแบ่งสัดส่วนจำนวนกรรมการอำนวยการที่ครูหลายกรมยังไม่มีส่วนร่วม...นั้น การที่คำฟ้องโจทก์ที่ระบุว่า กรรมการจำนวนหนึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นผู้ใดบ้าง ไม่ได้ระบุว่ากรรมการอำนวยการซึ่งเป็นโจทก์ทั้งสิบคนมีพฤติการณ์เช่นนั้นทั้งหมดและไม่อาจทราบได้ว่าเป็นกรรมการอำนวยการคนใด ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้ความเพียงว่า ผู้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นกรรมการอำนวยการคุรุสภาจำนวนหนึ่ง ไม่ปรากฏว่าเป็นผู้ใดบ้าง ส่วนข้อความในหนังสือพิมพ์ที่ว่า เข้ามาเพื่อคิดถึงผลประโยชน์ของตนเอง ไม่เคยรักษาผลประโยขน์ของส่วนรวมนั้น ก็เป็นการเท้าความถึงกรรมการอำนวยการที่ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนั่นเอง ซึ่งไม่ทราบแน่นอนว่าเป็นผู้ใด คดีโจทก์จึงไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานใช้แรงงานเด็ก ต้องพิสูจน์ว่านายจ้างรู้ถึงอายุที่แท้จริงของเด็ก
การที่นายจ้างจะมีความผิดฐานรับเด็กหญิงอายุต่ำกว่า13ปีบริบูรณ์เข้าทำงานอันเป็นการใช้แรงงานเด็กตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน(ฉบับที่10)ข้อ20ซึ่งออกตามความในข้อ2(3)แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่103ลงวันที่16มีนาคม2515ต้องได้ความว่านายจ้างรู้ว่าเด็กที่ตนรับเป็นลูกจ้างอายุต่ำกว่า13ปีบริบูรณ์ซึ่งโจทก์จะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่านายจ้างผู้รับเด็กเข้าทำงานรู้เช่นนั้นเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้นายจ้างก็ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเป็นข้อต่อสู้ของจำเลย โจทก์มีสิทธิพิสูจน์การรู้ข้อเท็จจริงเพื่อต่อสู้เรื่องอายุความ
การอ้างอายุความมาเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องโจทก์นั้นเป็นเรื่องของฝ่ายจำเลยที่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ หาใช่สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ไม่ โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องบรรยายไว้ในคำฟ้องถึงเหตุที่ฟ้องโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ
เมื่อจำเลยยกปัญหาอายุความขึ้นต่อสู้ ย่อมเกิดประเด็นข้อพิพาทที่โจทก์จำเลยจะต้องนำสืบพยานหลักฐานให้ศาลวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงให้ยุติแล้วจึงปรับเข้าข้อกฎหมายว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิที่จะนำสืบให้ศาลเห็นว่าโจทก์รู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนวันเดือนปีใด จึงยังไม่พ้นหนึ่งปีนับถึงวันฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรวมส่วนเท่ากัน: คู่ความมีสิทธิพิสูจน์ส่วนแบ่งต่างกันได้ พยานบุคคลหักล้างเอกสารได้
ข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1357ที่ว่าเจ้าของรวมมีส่วนเท่ากันนั้นไม่ใช่ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดคู่ความมีสิทธิที่จะนำสืบให้รับฟังเป็นอย่างอื่นและสามารถนำพยานบุคคลมานำสืบหักล้างพยานเอกสารได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรวมมีส่วนเท่ากันเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน คู่ความมีสิทธิพิสูจน์ส่วนแบ่งที่แตกต่างได้
ข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1357ที่ว่าเจ้าของรวมมีส่วนเท่ากันไม่ใช่ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดคู่ความมีสิทธิที่จะนำสืบให้รับฟังเป็นอย่างอื่นและสามารถนำพยานบุคคลมานำสืบหักล้างพยานเอกสารสัญญาจำนองและสัญญาซื้อขายที่ดินที่แสดงการเป็นเจ้าของรวมนั้นได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับหนี้และการพิสูจน์การชำระหนี้: จำเลยมีหน้าที่พิสูจน์การชำระหนี้เมื่อต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองไม่ชำระเงินค่าแชร์จำเลยทั้งสองให้การว่าได้ชำระเงินให้โจทก์ครบถ้วนแล้วเท่ากับจำเลยทั้งสองยอมรับว่าเป็นหนี้ค่าแชร์ตามที่โจทก์ฟ้องจริงแต่ต่อสู้ว่าได้ชำระหนี้ค่าแชร์นั้นให้โจทก์หมดแล้วจำเลยทั้งสองจึงมีภาระการพิสูจน์หรือมีหน้าที่นำสืบให้สมกับข้อต่อสู้ของตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อันตรายสาหัส – การพิสูจน์ความทุกขเวทนาและผลกระทบต่อการใช้ชีวิต, กรรมเดียวผิดหลายบท
แม้หลังเกิดเหตุแล้ว 2 เดือน นิ้วก้อยซ้ายของผู้เสียหายยังไม่สามารถยืดออกได้ตามปกติก็ตาม แต่โจทก์มิได้นำสืบว่าอาการป่วยเจ็บเช่นว่านั้นทำให้ผู้เสียหายได้รับทุกขเวทนาหรือไม่สามารถประกอบกรณียกิจได้ตลอดระยะเวลาดังกล่าว จึงฟังไม่ได้ว่า บาดแผลดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้เสียหายป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา หรือประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน อันจะเข้าลักษณะเป็นอันตรายสาหัส
การที่จำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้เสียหายที่ปากซอย แล้วไล่ตามเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายในบริเวณบ้านของ พ.อีกนั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องกันโดยจำเลยมีเจตนาอันเดียวมุ่งหมายที่จะทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท มิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6996/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์หนี้และการชำระหนี้: จำเลยต้องพิสูจน์การชำระหนี้ หากอ้างว่าชำระแล้ว
ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันและจำเลยทั้งสองจดจำนองที่ดินเป็นประกัน เมื่อบอกเลิกสัญญาจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์จำนวนหนึ่ง จำเลยทั้งสองให้การรับตามคำฟ้อง แต่ต่อสู้ว่าได้ชำระหนี้ไปบางส่วน ยอดหนี้ที่ฟ้องไม่ถูกต้อง เป็นการรับว่าจำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไปจริงและยังคงค้างชำระหนี้อยู่ โดยได้ชำระเงินไปบางส่วนเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องพิสูจน์ว่าได้ชำระหนี้โจทก์ไปแล้วเท่าไร หาใช่เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบว่า จำเลยที่ 1เป็นหนี้อยู่เท่าไรไม่ แม้โจทก์ไม่มีพยานมาสืบ แต่จำเลยนำสืบไม่ได้ว่าชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว ก็ต้องฟังว่าเป็นหนี้โจทก์อยู่ตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6996/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้และการพิสูจน์การชำระหนี้: จำเลยต้องพิสูจน์การชำระหนี้เมื่อรับสภาพหนี้แล้ว
ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันและจำเลยทั้งสองจดจำนองที่ดินเป็นประกัน เมื่อบอกเลิกสัญญาจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์จำนวนหนึ่งจำเลยทั้งสองให้การรับตามคำฟ้อง แต่ต่อสู้ว่าได้ชำระหนี้ไปบางส่วนยอดหนี้ที่ฟ้องไม่ถูกต้อง เป็นการรับว่าจำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไปจริงและยังคงค้างชำระหนี้อยู่ โดยได้ชำระเงินไปบางส่วนเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องพิสูจน์ว่าได้ชำระหนี้โจทก์ไปแล้วเท่าไร หาใช่เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้อยู่เท่าไรไม่ แม้โจทก์ไม่มีพยานมาสืบ แต่จำเลยนำสืบไม่ได้ว่าชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว ก็ต้องฟังว่าเป็นหนี้โจทก์อยู่ตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6892/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากเพลิงไหม้: โจทก์ต้องพิสูจน์การกระทำละเมิดของจำเลย ไม่ใช่ความเสียหายจากตัวทรัพย์
กรณีที่เข้าข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 437 นั้น จะต้องเป็นความเสียหายที่เกิดจากตัวทรัพย์นั้นโดยตรง แม้กระแสไฟฟ้าจะเป็นทรัพย์ที่เกิดอันตรายโดยสภาพแต่ตามฟ้องโจทก์อ้างเหตุละเมิดเพราะจำเลยทั้งสองไม่ตัดกระแสไฟฟ้าให้ไม่ปลอดภัยต่อการดับเพลิง เป็นเหตุให้เพลิงลุกลามไหม้บ้านโจทก์ ซึ่งเป็นการกระทำของบุคคล หาใช่ความเสียหายที่เกิดจากตัวทรัพย์คือกระแสไฟฟ้าไม่ โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์
of 128