คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ภูมิลำเนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4338/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลล้มละลาย: พิจารณาจากภูมิลำเนาและสถานที่ประกอบธุรกิจ
จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดชัยนาท แต่ได้ประกอบธุรกิจด้วยตนเองในรูปบริษัทจำกัด อยู่ในท้องที่เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร จนถึงวันที่โจทก์ฟ้องจำเลยก็ยังคงดำเนินธุรกิจดังกล่าวอยู่ ดังนี้ เมื่อที่ตั้งบริษัทที่จำเลยประกอบธุรกิจอยู่นั้น อยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่งธนบุรี โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งธนบุรีได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 150.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ภูมิลำเนาของจำเลยและกำหนดเวลาการยื่นคำขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
จำเลยทั้งสองฎีกาว่าจำเลยทั้งสองมีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนด 6 เดือน นับแต่วันยึดทรัพย์ตามมาตรา 208 วรรคหนึ่งตอนท้าย เมื่อมีการส่งคำบังคับโดยเจ้าหน้าที่ศาลให้แก่จำเลยทั้งสองโดยการปิดคำบังคับไว้ ณ ภูมิลำเนาจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม2531 จำเลยทั้งสองยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2531จึงเลยกำหนด 15 วัน นับจากวันที่การส่งคำบังคับมีผลใช้ได้ตามป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1640/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาจำเลยตามคำฟ้อง แม้มีการย้ายภูมิลำเนา ศาลยังคงใช้เป็นที่ติดต่อได้
โจทก์ยื่นฟ้องระบุภูมิลำเนาของจำเลยไว้ในคำฟ้อง เมื่อจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีจำเลยก็ระบุภูมิลำเนาตามที่โจทก์ระบุไว้นั้นด้วย แม้ต่อมาจำเลยย้ายภูมิลำเนาไปจากที่ที่ปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์ โดยมิได้แถลงให้ศาลทราบ แต่กลับมีคำร้องต่อศาลระบุภูมิลำเนาของจำเลยตามคำฟ้องอีก ดังนี้ ถือว่าจำเลยยังคงมีภูมิลำเนาตามคำฟ้องอีกแห่งหนึ่งโดยเฉพาะในการติดต่อกับจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1640/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาจำเลยเปลี่ยนแปลงแต่ไม่แจ้งศาล การส่งหมายนัดตามภูมิลำเนาเดิมชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยย้ายที่อยู่
การที่จำเลยย้ายภูมิลำเนาไปจากภูมิลำเนาเดิมที่ปรากฏในคำฟ้องโจทก์โดยจำเลยมิได้ยื่นคำแถลงให้ศาลทราบ และยังได้ทำคำร้องยื่นต่อศาลระบุภูมิลำเนาเดิม ถือว่าจำเลยยังคงมีภูมิลำเนาอีกแห่งตามภูมิลำเนาเดิม การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยตามภูมิลำเนาเดิมจึงชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1640/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาจำเลยเปลี่ยนแปลง แต่ยังคงมีภูมิลำเนาเดิมสำหรับการติดต่อ ศาลส่งหมายนัดตามภูมิลำเนาเดิมชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ยื่นฟ้องระบุภูมิลำเนาของจำเลยไว้ในคำฟ้อง เมื่อจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีจำเลยก็ระบุภูมิลำเนาตามที่โจทก์ระบุไว้นั้นด้วย แม้ต่อมาจำเลยย้ายภูมิลำเนาไปจากที่ที่ปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์ โดยมิได้แถลงให้ศาลทราบ แต่กลับมีคำร้องต่อศาลระบุภูมิลำเนาของจำเลยตามคำฟ้องอีก ดังนี้ ถือว่าจำเลยยังคงมีภูมิลำเนาตามคำฟ้องอีกแห่งหนึ่งโดยเฉพาะในการติดต่อกับจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายแจ้งประกาศขายทอดตลาดโดยชอบ แม้บ้านปิดประตู-ไม่ปิดประกาศ ณ ที่ทรัพย์สิน
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ส่งหมายแจ้งประกาศขายทอดตลาดไปที่บ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยแล้ว แม้บ้านดังกล่าวจะปิดประตูใส่กุญแจไม่มีใครอยู่ ก็ถือว่าเป็นการส่งหมายแจ้งประกาศขายทอดตลาดให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ปิดประกาศการขายทอดตลาดไว้ ณ สถานที่ที่ทรัพย์ที่จะขายตั้งอยู่ตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2522 ข้อ 68 วรรคแรกก็ตาม แต่ระเบียบดังกล่าวหาได้เป็นกฎหมายไม่ เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายแจ้งประกาศขายทอดตลาดให้แก่จำเลยได้กระทำโดยชอบแล้ว จำเลยจะอ้างว่าไม่ทราบวันนัดขายทอดตลาดไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3178/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายที่ชอบด้วยกฎหมายและการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การในคดีภาษีอากร
เจ้าพนักงานเดินหมายปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับปิดหมายนัดสืบพยานโจทก์ไว้ที่สำนักงานบริษัทจำเลยซึ่งกรรมการผู้จัดการและพนักงานของจำเลยอยู่อาศัยในสถานที่ดังกล่าวจึงเป็นการส่งที่ชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 74 และ มาตรา 79 เมื่อจำเลยไม่ยื่นคำให้การในกำหนดและไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยไม่มีเหตุสมควรประการอื่น ต้องถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3178/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ส่งที่สำนักงานและจำเลยไม่ได้อยู่ที่ภูมิลำเนา แต่มีคนอยู่ ณ ที่นั้น ถือว่าจำเลยได้รับหมายแล้ว
เจ้าพนักงานเดินหมายปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับปิดหมายนัดสืบพยานโจทก์ไว้ที่สำนักงานบริษัทจำเลย ซึ่ง กรรมการผู้จัดการและพนักงานของจำเลยอยู่อาศัยในสถานที่ดังกล่าว จึงเป็นการส่งหมายโดย ชอบ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 74 และมาตรา 79 เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนดและไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ถือได้ ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้ .

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนา, การส่งคำบังคับ, คำขอพิจารณาใหม่: การยึดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อผู้ถูกยึดมีภูมิลำเนาในไทยแม้จะอยู่ต่างประเทศ
จำเลยที่ 4 ไปศึกษาต่อต่างประเทศก่อนโจทก์ฟ้องหลายปี มีครอบครัวและประกอบอาชีพอยู่ต่างประเทศ แต่จำเลยที่ 4 ยังมีสัญชาติไทย มีชื่อในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์บรรยายไว้ในคำฟ้องและเคยเดินทางกลับมาประเทศไทยหลายครั้ง ถือว่าจำเลยที่ 4 ยังมีภูมิลำเนาในประเทศไทยตามทะเบียนบ้านนั้น การส่งคำบังคับให้แก่จำเลยที่ 4 ตามภูมิลำเนาดังกล่าวโดยการปิดคำบังคับจึงเป็นการส่งโดยชอบ จำเลยที่ 4 เพิ่งยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนด6 เดือนไปแล้ว นับแต่วันยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4 จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนา, การบังคับคดี, กำหนดเวลา, คำขอพิจารณาใหม่, การส่งหมาย
จำเลยที่ 4 ไปศึกษาต่อต่างประเทศก่อนโจทก์ฟ้องคดีเป็นเวลาหลายปี มีครอบครัวและประกอบอาชีพอยู่ต่างประเทศ แต่จำเลยที่ 4ยังมีสัญชาติไทย มีชื่อ ในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์บรรยายไว้ในคำฟ้องและเคยเดินทางกลับมาประเทศไทยหลายครั้ง ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4ยังมีภูมิลำเนาในประเทศไทยตามทะเบียนบ้านนั้น พนักงานเดินหมายปิดคำบังคับ ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 4 ตามคำสั่งศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2527 ถือได้ว่าการส่งคำบังคับให้แก่จำเลยที่ 4 ชอบแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2530 จำเลยที่ 4เพิ่งมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2531ซึ่งพ้นกำหนด 6 เดือนไปแล้วนับแต่วันยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4จึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208.
of 39