คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยักยอก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 437 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฐานความผิดลักทรัพย์ vs. ยักยอก: ผู้ขับรถบรรทุกมีฐานะเป็นเพียงผู้ถูกใช้
จำเลยซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกมีฐานะเพียงแต่เป็นผู้ถูกใช้ให้ขนทรัพย์ไปตามคำสั่งของเจ้าของทรัพย์เท่านั้น ฉะนั้นความยึดถือครอบครองในทรัพย์นั้นยังคงอยู่กับเจ้าของทรัพย์ เมื่อจำเลยเอาทรัพย์ไป จึงเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่ความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนส่งทรัพย์สินของผู้อื่น ความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอก พิจารณาจากฐานะผู้กระทำ
จำเลยซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกมีฐานะเพียงแต่เป็นผู้ถูกใช้ให้ขนทรัพย์ไปตามคำสั่งของเจ้าของทรัพย์เท่านั้นฉะนั้นความยึดถือครอบครองในทรัพย์นั้นยังคงอยู่กับเจ้าของทรัพย์เมื่อจำเลยเอาทรัพย์ไปจึงเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์สินของผู้ขับรถบรรทุก: ความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอก
จำเลยซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกมีฐานะเพียงแต่เป็นผู้ถูกใช้ให้ขนทรัพย์ไปตามคำสั่งของเจ้าของทรัพย์เท่านั้น. ฉะนั้นความยึดถือครอบครองในทรัพย์นั้นยังคงอยู่กับเจ้าของทรัพย์เมื่อจำเลยเอาทรัพย์ไป. จึงเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต. เป็นความผิดฐานลักทรัพย์. ไม่ใช่ความผิดฐานยักยอก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานยักยอกน้ำมันราชการ: การเบียดบังทรัพย์สินของรัฐโดยทุจริต
จำเลยเป็นพลทหารเรือประจำการ มีหน้าที่เป็นพลขับรถยนต์ของราชการทหารเรือ จึงเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการใช้และรักษาน้ำมันรถที่จำเลยทำหน้าที่ขับนั้นด้วย การที่จำเลยยอมให้บุคคลอื่นดูดเอาน้ำมันในรถไป แล้วรับเงินจากบุคคลนั้นเป็นค่าตอบแทนเอาเป็นประโยชน์ส่วนตัว ย่อมเป็นการเบียดบังน้ำมันของทางราชการไปโดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2512)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานยักยอกน้ำมันราชการ: การกระทำเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
จำเลยเป็นพลทหารเรือประจำการ.มีหน้าที่เป็นพลขับรถยนต์ของราชการทหารเรือ. จึงเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการใช้และรักษาน้ำมันรถที่จำเลยทำหน้าที่ขับนั้นด้วย. การที่จำเลยยอมให้บุคคลอื่นดูดเอาน้ำมันในรถไป. แล้วรับเงินจากบุคคลนั้นเป็นค่าตอบแทนเอาเป็นประโยชน์ส่วนตัว. ย่อมเป็นการเบียดบังน้ำมันของทางราชการไปโดยทุจริต. เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2512).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองสัตว์และการแจ้งความผิดฐานลักทรัพย์/ยักยอกทรัพย์ ศาลฎีกาชี้ว่าการยิงสัตว์แล้วชำแหละเนื้อเป็นลักทรัพย์
ผู้เสียหายจับกระบือไม่ได้เพราะติดอยู่ในฝูงอื่นซึ่งอยู่บนเขาและเป็นทำเลเลี้ยงมิใช่เพริดไปจนพ้นการติดตาม ดังนี้ตามกฎหมายต้องถือว่าผู้เสียหายยังครอบครองกระบือตัวนั้นอยู่ เพราะผู้เสียหายยังไม่ได้สละการครอบครองกระบือตัวนั้น การที่จำเลยยิงกระบือของผู้เสียหายตายและชำแหละเอาเนื้อกระบือไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายเป็นการเอาไปโดยทุจริต เป็นการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ส่วนการที่จำเลยชำแหละเนื้อกระบือเอาไป ก็เป็นการครอบครอง เพราะยึดถือเพื่อตน แต่เป็นผลภายหลังการที่จำเลยลักกระบือนั้นแล้ว ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง เมื่อศาลเห็นว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554-1555/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจร้องทุกข์ของผู้ดูแลทรัพย์ที่ถูกยืมไปและเกิดการยักยอก: ผู้ดูแลมีสิทธิแจ้งความดำเนินคดีอาญาได้
ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้ดูแลทรัพย์พิพาทไว้ จำเลยยืมทรัพย์พิพาทไปจากโจทก์ร่วม เมื่อเกิดการเสียหายขึ้นเพราะการกระทำผิดยักยอกของจำเลย โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายในฐานะเป็นผู้ครอบครองดูแลทรัพย์พิพาท มีอำนาจร้องทุกข์ตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) (ตามนัยฎีกาที่ 1341/2495,420/2505,562/2505) แม้ในฟ้องจะบรรยายคลาดเคลื่อนว่าใครเป็นเจ้าทรัพย์ ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความต่างกับฟ้อง
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยยืมทรัพย์ไป แล้วทุจริตยักยอกเอาไว้เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวเสีย ย่อมมีความผิดในทางอาญา มิใช่เป็นเพียงเรื่องยืมทางแพ่งเท่านั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า "เมื่อเดือนตุลาคม 2506 และต่อมาประมาณปลายเดือนเมษายน 2507 จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันขอยืมเครื่องประดับไปหลายอย่าง (ห้อยคอและกลัดเสื้อรูปดอกไม้แหวนเพชรเม็ดเดียว แหวนเพชรเม็ดเล็กเป็นรูป 4 เหลี่ยมแหวนทับทิมล้อมเพชร กำไลประดับเพชร สร้อยข้อมือนพเก้า จี้เพชรพร้อมสร้อยทองคำขาว แหวนมรกตล้อมเพชร ต่างหูเพชรนาฬิกาข้อมือประดับเพชร) ต้นเดือนมีนาคม 2510 โจทก์ร่วมทั้งสองได้ทวงถามของที่จำเลยยืมไป จำเลยทั้งสี่ปฏิเสธไม่ยอมคืนโดยระหว่างมีนาคม 2510 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเอาทรัพย์ดังกล่าวไว้เป็นประโยชน์ส่วนตน" เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
คำแจ้งความที่มีความว่า "จึงได้มาแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อบุคคลทั้งสี่ต่อไป" นั้น เป็นการกล่าวหาโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ จึงเป็นคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7) เมื่อเจ้าพนักงานสอบสวนบันทึกข้อความคำร้องทุกข์ไว้ในรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันและผู้ร้องทุกข์ได้ลงชื่อไว้แล้ว จึงเป็นการบันทึกคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 123วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อเชื่อชนิดพิเศษและการโต้แย้งกรรมสิทธิ์: ปัญหาข้อกฎหมายอาญาฐานยักยอก
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดทางแพ่งหรือทางอาญาเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการติดต่อระหว่างผู้เสียหายเป็นการซื้อเชื่อชนิดพิเศษผิดกับการซื้อเชื่อธรรมดา และทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ โจทก์ร่วมอุทธรณ์รับในข้อเท็จจริง แต่โต้แย้งว่าไม่เป็นการซื้อเชื่อและจำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์ถือว่าเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายไม่ใช่ข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848-850/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าร่วมทุนเพื่อแบ่งผลกำไร ไม่เข้าข่ายยักยอกทรัพย์ แม้จะไม่ได้คืนเงิน
จำเลยชักชวนผู้เสียหายให้นำเงินมาให้จำเลยนำไปเป็นทุนซื้อข้าวสารมากักตุนไว้ขายให้ตำรวจ และให้ตำรวจกู้และจะแบ่งผลกำไรและดอกเบี้ยให้ ผู้เสียหายตกลงด้วย จึงมอบเงินให้ไป ดังนี้ เป็นเรื่องการเข้ารวมทุนกันให้จำเลยจัดการหาผลประโยชน์เสมือนหนึ่งเป็นเงินของจำเลยเองกรณีไม่เรียกว่าจำเลยรับมอบครอบครองทรัพย์ผู้เสียหายไว้ อันจะเข้าเกณฑ์เป็นความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848-850/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงทุนร่วมทุนกับจำเลย ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์ แม้จะไม่ได้คืนเงิน
จำเลยชักชวนผู้เสียหายให้นำเงินมาให้จำเลยนำไปเป็นทุนซื้อข้าวสารมากักตุนไว้ขายให้ตำรวจ และให้ตำรวจกู้และจะแบ่งผลกำไรและดอกเบี้ยให้ผู้เสียหายตกลงด้วย จึงมอบเงินให้ไปดังนี้ เป็นเรื่องการเข้ารวมทุนกันให้จำเลยจัดการหาผลประโยชน์เสมือนหนึ่งเป็นเงินของจำเลยเองกรณีไม่เรียกว่าจำเลยรับมอบครอบครองทรัพย์ผู้เสียหายไว้อันจะเข้าเกณฑ์เป็นความผิดฐานยักยอก
of 44