คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยักยอกทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 543 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความผิดฐานยักยอกทรัพย์: เจ้าหน้าที่รับเงินนอกหน้าที่ราชการ
จำเลยเป็นเสมียนประจำแผนกศึกษาธิการอำเภอ มีหน้าที่เกี่ยวกับ การรับจ่ายเงินได้ยักยอกเงินค่าสมัครอบรมสอบวิชาชุดครูซึ่งแผนกศึกษาธิการอำเภอเรียกเก็บจากผู้สมัคร แต่หน้าที่รับสมัครและรับเงินดังกล่าวนี้ผู้ช่วยศึกษาธิการมีคำสั่งให้ ป. ครูช่วยราชการแผนกศึกษาธิการอำเภอเป็นผู้ทำ ป. ไปราชการ ณ.ครูช่วยราชการได้รับสมัครและรับเงินค่าสมัครไว้แทน ป. แล้วได้มอบเงินให้จำเลยเก็บรักษาไว้ การที่จำเลยรับเงินมาเก็บรักษาไว้นี้จึงมิใช่จัดการเก็บรักษาไว้ตามหน้าที่ราชการของจำเลยเมื่อจำเลยยักยอกไป จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 เท่านั้น ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกเงินค่าสมัครอบรม: จำเลยไม่มีหน้าที่เก็บรักษาเงินตามระเบียบ จึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ธรรมดา ไม่ใช่เจ้าพนักงานเบียดบังยักยอกทรัพย์
จำเลยเป็นเสมียนประจำแผนกศึกษาธิการอำเภอ มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับจ่ายเงินได้ยักยอกเงินค่าสมัครอบรมสอบวิชาชุดครูซึ่งแผนกศึกษาธิการอำเภอเรียกเก็บจากผู้สมัคร แต่หน้าที่รับสมัครและรับเงินดังกล่าวนี้ผู้ช่วยศึกษาธิการมีคำสั่งให้ ป. ครูช่วยราชการแผนกศึกษาธิการอำเภอเป็นผู้ทำ ป. ไปราชการณ.ครูช่วยราชการได้รับสมัครและรับเงินค่าสมัครไว้แทน ป. แล้วได้มอบเงินให้จำเลยเก็บรักษาไว้ การที่จำเลยรับเงินมาเก็บรักษาไว้นี้จึงมิใช่จัดการเก็บรักษาไว้ตามหน้าที่ราชการของจำเลย เมื่อจำเลยยักยอกไป จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เท่านั้น ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์ที่เกิดจากการตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์ในผลผลิต ศาลต้องฟังพยานให้ครบถ้วนเพื่อพิสูจน์ความผิด
ฟ้องยักยอกทรัพย์ สืบพยาน 1 ปากแล้วศาลชั้นต้นงดสืบพยานเมื่อคำพยานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่เพียงพอจะชี้ขาดว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงควรจะได้ฟังพยานต่อไป กรณีต้องให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
ฟ้องว่า จำเลยกับผู้เสียหายได้ตกลงกันและยอมรับปฏิบัติตามประเพณีท้องถิ่นว่าจำเลยเป็นลูกน้องผู้เสียหายเป็นนายทุนออกค่าใช้จ่ายเมื่อจำเลยขุดหาพลอยได้เท่าใด จำเลยและผู้เสียหายเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในพลอยนั้นคนละครึ่ง ต่อมาจำเลยขุดพลอยได้ 1 เม็ด ผู้เสียหายจึงมีกรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่งและจำเลยเป็นผู้ได้รับมอบให้ครอบครองเก็บรักษาพลอยไว้ แล้วจำเลยได้บังอาจเบียดบังยักยอกเอาพลอยดังกล่าวไปเป็นของตนโดยทุจริต ถ้าข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้อง จำเลยอาจมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์สินหาย vs. ลักทรัพย์: ศาลต้องลงโทษตามคำขอของโจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันลักเรือ (สองลำ)ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเก็บเรือซึ่งหลุดลอยอยู่ในแม่น้ำแล้วนำไปซุกซ่อนเบียดบังเอาเป็นของตน อันเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหายจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณา ไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลย่อมจะลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2326/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การว่าจ้างทวงหนี้และการหักเงินค่าจ้าง มิใช่ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ หากมีเจตนาเปิดเผยและได้รับความยินยอม
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงหาว่ายักยอกทรัพย์ ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมาย โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้นชี้ขาด แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อเท็จจริงควรฟังเป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่มิได้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงเสียเอง แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลอุทธรณ์ฟังใหม่นั้นโจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้นได้ ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2066/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ vs. ยักยอกทรัพย์: ลูกจ้างสั่งซื้อน้ำมันแล้วนำไปขายเอง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นลูกจ้างของโรงแรมโจทก์ร่วมทำหน้าที่เป็นช่างไฟฟ้าควบคุมเครื่องยนต์นำสตีมสำหรับทำน้ำร้อน และเครื่องซักผ้า และได้รับมอบหมายให้สั่งซื้อน้ำมันดีเซลมาใช้กับเครื่องยนต์ครั้งละ 6,000 ลิตร โดยบริษัทผู้ขายน้ำมันจะบรรทุกน้ำมันมาถ่ายลงถังที่โรงแรมโจทก์ร่วม และจำเลยที่ 1 หรือที่ 2 เป็นผู้เซ็นรับในใบสั่งน้ำมัน คราวเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นคนขับรถส่งน้ำมันของบริษัทผู้ขายได้บรรทุกน้ำมันมาส่งให้โรงแรมโจทก์ร่วมตามที่จำเลยที่ 2 สั่งซื้อ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เซ็นรับน้ำมัน และโจทก์ร่วมก็ได้จ่ายค่าน้ำมันไปแล้ว จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันเอาน้ำมันดังกล่าวไปขายเสียไม่ได้ถ่ายน้ำมันลงเก็บในถังไว้ใช้กับเครื่องยนต์ ดังนี้ เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดมาตรา 147 อาญา: เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ที่ได้รับมอบหมาย แม้ไม่ใช่ทรัพย์ของทางราชการโดยตรง
ความผิดตามมาตรา 147 แห่งประมวลกฎหมายอาญาเป็นเรื่องบัญญัติเอาผิดแก่เจ้าหน้าที่ที่เบียดบังเอาทรัพย์ที่ตนได้มาหรือถือไว้เพื่อจัดการตามหน้าที่ ไม่ใช่เอาผิดแต่เฉพาะว่าทรัพย์นั้นจะต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของทางการหรือของใคร
การที่โจทก์บรรยายฟ้องมาว่า จำเลยเบียดบังยักยอกเอาเงินผลประโยชน์ของการรถไฟฯ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยยักยอกเงินที่ไม่ใช่เป็นเงินผลประโยชน์ของทางการรถไฟฯ โดยแท้ ดังนี้ ไม่เป็นกรณีที่ทางพิจารณาได้ความต่างกับฟ้องอันจำเป็นที่ศาลจะต้องพิพากษายกฟ้องตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1702/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเลยหน้าที่กรรมการควบคุมเงินรายได้ ก่อให้เกิดการทุจริตยักยอกทรัพย์ ต้องรับผิดทางละเมิด
เดิมกองทัพอากาศเป็นผู้ดูแลเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ ในสนามบินดอนเมือง ต่อมารัฐบาลตกลงจะแยกกิจการบินพลเรือนออกจากกองทัพอากาศ ให้กรมการขนส่งจัดเก็บรายได้ต่างๆ เป็นของกรมการขนส่ง แต่ในที่สุดยังแยกไม่ได้ เพราะไม่มีงบประมาณและคนดำเนินการ ในระหว่างที่ยังแยกไม่ได้นี้คณะกรรมการลงมติให้กองทัพอากาศมีอำนาจหน้าที่เก็บค่าธรรมเนียมเครื่องบินขึ้นลงตลอดจนพักแรม ส่วนรายได้ รายจ่ายให้เป็นของกรมการขนส่ง กองทัพอากาศ โดยกรมการบินพลเรือนเพียงเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลจัดเก็บและนำส่งกระทรวงการคลังให้ เมื่อมีการทุจริตเกี่ยวกับเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวแล้ว ซึ่งมีบุคคล จะต้องรับผิดชอบทางแพ่งในฐานละเมิด กรมการขนส่งซึ่งเป็น เจ้าของรายได้ย่อมมีอำนาจฟ้องได้
กรรมการตรวจเงินแผ่นดินรายงานไปยังกระทรวงกลาโหมว่ามีการทุจริตยักยอกเงินค่าธรรมเนียมสนามบินในกรมการบินพลเรือนกองทัพอากาศจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางอาญาโดยจำเลยที่ 1 ถูกสอบสวนร่วมกับพันจ่าอากาศและนายทหารอีกสองนาย คณะกรรมการสอบสวนแล้วเสนอรายงานว่า พันจ่าอากาศและนายทหารสองนายนั้นเป็นผู้รับผิดทางอาญา เจ้ากรมสารบรรณทหารอากาศจึงมีบันทึกเสนอผู้บัญชาการทหารอากาศว่า การสอบสวนไม่มีหลักฐานยืนยันว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำการทุจริตเป็นแต่เพียงบกพร่องต่อหน้าที่ อันเป็นเหตุให้เกิดการทุจริตซึ่งจะได้พิจารณาและดำเนินการในเรื่องความรับผิดทางแพ่งต่อไป เห็นสมควรสั่งถอนประกันเพื่อคืนหลักประกันให้จำเลยที่ 1 รองผู้บัญชาการทหารอากาศรับคำสั่งผู้บัญชาการทหารอากาศเซ็นสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1ถอนประกันได้ ต่อมากองทัพอากาศสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาหาผู้ต้องรับผิดทางแพ่ง คณะกรรมการทำรายงานเสนอว่าจำเลยคนใดรวมทั้งจำเลยที่ 1 ด้วยจะต้องรับผิดทางแพ่งเป็นเงินเท่าใด และผู้บัญชาการทหารอากาศลงชื่อรับทราบ ดังนี้ ถือว่ากองทัพอากาศรู้ตัวผู้ทำละเมิดซึ่งจะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่ผู้บัญชาการทหารอากาศรู้ตัวผู้ทำละเมิดซึ่งจะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่ผู้บัญชาการทหารอากาศลงชื่อรับทราบ จะถือว่ากองทัพอากาศรู้ว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้ทำละเมิดตั้งแต่วันที่รองผู้บัญชาการทหารอากาศเซ็นสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ถอนประกันหาได้ไม่
จำเลยเป็นนายทหารสัญญาบัตรประจำการประจำกรมการบินพลเรือนซึ่งได้รับแต่งตั้งจากกรมการบินพลเรือนให้เป็นกรรมการควบคุมดูแลเงินรายได้ผลประโยชน์ มีหน้าที่ควบคุมดูแลเงินค่าธรรมเนียม ขึ้นลงของเครื่องบินกับค่าเช่าอันเป็นเงินรายได้ของโจทก์ แต่จำเลยปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของกองทัพอากาศทำให้เกิดการทุจริตโดยนายทหารชั้นประทวนยักยอกเอาเงินดังกล่าวไปซึ่งถ้าหากได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับแล้วการทุจริตรายนี้คงไม่เกิดขึ้นได้ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยต้องรับผิดเพื่อละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1702/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเลยหน้าที่กรรมการดูแลเงินรายได้ ทำให้เกิดการทุจริตยักยอกทรัพย์ ต้องรับผิดเพื่อละเมิด
เดิมกองทัพอากาศเป็นผู้ดูแลเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ ในสนามบินดอนเมือง ต่อมารัฐบาลตกลงจะแยกกิจการบินพลเรือนออกจากกองทัพอากาศ ให้กรมการขนส่งจัดเก็บรายได้ต่างๆ เป็นของกรมการขนส่ง แต่ในที่สุดยังแยกไม่ได้ เพราะไม่มีงบประมาณและคนดำเนินการ ในระหว่างที่ยังแยกไม่ได้นี้คณะกรรมการลงมติให้กองทัพอากาศมีอำนาจหน้าที่เก็บค่าธรรมเนียมเครื่องบินขึ้นลงตลอดจนพักแรม ส่วนรายได้ รายจ่ายให้เป็นของกรมการขนส่ง กองทัพอากาศ โดยกรมการบินพลเรือนเพียงเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลจัดเก็บและนำส่งกระทรวงการคลังให้ เมื่อมีการทุจริตเกี่ยวกับเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวแล้ว ซึ่งมีบุคคลจะต้องรับผิดชอบทางแพ่งในฐานละเมิด กรมการขนส่งซึ่งเป็นเจ้าของรายได้ย่อมมีอำนาจฟ้องได้
กรรมการตรวจเงินแผ่นดินรายงานไปยังกระทรวงกลาโหมว่ามีการทุจริตยักยอกเงินค่าธรรมเนียมสนามบินในกรมการบินพลเรือนกองทัพอากาศจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางอาญาโดยจำเลยที่ 1 ถูกสอบสวนร่วมกับพันจ่าอากาศและนายทหารอีกสองนาย คณะกรรมการสอบสวนแล้วเสนอรายงานว่า พันจ่าอากาศและนายทหารสองนายนั้นเป็นผู้รับผิดทางอาญา เจ้ากรมสารบรรณทหารอากาศจึงมีบันทึกเสนอผู้บัญชาการทหารอากาศว่า การสอบสวนไม่มีหลักฐานยืนยันว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำการทุจริตเป็นแต่เพียงบกพร่องต่อหน้าที่ อันเป็นเหตุให้เกิดการทุจริตซึ่งจะได้พิจารณาและดำเนินการในเรื่องความรับผิดทางแพ่งต่อไป เห็นสมควรสั่งถอนประกันเพื่อคืนหลักประกันให้จำเลยที่ 1 รองผู้บัญชาการทหารอากาศรับคำสั่งผู้บัญชาการทหารอากาศเซ็นสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ถอนประกันได้ ต่อมากองทัพอากาศสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาหาผู้ต้องรับผิดทางแพ่ง คณะกรรมการทำรายงานเสนอว่าจำเลยคนใดรวมทั้งจำเลยที่ 1 ด้วยจะต้องรับผิดทางแพ่งเป็นเงินเท่าใด และผู้บัญชาการทหารอากาศลงชื่อรับทราบ ดังนี้ ถือว่ากองทัพอากาศรู้ตัวผู้ทำละเมิดซึ่งจะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่ผู้บัญชาการทหารอากาศรู้ตัวผู้ทำละเมิดซึ่งจะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่ผู้บัญชาการทหารอากาศลงชื่อรับทราบ จะถือว่ากองทัพอากาศรู้ว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้ทำละเมิดตั้งแต่วันที่รองผู้บัญชาการทหารอากาศเซ็นสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ถอนประกันหาได้ไม่
จำเลยเป็นนายทหารสัญญาบัตรประจำการประจำกรมการบินพลเรือนซึ่งได้รับแต่งตั้งจากกรมการบินพลเรือนให้เป็นกรรมการควบคุมดูแลเงินรายได้ผลประโยชน์ มีหน้าที่ควบคุมดูแลเงินค่าธรรมเนียมขึ้นลงของเครื่องบินกับค่าเช่าอันเป็นเงินรายได้ของโจทก์ แต่จำเลยปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของกองทัพอากาศทำให้เกิดการทุจริตโดยนายทหารชั้นประทวนยักยอกเอาเงินดังกล่าวไปซึ่งถ้าหากได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับแล้วการทุจริตรายนี้คงไม่เกิดขึ้นได้ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยต้องรับผิดเพื่อละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกทรัพย์ vs. ผิดสัญญา: การเบียดบังเงินที่ได้รับมอบหมายซื้อของ
จำเลยได้รับมอบเงินจากผู้เสียหายเพื่อให้นำไปซื้อปอฝ้ายและพืชไร่ มาให้ผู้เสียหายภายในกำหนด แล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามที่ผู้เสียหายมอบหมายกลับหลบหนีไปและได้นำเงินของผู้เสียหายไปใช้เสียหมด ดังนี้ ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ด้วยว่า การที่จำเลยนำเงินของผู้เสียหายไปใช้นั้นเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้เสียหายโดยทุจริตแล้วจำเลยก็ต้องมีความผิดฐานยักยอกมิใช่เป็นเพียงผิดสัญญาในทางแพ่ง
ศาลชั้นต้นสืบผู้เสียหายเป็นพยานปากเดียวแล้วสั่งงดสืบพยานต่อไป เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดในทางอาญาหรือเป็นเพียงผิดสัญญาในทางแพ่งก็ต้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
of 55