พบผลลัพธ์ทั้งหมด 620 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1993/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษและการคุมประพฤติเหมาะสมกว่าการจำคุกระยะสั้นสำหรับความผิดขับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน
การลงโทษจำคุกระยะสั้นนอกจากจะไม่เกิดผลในการแก้ไขให้จำเลยกลับตัวเป็นคนดีแล้วยังทำให้จำเลยกลายเป็นคนมีประวัติเสื่อมเสียเมื่อพ้นโทษแล้วยากที่จะกลับตัวประกอบสัมมาอาชีพโดยสุจริตต่อไปได้ย่อมส่งผลให้ครอบครัวหรือผู้อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของจำเลยพลอยได้รับความเดือนร้อนทุกข์ยากไปด้วยและความผิดที่จำเลยขับรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดนั้นก็มิใช่อาชญากรรมที่เป็นความผิดร้ายแรงอีกทั้งจำเลยเพิ่งจะกระทำความผิดครั้งแรกการให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นคนดีโดยการรอการลงโทษและควบคุมความประพฤติไว้เพื่อให้พนักงานคุมประพฤติคอยสอดส่องดูแลแนะนำช่วยเหลือหรือตักเตือนให้จำเลยได้แก้ไขฟื้นฟูตนเองเพื่อกลับตัวเป็นพลเมืองดีน่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาจากรอการลงโทษเป็นไม่รอการลงโทษเมื่อจำเลยถูกจำคุกในคดีอื่น และมิได้จงใจฝ่าฝืนเงื่อนไขคุมความประพฤติ
จำเลยถูกจับกุมในวันเวลาเกิดเหตุเดียวกันในข้อหาร่วมกันบุกรุกและมีวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในครอบครอง พนักงานอัยการได้แยกฟ้องคดีร่วมกันบุกรุกเป็นอีกคดีหนึ่ง ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย6 เดือน ส่วนคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาก่อนคดีดังกล่าวให้จำคุก 6 เดือน รอการลงโทษ 2 ปี และคุมความประพฤติไว้การที่จำเลยมิได้ไปรายงานตัวในครั้งที่ 3 ถึงครั้งที่ 5ในคดีนี้ก็เพราะเหตุถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ จึงไม่เป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขคุมความประพฤติตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด และกรณีมิใช่จำเลยกระทำความผิดขึ้นอีกหลังจากที่มีคำพิพากษาในคดีนี้แล้ว ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาคดีนี้จากรอการลงโทษเป็นให้ลงโทษที่รอไว้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 57 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษและการปฏิบัติตามเงื่อนไขคุมความประพฤติ เมื่อถูกจำคุกในคดีอื่น
จำเลยถูกจับกุมในวันเวลาเกิดเหตุเดียวกันในข้อหาร่วมกันบุกรุกและมีวัตถุออกฤทธิ์ไว้ในครอบครองพนักงานอัยการได้แยกฟ้องคดีร่วมกันบุกรุกเป็นอีกคดีหนึ่งซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย6เดือนส่วนคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาก่อนคดีดังกล่าวให้จำคุก6เดือนรอการลงโทษ2ปีและคุมความประพฤติไว้การที่จำเลยมิได้ไปรายงานตัวในครั้งที่3ถึงครั้งที่5ในคดีนี้ก็เพราะเหตุถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำจึงไม่เป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขคุมความประพฤติตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดและกรณีมิใช่จำเลยกระทำความผิดขึ้นอีกหลังจากที่มีคำพิพากษาในคดีนี้แล้วศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาคดีนี้จากรอการลงโทษเป็นให้ลงโทษที่รอไว้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา57หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดโทษจำคุกและรอการลงโทษ ไม่ถือว่าไม่ลงโทษตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นได้กำหนดโทษจำคุกที่จะลงแก่จำเลยแล้วแม้จะให้รอการลงโทษจำคุกไว้ก็ตามจำเลยก็อาจถูกศาลลงโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ได้เมื่อจำเลยกระทำผิดเงื่อนไขการคุมประพฤติหรือเมื่อไปกระทำความผิดอาญาที่มิได้กระทำโดยประมาทหรือที่มิใช่ความผิดลหุโทษภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา57และ58ฉะนั้นการที่ศาลกำหนดโทษจำคุกจำเลยแต่ให้รอการลงโทษไว้จึงถือว่าศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา20แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9377/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษคดีเก่ากับคดีใหม่ต้องเกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่รอการลงโทษ หากไม่เป็นไปตามนั้น การบวกโทษเป็นโมฆะ
โทษของความผิดในคดีหลังที่จะนำมาบวกกับโทษในคดีก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก นั้น จะต้องเป็นโทษของการกระทำภายในระยะเวลาระหว่างรอการลงโทษตามคดีก่อน และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 885/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จัดหางานผิดกฎหมายหลอกลวงผู้เสียหาย ให้จำคุกและปรับ ลดโทษและรอการลงโทษ
ส. ได้พูดชักชวนว่าจะส่งผู้เสียหายทั้งสองไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นโดยผู้เสียหายทั้งสองต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ180,000บาทแล้วส. พาว. สามีของจำเลยไปรับเงินค่าใช้จ่ายจากผู้เสียหาย22,000บาทกับพาผู้เสียหายเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครระหว่างพักอยู่ในกรุงเทพมหานครว.ได้รับเงินจากผู้เสียหายทั้งสองอีกหลายครั้งการรับเงินจากผู้เสียหายดังกล่าวจำเลยอยู่ร่วมรู้เห็นด้วยในบางครั้งและจำเลยเป็นคนพาผู้เสียหายไปติดต่อทำหนังสือเดินทางและในระหว่างที่ผู้เสียหายทั้งสองพักอยู่ที่โรงแรมในกรุงเทพหานครและที่บ้านของจำเลยในอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานีจำเลยเป็นคนช่วยดูแลและออกค่าใช้จ่ายต่างๆให้แก่ผู้เสียหายดังนี้แม้จำเลยมิได้ร่วมไปชักชวนผู้เสียหายตั้งแต่ขณะแรกแต่พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกโดยแบ่งหน้าที่กันจัดหางานให้แก่คนงานเพื่อไปทางานที่ประเทศญี่ปุ่นโดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดหางานเพื่อส่งคนงานไปทำงานในต่างประเทศและจำเลยกับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายว่าจำเลยกับพวกสามารถส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นได้อันเป็นความเท็จเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อมอบเงินแก่จำเลยกับพวกไปจริงจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา341,83และพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2528มาตรา4,30,82 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7273/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษในคดีก่อนมาบวกกับโทษในคดีหลัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา58วรรคหนึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่10)พ.ศ.2532ซึ่งใช้บังคับก่อนการกระทำผิดคดีนี้และคดีอาญาหมายเลขแดงที่1500/2537ของศาลชั้นต้นบทบัญญัติดังกล่าวนี้แก้ไขและใช้บังคับพร้อมกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา56วรรคสองซึ่งบัญญัติเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้กระทำผิดในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ให้รอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษไว้เมื่อมาตรา58วรรคหนึ่งกับมาตรา56วรรคสองมีการแก้ไขพร้อมกันแสดงว่ามีเจตนาจะให้สอดคล้องกันทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้จำเลยกระทำความผิดอีกแม้ว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคหนึ่งจะได้บัญญัติว่าห้ามมิให้พิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องก็ตามเมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นกฎหมายวิธีสบัญญัติย่อมจะต้องไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญาซึ่งเป็นกฎหมายสารบัญญัติเช่นเมื่อประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องโทษไว้อย่างไรการพิพากษาคดีย่อมจะต้องอาศัยประมวลกฎหมายอาญาในการกำหนดโทษมิให้ผิดไปจากประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้เช่นนี้ย่อมตีความประมวลกฎหมายอาญามาตรา58วรรคหนึ่งได้ว่าแม้ความปรากฎแก่ศาลเองก็ให้ศาลที่พิจารณาพิพากษาคดีหลังปฎิบัติตามแต่สำหรับกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติการกระทำผิดของจำเลยก่อนที่ศาลพิพากษาเมื่อพนักงานคุมประพฤติรายงานว่าจำเลยเคยมีประวัติถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยในความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษลงโทษจำคุกและปรับโทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด2ปีและกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติจำเลยโดยให้จำเลยมารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก3เดือนต่อครั้งภายในกำหนดระยะเวลา1ปีและให้จำเลยเว้นจากการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษหรือมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายใดๆแต่หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วจำเลยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งได้ยอมรับต่อพนักงานคุมประพฤติว่ายังคงเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษอยู่ซึ่งรายงานดังกล่าวถือว่าเป็นรายงานที่เป็นผลร้ายต่อจำเลยศาลชั้นต้นปฎิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญาพ.ศ.2522มาตรา13กล่าวคือแจ้งรายงานนั้นให้จำเลยทราบจำเลยแถลงไม่คัดค้านเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงตามรายงานรายงานดังกล่าวมีลักษณะเช่นเดียวกับคำแถลงของเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา58ที่แก้ไขแล้วศาลจึงนำโทษที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกโทษในคดีหลังได้ในกรณีที่ศาลคดีหลังพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6972/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อจากคดีก่อน และดุลพินิจศาลในการรอการลงโทษเมื่อพฤติการณ์เหมาะสม
โจทก์ฟ้องขอให้นับโทษจำเลยติดต่อกับโทษของจำเลยในคดีก่อนปรากฏว่าคดีก่อนศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้จึงไม่อาจนับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ติดต่อกับคดีก่อนได้ต้องนับแต่วันต้องขังตามหลักทั่วไป ฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษเป็นฎีกาในดุลพินิจซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218แต่ในคดีที่ฎีกาได้แต่ปัญหาข้อกฎหมายเมื่อพฤติการณ์ที่ปรากฏในคดีโทษที่ศาลอุทธรณ์กำหนดยังไม่เหมาะสมแก่รูปคดีศาลฎีกาย่อมมีอำนาจเปลี่ยนแปลงดุลพินิจในการลงโทษที่ศาลอุทธรณ์กำหนดไว้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6810/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษคดีอาญาเดิมที่รอการลงโทษเข้ากับคดีใหม่ แม้โจทก์มิได้ขอ
ป.อ.มาตรา 58 วรรคหนึ่ง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2532 มาตรา 4 เมื่อจำเลยแถลงรับตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยเคยต้องโทษตามคดีอาญาอีกคดีหนึ่งของศาลชั้นต้นจริง และคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจำคุก 6 เดือน โดยให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตาม ป.อ.มาตรา56 และในระหว่างที่ยังไม่ครบ 2 ปี จำเลยได้มากระทำความผิดคดีนี้ เช่นนี้แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและขอให้บวกโทษในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษคดีนี้แต่เป็นกรณีที่ความปรากฏแก่ศาลเองจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติ ทั้งจำเลยก็ยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วข้างต้น ศาลจึงต้องนำโทษที่รอไว้ในคดีอาญาเรื่องนั้นของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6810/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษคดีที่เคยรอการลงโทษไว้กับคดีใหม่ แม้โจทก์มิได้ขอ โดยอาศัยความปรากฏต่อศาล
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา58วรรคหนึ่งซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่10)พ.ศ.2532มาตรา4เมื่อจำเลยแถลงรับตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยเคยต้องโทษตามคดีอาญาอีกคดีหนึ่งของศาลชั้นต้นจริงและคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจำคุก6เดือนโดยให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด2ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา56และในระหว่างที่ยังไม่ครบ2ปีจำเลยได้มากระทำความผิดคดีนี้เช่นนี้แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและขอให้บวกโทษในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษคดีนี้แต่เป็นกรณีที่ความปรากฎแก่ศาลเองจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติทั้งจำเลยก็ยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วข้างต้นศาลจึงต้องนำโทษที่รอไว้ในคดีอาญาเรื่องนั้นของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้