คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีชิงทรัพย์โดยอาศัยพยานหลักฐานที่ไม่ชัดเจนและข้อสงสัยสมควร ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง
โจทก์มีแต่ผู้เสียหายเพียงปากเดียวที่เบิกความว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มากับคนร้ายอีกคนหนึ่งซึ่งสวมหมวกกันน็อก และกระโดดลงมาดึงท้ายรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย ใช้อาวุธปืนยิงขู่ขึ้นฟ้าพร้อมกับกระชากเอาสร้อยข้อมือและสร้อยคอทองคำที่ผู้เสียหายสวมอยู่ไป เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดโดยกระทันหัน ผู้เสียหายเป็นหญิงย่อมตกใจกลัวเป็นธรรมดา ทั้งยังมีโอกาสเห็นหน้าคนร้ายในช่วงระยะเวลาสั้นในขณะรถจักรยานที่ถีบอยู่ถูกดึงให้เสียหลักและหันกลับมามองเพราะถูกคนร้ายจับแขนซ้าย อีกทั้งผู้เสียหายยังมีบุตรอีกสองคนซ้อนท้ายรถจักรยานให้เป็นห่วงในความปลอดภัยด้วย จึงไม่น่าเชื่อว่าผู้เสียหายจะสามารถสังเกตเห็นคนร้ายได้โดยถนัดชัดเจน จำเลยให้การปฏิเสธตลอดมาตั้งแต่ต้นจนถึงชั้นพิจารณา ทั้งไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานสามารถตรวจยึดได้วัตถุพยานจากจำเลยอันจะเป็นข้อพิสูจน์แสดงว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้แต่อย่างใด พยานหลักฐานของโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9024/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาเป็นความผิดอื่น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 5พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8354/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหลังศาลชั้นต้นลงโทษกักขังแทนจำคุก และศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษกักขังแทนโทษจำคุก และศาลอุทธรณ์ภาค 9มิได้กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรี ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้เฉพาะในคดีซึ่งห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218,219 และ 220 เท่านั้น จะอนุญาตตามมาตรา 219 ตรีไม่ได้จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาล อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8322/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตรงกัน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากตึกแถวพิพาทแม้โจทก์จะกล่าวอ้างว่า ตึกแถวพิพาทอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่ต่ำกว่าเดือนละ6,000 บาท ซึ่งหมายถึงอาจให้เช่าได้เดือนละ 6,000 บาท หรือมากกว่านี้ก็ตามแต่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์เท่ากับค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา ข้อเท็จจริงจึงฟังยุติว่า ตึกแถวพิพาทอาจให้เช่าในขณะยื่นคำฟ้องเดือนละ 3,000 บาท ย่อมต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 วรรคสอง และ 248 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8254/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 216 เหตุจากจำเลยคัดลอกข้อความในอุทธรณ์มาใช้โดยมิได้คัดค้านข้อเท็จจริงในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดจริง พิพากษายืน จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์มีข้อพิรุธสงสัยโดยจำเลยมิได้กล่าวอ้างว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงข้อใด ตอนใดไม่ถูกต้องอย่างไร คงคัดลอกข้อความในอุทธรณ์มาไว้ในฎีกาเท่านั้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตาม ป.วิ.อ.มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8254/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 เนื่องจากเป็นการยกข้อกล่าวหาเดิมซ้ำ โดยไม่ได้โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดจริง พิพากษายืน จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์มีข้อพิรุธสงสัยโดยจำเลยมิได้กล่าวอ้างว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงข้อใดตอนใดไม่ถูกต้องอย่างไร คงคัดลอกข้อความในอุทธรณ์มาไว้ในฎีกาเท่านั้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7583/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขวิธีการลดโทษของศาลอุทธรณ์ภาค 2 และข้อจำกัดในการฎีกาเรื่องการลดโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยโดยรวมโทษจำคุกสำหรับความผิดทุกกระทงก่อนแล้วจึงลดโทษ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้ไขเฉพาะวิธีการลดโทษโดยนำโทษที่ศาลชั้นต้นกำหนดแต่ละกระทงมาลดโทษให้กึ่งหนึ่งก่อนแล้วจึงรวมโทษทุกกระทงเข้าด้วยกัน ไม่เป็นการแก้ไขบทความผิด จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2ยังคงลงโทษจำเลยในความผิดแต่ละกระทงไม่เกินห้าปีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในการกำหนดโทษจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6992/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลคดีมีทุนทรัพย์: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ได้ แม้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลในชั้นต้นเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์มาแต่ต้น และศาลชั้นต้นมิได้สั่งให้เรียกเก็บตามจำนวนทุนทรัพย์ จึงมิใช่เรื่องที่โจทก์ขัดขืนไม่ยอมเสียอันจะเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องโจทก์เสียได้ คดีนี้ความเพิ่งปรากฏในชั้นพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่าฟ้องโจทก์เป็นคดีมีทุนทรัพย์ จึงล่วงเลยเวลาที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะย้อนสำนวนไปสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นเสียให้ถูกต้อง เมื่อจำเลยเป็นผู้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ย่อมมีอำนาจ ที่จะสั่งให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่ยังขาดอยู่ให้ครบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตอุทธรณ์ฐานะคนอนาถาและขยายเวลาค่าธรรมเนียมศาล คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์อย่างคนอนาถา คำสั่งศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคท้าย เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลไปอีก 6 เดือน ศาลชั้นต้นยกคำร้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จำเลยจะฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีกหาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องอยู่ในกระบวนพิจารณาชั้นอุทธรณ์โดยเฉพาะต่อเนื่องจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่ง ป.วิ.พ มาตรา 156 วรรคท้าย บัญญัติให้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวนี้เป็นที่สุด ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6796/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีไม่มีทุนทรัพย์และการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งคดีผิดพลาด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของมารดาจำเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
คดีไม่มีทุนทรัพย์และต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์แล้ว เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 แต่จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ภาค 2ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีอำนาจที่จะสั่งว่า จำเลยทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ประกอบมาตรา 246 แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 กลับสั่งว่าคดีของจำเลยมีทุนทรัพย์ ให้ศาลชั้นต้นเรียกให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์แล้วให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอุทธรณ์ของจำเลยใหม่จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาหรือคำสั่งตามมาตรา 243 ประกอบมาตรา 247ปัญหานี้แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยและให้ยกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี กับให้ยกฎีกาของจำเลย
of 225