พบผลลัพธ์ทั้งหมด 284 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร่วมกันในสัญญาเช่าหลังหย่า: สัญญาทำก่อนหย่า สิทธิยังคงเป็นของทั้งสองฝ่ายหากไม่มีข้อตกลงแยก
ภรรยาเกิดระหองระแหงกับสามี จึงแยกไปทำสัญญาเช่าตึกในนามของภรรยา และอยู่ในตึกรายนี้ แต่ต่อมาได้คืนดีกัน และสามีได้มาอยู่รวมในตึกรายนี้ด้วย ภายหลังจึงได้ตกลงทำหนังสือหย่าขาดจากกัน แต่สามีก็ยังคงอยู่ในตึกรายนี้ด้วยตลอดมา ดังนี้ แม้สัญญาจะทำในนามของภรรยา แต่ขณะนั้นยังมิได้หย่าขาดจากกัน และการทำสัญญาเช่าก็ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยา ฉะนั้นสิทธิตามสัญญาเช่านี้จึงเป็นสิทธิรวมกันระหว่างสามีภรรยาเมื่อตกลงทำสัญญาหย่ากัน มิได้ตกลงในเรื่องสิทธิการเช่ารายนี้ประการใดแล้ว และทั้งสองฝ่ายยังครอบครองอยู่ด้วยตลอดมา จึงยังเป็นสิทธิร่วมกันอยู่ ภรรยาจะมาฟ้องขับไล่สามีให้ออกไปจากตึกเช่ายังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่าที่ศาลพิจารณาเหตุทิ้งร้าง แม้หนังสือหย่าไม่สมบูรณ์
โจทก์ ( ภริยา ) ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลย ( สามี ) ไปจดทะเบียนการหย่ากับโจทก์ หากไม่สามารถไปก็ขอให้มีคำสั่งให้กรมการอำเภอจดทะเบียนการหย่าให้โจทก์ ทั้งนี้โดยโจทก์อ้างเหตุว่าโจทก์จำเลยทะเลาะกันแล้วตกลงหย่ากันโดยทำหนังสือหย่ากันแล้วจำเลยก็ได้ขนทรัพย์สิ่งของอพยพไปอยู่ภูมิลำเนาเดิมของจำเลย มิได้เกี่ยวข้องกับโจทก์แต่อย่างใดเกิน 1 ปี ดังนี้ แม้หนังสือหย่าจะไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ศาลก็พิจารณาเหตุ ข้อที่ร้างเกิน 1 ปีเห็นเหตุหย่าได้ ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่าโดยการแยกกันอยู่เป็นเหตุ แม้หนังสือหย่าไม่สมบูรณ์
โจทก์(ภริยา)ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลย(สามี) ไปจดทะเบียนการหย่ากับโจทก์ หากไม่สามารถไปก็ขอให้มีคำสั่งให้กรมการอำเภอจดทะเบียนการหย่าให้โจทก์ ทั้งนี้โดยโจทก์อ้างเหตุว่าโจทก์จำเลยทะเลาะกันแล้วตกลงหย่ากันโดยทำหนังสือหย่ากันแล้ว จำเลยก็ได้ขนทรัพย์สิ่งของอพยพไปอยู่ภูมิลำเนาเดิมของจำเลย มิได้เกี่ยวข้องกับโจทก์แต่อย่างใดเกิน 1 ปี ดังนี้ แม้หนังสือหย่าจะไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ศาลก็พิจารณาเหตุข้อที่ร้างเกิน 1 ปีเป็นเหตุหย่าได้ ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 894/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่าต้องร้ายแรง แม้มีเหตุทะเลาะวิวาทและการผลักทำร้าย แต่ยังไม่ถึงขั้นให้หย่าได้
พฤติการณ์ที่ถือว่า เป็นเหตุหย่ายังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าห้องที่ขาดตอนหลังการแบ่งทรัพย์สินจากการหย่า การใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
โจทก์เช่าที่ของราชพัสดุแล้วปลูกห้องพิพาทให้จำเลยเช่าตอนนี้จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ แต่ต่อมาโจทก์หย่ากับสามี และแบ่งทรัพย์กัน โดยโจทก์ยกฟ้องพิพาทให้แก่สามีโจทก์ ๆ ขายห้องนี้ให้กับจำเลย การเช่าระหว่างโจทก์,จำเลยก็ขาดตอนไม่ติดต่อกันอีก จะใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ มาบังคับโจทก์ในตอนหลังนี้ ย่อมไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติของสามีที่ถือภริยาเป็นเพียงนางบำเรอ ถือเป็นการปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้หย่าได้
โจทก์ซึ่งเป็นภริยาฟ้องหย่าขาดจากจำเลย อ้างเหตุว่าไม่อุปการะเลี้ยงดูตามสมควรและทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง ได้ความว่าจำเลยถือว่าโจทก์เป็นนางบำเรอโดยซื้อมาและยังยืนยันให้การเช่นนั้นตลอดมา ดังนี้ถือว่า ที่จำเลยถือเอาฐานะโจทก์เป็นดังนั้น เป็นการปฏิบัติที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรงเพราะมิได้รับและยกย่องโจทก์เป็นภริยา เป็นเหตุให้หย่าได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติต่อภริยาเสมือนนางบำเรอ เป็นเหตุให้หย่าได้ แม้มีการอุปการะเลี้ยงดู
โจทก์ซึ่งเป็นภริยาฟ้องหย่าขาดจากจำเลย อ้างเหตุว่าไม่อุปการะเลี้ยงดูตามสมควรและทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง ได้ความว่าจำเลยถือว่าโจทก์เป็นนางบำเรอโดยซื้อมาและยังยืนยันให้การเช่นนั้นตลอดมาดังนี้ ถือว่า ที่จำเลยถือเอาฐานะโจทก์เป็นดังนั้น เป็นการปฏิบัติที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรงเพราะมิได้รับและยกย่องโจทก์เป็นภริยา เป็นเหตุให้หย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1179/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินระหว่างคู่ความที่เคยหย่าแล้วกลับมาอยู่กินกัน ศาลใช้หลักเจ้าของร่วม แม้ฟ้องผิดฐานะ
โจทก์ฟ้องขอหย่าและแบ่งสินสมรสจากจำเลย คดีได้ความว่า โจทก์จำเลยได้หย่าขาด และแบ่งทรัพย์กันแล้ว แต่กลับคืนดีกันอีก โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทรัพย์ที่ฟ้องคือทรัพย์ที่หามาได้ด้วยกันในตอนหลังนี้ ไม่เป็นสินสมรส
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์ในฐานเป็นสินสมรส เมื่อศาลไม่ฟังว่าเป็นสินสมรส แต่ศาลเห็นว่าเป็นทรัพย์ที่บุคคลสองคนร่วมกันหาได้มา บุคคลทั้งสองจะมีฐานะเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายหรือไม่ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่เป็นเจ้าของร่วมกันอยู่นั่นเอง ศาลย่อมแบ่งให้ได้
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์ในฐานเป็นสินสมรส เมื่อศาลไม่ฟังว่าเป็นสินสมรส แต่ศาลเห็นว่าเป็นทรัพย์ที่บุคคลสองคนร่วมกันหาได้มา บุคคลทั้งสองจะมีฐานะเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายหรือไม่ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่เป็นเจ้าของร่วมกันอยู่นั่นเอง ศาลย่อมแบ่งให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลือกที่อยู่ของสามีและผลต่อการฟ้องหย่า
การเลือกที่อยู่ตามกฎหมายสามีเป็นผู้เลือก
สามีเลือกที่อยู่โดยจะไปอยู่กินที่บ้านของบิดามารดาของสามี ภรรยาไม่ยอมไปเอง ดังนี้ภรรยาจะมาฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยา ย่อมไม่ได้.
สามีเลือกที่อยู่โดยจะไปอยู่กินที่บ้านของบิดามารดาของสามี ภรรยาไม่ยอมไปเอง ดังนี้ภรรยาจะมาฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยา ย่อมไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปิดคดีหน้าศาล การนำสืบหน้าที่ และการแบ่งสินสมรสเมื่อหย่า
ในวันนัดพิจารณาคู่ความโต้เถียงกันเรื่องหน้าที่นำสืบแล้วต่างแถลงต่อศาลว่าต่างฝ่ายไม่ติดใจสืบพยานด้วยกัน ขอให้ศาลวินิจฉัยคดีตลอดถึงเรื่องจะขอแถลงการณ์ประกอบภายใน 7 วัน ถ้าถึงกำหนดไม่แถลงขอให้ถือว่าไม่ติดใจแถลงดังนี้ถือว่าคู่ความขอปิดคดีของตนเสร็จแล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแถลงขอสืบพยานในภายหลัง ศาลก็ไม่มีเหตุอันใดจะอนุญาตได้
จำเลยรับว่าเป็นสามีภรรยากับโจทก์ แต่หย่ากันแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยจะนำสืบว่าหย่ากันแล้ว เมื่อจำเลยไม่นำสืบก็ต้องถือตามคำฟ้องของโจทก์ว่าโจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากัน
เหตุที่โจทก์จะหย่าขาดจากจำเลยได้หรือไม่นั้น โจทก์มีหน้าที่นำสืบ แต่จำเลยรับว่าได้หย่าขาดกับโจทก์ 5 ปี และจำเลยได้แต่งงานกับหญิงอื่นเป็นการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อโจทก์ และทอดทิ้งขาดการอุปการะต่อโจทก์ ถึง 5 ปีทั้งจำเลยก็ถือว่าได้หย่าขาดจากโจทก์แล้วดังนี้ โจทก์มีเหตุอันควรหย่าได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์1500(3)
ต่างฝ่ายต่างอ้างว่า ตนมีสินเดิมอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่มีแต่ต่างฝ่ายก็ไม่สืบพยานตามข้อกล่าวอ้าง ต้องถือว่าไม่มีสินเดิมทั้ง 2 ฝ่ายโจทก์ว่านาเป็นสินสมรส จำเลยว่าเป็นสินเดิมของจำเลย โจทก์ว่าสวนยางเป็นสินสมรสจำเลยไม่ให้การถึงเลยดังนี้ ต้องสันนิษฐานว่า นาและสวนยางเป็นสินสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1466 วรรค 2
จำเลยรับว่าเป็นสามีภรรยากับโจทก์ แต่หย่ากันแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยจะนำสืบว่าหย่ากันแล้ว เมื่อจำเลยไม่นำสืบก็ต้องถือตามคำฟ้องของโจทก์ว่าโจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากัน
เหตุที่โจทก์จะหย่าขาดจากจำเลยได้หรือไม่นั้น โจทก์มีหน้าที่นำสืบ แต่จำเลยรับว่าได้หย่าขาดกับโจทก์ 5 ปี และจำเลยได้แต่งงานกับหญิงอื่นเป็นการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อโจทก์ และทอดทิ้งขาดการอุปการะต่อโจทก์ ถึง 5 ปีทั้งจำเลยก็ถือว่าได้หย่าขาดจากโจทก์แล้วดังนี้ โจทก์มีเหตุอันควรหย่าได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์1500(3)
ต่างฝ่ายต่างอ้างว่า ตนมีสินเดิมอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่มีแต่ต่างฝ่ายก็ไม่สืบพยานตามข้อกล่าวอ้าง ต้องถือว่าไม่มีสินเดิมทั้ง 2 ฝ่ายโจทก์ว่านาเป็นสินสมรส จำเลยว่าเป็นสินเดิมของจำเลย โจทก์ว่าสวนยางเป็นสินสมรสจำเลยไม่ให้การถึงเลยดังนี้ ต้องสันนิษฐานว่า นาและสวนยางเป็นสินสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1466 วรรค 2