คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อัตราดอกเบี้ย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 317 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4434/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดอัตราดอกเบี้ยตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย การยกข้ออ้างใหม่ในชั้นอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์ว่า นับแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2525 ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เรียกดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ 18 ต่อปี โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี และฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละ 18 ต่อปี แต่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ในประเด็นนี้ไว้ โดยให้การเพียงว่ากรณีผิดนัดโจทก์เรียกดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเท่านั้น อุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4434/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดอัตราดอกเบี้ยตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวตั้งแต่ชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยอุทธรณ์ว่า นับแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2525ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เรียกดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ 18 ต่อปี โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี และฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละ 18 ต่อปี แต่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ในประเด็นนี้ไว้โดยให้การเพียงว่ากรณีผิดนัดโจทก์เรียกดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเท่านั้น อุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยปรับในสัญญาเช่าซื้อสูงเกินควร ศาลลดอัตราดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383
สัญญาเช่าซื้อกำหนดว่า เมื่อผู้ให้เช่าซื้อยึดทรัพย์สินที่เช่าซื้อคืน แล้วนำออกขายได้เงินเท่าใดให้นำไปชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ เหลือเท่าใดจำเลยยอมรับผิดในส่วนที่ขาด เป็นการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าอันมีลักษณะเป็นเบี้ยปรับหากสูงเกินควรศาลอาจลดลงได้ ดอกเบี้ยของค่าเสียหายที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้อข้อ 7อัตราร้อยละ 18 ต่อปี เป็นเบี้ยปรับและสูงเกินส่วน เห็นสมควรกำหนดให้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 383

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคิดดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงิน เริ่มนับจากวันที่ลงในตั๋วเงิน แม้ไม่ได้ระบุในตั๋ว
ป.พ.พ. ว่าด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ได้บัญญัติในเรื่องดอกเบี้ยไว้ แต่มาตรา 985 บัญญัติให้นำเอาบทบัญญัติว่าด้วยตั๋วแลกเงินมาบังคับ ซึ่งหมวดดังกล่าวมาตรา 911 บัญญัติว่า ผู้สั่งจ่ายจะเขียนข้อความกำหนดลงไว้ว่าจำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้นให้คิดดอกเบี้ยด้วยก็ได้ และกรณีเช่นนั้นถ้ามิได้กล่าวลงไว้เป็นอย่างอื่น ดอกเบี้ยย่อมคิดแต่วันที่ลงในตั๋วเงิน ดังนี้ เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทมิได้กล่าวถึงเรื่องการคิดดอกเบี้ยไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2517 อันเป็นวันที่ลงในตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นเป็นต้นไป หาใช่ตั้งแต่วันถึงกำหนดใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงิน: เริ่มนับจากวันที่ออกตั๋ว หากไม่ได้ระบุวันเริ่ม
ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ลูกหนี้ออกให้เจ้าหนี้ทั้ง 5 ฉบับกำหนดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 21 ต่อปี โดยมิได้ระบุให้คิดดอกเบี้ยตั้งแต่เมื่อใด จึงต้องคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ลงในตั๋วสัญญาใช้เงินจนถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 911 ประกอบมาตรา 985และ พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94 มิใช่คิดตั้งแต่วันถึงกำหนดใช้เงิน ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเบิกเกินบัญชี: สัญญาตกลงอัตราดอกเบี้ยสูงกว่ากฎหมายได้ หากมีข้อตกลงชัดเจน
จำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับโจทก์ จำเลยตกลงยอมเสียดอกเบี้ยให้โจทก์สำหรับเงินที่เบิกเกินบัญชีร้อยละสิบห้าครึ่งต่อปีส่วนจำนวนเงินที่เบิกเกินวงเงินตามสัญญาจำเลยยอมเสียร้อยละสิบเก้าต่อปี เมื่อมีการเลิกสัญญาโจทก์จึงมีเหตุตามสัญญาที่จะเรียกดอกเบี้ย ร้อยละสิบห้าครึ่งต่อปีต่อไปได้โดยชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยหลังเลิกสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี ธนาคารมีสิทธิคิดดอกเบี้ยตามที่ตกลงในสัญญาได้ หากไม่ขัดกฎหมาย
หนี้เงินนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224บัญญัติให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปีถ้าเจ้าหนี้อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้นโดยอาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้คงส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้นตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่ทำกันไว้ จำเลยยอมเสียดอกเบี้ยให้โจทก์สำหรับเงินที่เบิกเกินบัญชีร้อยละสิบห้าครึ่งต่อปีส่วนจำนวนเงินที่เบิกเกินวงเงินตามสัญญาจำเลยยอมเสียร้อยละสิบเก้าต่อปี เช่นนี้เมื่อมีการเลิกสัญญาโจทก์จึงมีเหตุตามสัญญาที่จะเรียกดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าครึ่งต่อปีต่อไปได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3479/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราปกติของสถาบันการเงินต้องมีการนำสืบหลักฐานยืนยันอัตราที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี
การที่โจทก์อ้างว่า โจทก์เป็นสถาบันการเงินมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ตาม พ.ร.บ. ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ. 2523 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2524ซึ่งให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินอาจคิดจากผู้กู้ยืมสูงกว่าร้อยละ 15 ต่อปี แต่ไม่เกินร้อยละ 19 ต่อปีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ประกาศให้สถาบันการเงินมีสิทธิคิดดอกเบี้ยเงินกู้ตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว แม้ประกาศดังกล่าวหากมีอยู่จริงไม่ใช่ข้อกฎหมายที่ศาลจะรับรู้เอง และมิใช่เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลรับรู้ได้เอง แต่เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบ เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏ ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยในอัตราตามที่โจทก์อ้าง ซึ่งเกินไปจากอัตราปกติตามที่กฎหมายกำหนด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2260/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยทบต้นหลังสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุด: ศาลตัดสินอัตราดอกเบี้ยที่ถูกต้อง
สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีมีกำหนดเวลาชำระหนี้คืนไว้แน่นอนเมื่อไม่ปรากฏว่าธนาคารโจทก์ยอมให้จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีอีกต่อไปนับแต่วันสิ้นสุดของสัญญา ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยนำเงินเข้าบัญชีเพื่อหักทอนหนี้ พฤติการณ์แสดงว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายถือว่าสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเป็นอันสิ้นสุดลงตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้หลังจากนั้นธนาคารโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นอีกต่อไป ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกำหนดให้ธนาคารโจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปีได้ อันเป็นไปตามสิทธิที่โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ตามพ.ร.บ.ให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ. 2523 แม้สัญญาสิ้นสุดลงแล้วธนาคารโจทก์ก็ยังคิดดอกเบี้ยแบบไม่ทบต้นในอัตราดังกล่าวไว้ต่อไปเพราะถือได้ว่าจำเลยตกลงให้คิดได้มาแต่ต้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2260/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยทบต้นหลังสัญญาสิ้นสุด: สิทธิคิดดอกเบี้ยตามอัตราสัญญาเดิม และขอบเขตการคิดดอกเบี้ยหลังสัญญาหมดอายุ
นับแต่วันสิ้นสุดสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี ธนาคารโจทก์ไม่ได้ยอมให้จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีต่อไปอีก ทั้งจำเลยที่ 1 ไม่ได้นำเงินเข้าเพื่อหักทอนหนี้ของยอดเงินที่ค้างชำระแสดงว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายให้ถือสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเป็นอันสิ้นสุดลงตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุในสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้จนถึงวันสิ้นสุดของสัญญา หลังจากนั้นโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นอีกต่อไป ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจำเลยที่ 1 ตกลงให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปีได้ อันเป็นไปตามสิทธิที่โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่าอัตราร้อยละ 15 ต่อปีตามพระราชบัญญัติให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ. 2523 หลังจากสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุดลงแล้ว โจทก์ก็มีสิทธิที่จะคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปีได้ เพราะถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ตกลงให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นแล้ว
of 32