คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 703 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1293/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหมิ่นประมาทและการแจ้งความเท็จ: การบรรยายฟ้องที่เพียงพอและการพิจารณาความผิดฐานอาญา
ฟ้องความผิดฐานหมิ่นประมาทที่ได้กระทำด้วยหนังสือนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) บัญญัติไว้ 2 ประการ คือ ให้กล่าวไว้โดยบริบูรณ์หรือติดมาท้ายฟ้อง เมื่อฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถ้อยคำอันเป็นข้อสำคัญที่ทำให้เห็นว่าเป็นการหมิ่นประมาทแล้ว แม้โจทก์จะไม่สามารถส่งเอกสารที่อ้างว่าเป็นการใส่ความโจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ฟ้องโจทก์ก็ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนความผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องไว้ครบถ้วนแล้วเช่นกัน เมื่อการกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง มิใช่เป็นการรายงานต่อผู้บังคับบัญชาตามสายงานจำเลยก็อาจมีความผิดฐานหมิ่นประมาทและฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตามที่โจทก์ฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาไม่รอการลงโทษ และจำเลยไม่ได้รับอนุญาตฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก1ปีรอการลงโทษไว้2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษคดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา219เมื่อจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาตามมาตรา221ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับพิจารณาได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษทางอาญาจากความสำนึกผิดของผู้กระทำความผิดในคดีฆ่าผู้อื่น
จำเลยสำนึกผิดในการกระทำของตนต่อผู้ตายซึ่งจำเลยหลงรักถือเป็นสามีเมื่อแทงและฟันผู้ตายจนล้มลงแล้วจำเลยมีโอกาสหลบหนีไปได้แต่ไม่หลบหนีกลับเข้าประคองกอดผู้ตายไว้จนสิ้นใจตายรอให้เจ้าพนักงานมาจับตัวไปดำเนินคดีและให้การรับสารภาพเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานด้วยความสำนึกผิดไม่ได้คิดที่จะต่อสู้คดีมาตั้งแต่ต้น การรับสารภาพของจำเลยจึงไม่ใช่รับเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานและเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษศาลลดโทษให้จำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีอาญาฐานฉ้อโกง ย่อมระงับสิทธิฟ้องคดีฐานฉ้อโกงได้ แต่ไม่กระทบความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
ผู้เสียหายมีหนังสือถึงจำเลยมีใจความว่า ผู้เสียหายได้รับเงิน จำนวน 10,000 บาทจากจำเลยเป็นค่าชดใช้เงินที่ได้ฉ้อโกงไปจากผู้เสียหาย ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจแล้วผู้เสียหายไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดที่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ดังกล่าวอีกต่อไป ดังนี้ ถือได้ว่าผู้เสียหายและจำเลยได้ตกลงยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ความผิดฐานฉ้อโกงตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 เป็นความผิดอันยอมความกันได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ลงโทษจำเลย ในความผิดฐานนี้ไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหาย
ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 และมาตรา 268 นั้น ไม่ใช่ความผิดอันยอมความได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมไม่ระงับเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารและใช้เอกสารที่ตนปลอมนี้ด้วยกรณีเช่นนี้มาตรา 268 วรรค 2 บัญญัติให้ลงโทษตาม มาตรา 268 แต่กระทงเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพูดแดกดัน ไม่ถึงขั้นดูหมิ่น หรือทำให้เสียหาย ไม่เป็นความผิดอาญา
จำเลยต่อว่าผู้เสียหายทั้งสี่ว่าไม่ล้างจานข้าว ผู้เสียหายว่าไม่มีคนล้างจาน จำเลยจึงกล่าวต่อผู้เสียหาย ทั้งสี่ว่า 'สี่คนไม่ใช่คนหรือไง' ดังนี้ เป็นเพียงคำแดกดันหรือประชดประชันด้วยความไม่พอใจเท่านั้น ไม่มีความหมายอันจะเป็นการดูหมิ่นผู้เสียหาย ทั้งยังไม่พอถือว่าทำให้ผู้เสียหายได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393, 397

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2721/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ ถือเป็นข้อสำคัญในคดีอาญา
การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์นั้น การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์และระยะเวลาแห่งการครอบครองย่อมเป็นข้อสำคัญในคดีการที่จำเลยเบิกความในคดีแพ่ง ซึ่งจำเลยร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดว่าเจ้าของที่ดินยกที่ดินให้จำเลยพร้อมกับมอบโฉนดให้และจำเลยครอบครอง ทำประโยชน์ติดต่อกันมาอย่างเป็นเจ้าของประมาณ15 ปีแล้วซึ่งเป็นความเท็จย่อมเป็นการเบิกความอันเป็นเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดีจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1905/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวจากพฤติกรรมข่มเหงและทำร้ายทรัพย์สิน: บันดาลโทสะทางอาญา
จำเลยเป็นอาจารย์ใหญ่ส่วนผู้เสียหายเป็นครูอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ผู้เสียหายขอไปดื่มสุราที่บ้านของจำเลยเพื่อจะ เรียกร้อง ขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ขณะที่ผู้เสียหายไปถึงบ้านของจำเลยนั้น ผู้เสียหายมีอาการเมาสุรามากแล้วครั้นจำเลยปฏิเสธ การขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ผู้เสียหายก็แสดง อาการไม่พอใจทุบแก้ว และขวดสุราอันเป็นการก้าวร้าวจำเลยซึ่ง เป็นผู้บังคับบัญชา เมื่อจำเลยวิ่งหนีผู้เสียหายก็วิ่งตาม โดยถือคอขวดที่ทุบแตก ซึ่งสามารถใช้เป็นอาวุธได้ในสภาพ เช่นนั้นและยังเข้าโยกราวบันได อันเป็นการพยายาม ทำให้เสียทรัพย์ แล้วกล่าวแก่จำเลยว่า "มึงจะหนีไปไหน" ซึ่งเป็นกิริยาที่พออนุมานได้ว่าผู้เสียหาย จะประทุษร้าย จำเลยโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้พูดหรือแสดงกิริยาอะไร ที่ เป็นการตอบโต้จะเข้าวิวาทกับผู้เสียหาย พฤติการณ์ของผู้เสียหายเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนมายิง ผู้เสียหายในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำความผิด โดยบันดาลโทสะตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษทางอาญาเมื่อพ้นโทษไม่ครบ 3 ปี: การรอการลงโทษไม่ถือเป็นการพ้นโทษ
คำว่าพ้นโทษตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.2472ก็คือพ้นโทษที่ได้รับจริงๆในคดีก่อนเมื่อในคดีก่อนจำเลยไม่ได้รับโทษจำคุกโดยศาลรอการลงโทษไว้มีกำหนด 1ปีจึงไม่มีวันพ้นโทษจำคุกที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยได้และการที่ศาลรอการลงโทษจำคุกไว้ ก็ไม่ใช่โทษซึ่งเมื่อครบ 1 ปีตามที่รอไว้แล้วจะได้เป็นการพ้นโทษไปได้ในตัวทั้งมาตรา 58 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายอาญาก็บัญญัติไว้ด้วยว่าถ้าภายในเวลาที่ศาลได้กำหนดตามมาตรา 56 ผู้นั้นมิได้กระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรกของ มาตรา 58 นั้น ก็ให้ผู้นั้นพ้นจากการที่จะถูกลงโทษในคดีนั้นซึ่งก็แสดงอยู่ชัดแจ้งว่าผู้นั้นหรือจำเลยไม่เคยถูกลงโทษมาก่อนนั่นเองกรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยพ้นโทษแล้วยังไม่ครบ 3 ปี มากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติฝิ่นนี้อีกจึงเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.2472 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณลดโทษทางอาญา: การลดมาตราส่วนโทษและเหตุบรรเทาโทษต้องถูกต้องตามกฎหมาย
ฎีกาที่ว่า ศาลอุทธรณ์คำนวณการลดโทษให้จำเลยไม่ถูกต้องเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณลดโทษทางอาญา: ลดมาตราส่วนโทษและลดโทษจากคำรับสารภาพ ต้องคำนวณตามลำดับและถูกต้อง
ฎีกาที่ว่า ศาลอุทธรณ์คำนวณการลดโทษให้จำเลยไม่ถูกต้องเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
of 71