คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนาทุจริต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 431 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการทำสัญญาเช่าซื้อและการมีอำนาจฟ้องคดีฉ้อโกง
จำเลยชื่ออำนาจ สุนทโรทยาน บ้านอยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ ใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ร่วมโดยมีเจตนาทุจริตว่าจำเลยชื่อคล้าย บ้านอยู่อำเภอพิบูลมังษาหาร อุบลราชธานี เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อยินยอมทำสัญญาให้จำเลยเช่าซื้อรถยนต์และส่งมอบรถยนต์ให้จำเลย แล้วจำเลยนำรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปที่ประเทศลาวและหลบหนีไปโดยไม่ได้ติดต่อกับโจทก์ร่วม และไม่ได้ใช้เงินตามสัญญาเช่าซื้อ เช่นนี้แสดงว่าจำเลยหาได้มีเจตนาผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อในทางแพ่งไม่ การแสดงเจตนาทำสัญญาเช่าซื้อของจำเลยเป็นแต่เพียงแผนการหรืออุบายในเชิงหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งรถยนต์เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดทางอาญาในฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการทำสัญญาเช่าซื้อและการมีอำนาจฟ้องในคดีฉ้อโกง
จำเลยชื่ออำนาจ สุนทโรทยาน บ้านอยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ร่วมโดยมีเจตนาทุจริตว่าจำเลยชื่อคล้าย บ้านอยู่อำเภอพิบูลมังษาหาร อุบลราชธานี เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อยินยอมทำสัญญาให้จำเลยเช่าซื้อรถยนต์และส่งมอบรถยนต์ให้จำเลย แล้วจำเลยนำรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปที่ประเทศลาวและหลบหนีไปโดยไม่ได้ติดต่อกับโจทก์ร่วม และไม่ได้ใช้เงินตามสัญญาเช่าซื้อ เช่นนี้แสดงว่าจำเลยหาได้มีเจตนาผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อในทางแพ่งไม่ การแสดงเจตนาทำสัญญาเช่าซื้อของจำเลยเป็นแต่เพียงแผนการหรืออุบายในเชิงหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งรถยนต์เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดทางอาญาในฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีลักทรัพย์โดยไม่ระบุคำว่า 'ลัก' หรือ 'โดยทุจริต' ยังไม่ทำให้ฟ้องเสีย หากเนื้อหาบ่งชี้เจตนาทุจริต
บรรยายฟ้องคดีลักทรัพย์ว่า จำเลยได้บังอาจร่วมกับ ม.ใช้ค้อนงัดเอาคิ้วทองเหลืองของพื้นตึกของผู้เสียหายไป แม้จะมิได้ระบุคำว่า "ลัก" และคำว่า "โดยทุจริต" ก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เสียไป เพราะบรรยายไม่ครบองค์ประกอบความผิด เพราะคำว่า"บังอาจ" กับคำว่า"เอาไป" ประกอบกันก็บ่งอยู่แล้วว่ากระทำโดยทุจริตอยู่ในตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้เจ้าหนี้ แม้เชื่อมั่นในผลคดี ศาลฎีกาตัดสินว่าเป็นการโกงเจ้าหนี้
เดิมโจทก์ฟ้องส. ภรรยาโจทก์ กับ ก. ม. และ ฮ. ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินอันเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับ ส. ซึ่ง ส.ทำนิติกรรมขายให้ ก. ม. และ ฮ. ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นก. ม. และ ฮ. เอาที่ดินพิพาทไปขายให้จำเลยที่ 1 โจทก์จึงขอให้ศาลเรียกจำเลยที่ 1 เข้ามาเป็นจำเลยร่วม คดีนั้นศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายระหว่าง ส. กับ ก. ม. และ ฮ. กับ ให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายระหว่าง ก. ม. ฮ. กับจำเลยที่ 1 ก. กับพวกและจำเลยที่ 1 ฎีกา เมื่อคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยที่ 1 เอาที่พิพาทไปทำสัญญาขายฝากไว้กับจำเลยที่ 2มีกำหนดเวลาไถ่คืนเพียง 3 เดือน แล้วไม่ไถ่คืนภายในกำหนดดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาโอนที่พิพาทให้จำเลยที่ 2เพื่อไม่ให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของตนซึ่งได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้แล้วได้รับชำระหนี้ทั้งหมด การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 จำเลยจะอ้างว่าที่ขายฝากเพราะจำเลยที่ 1 เชื่อว่าศาลฎีกาจะต้องพิพากษาให้จำเลยที่ 1ชนะคดีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการหลอกลวงเอาทรัพย์สิน (เงินและกระสอบ) ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง แม้ทรัพย์สินนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของอุบายหลอกลวง
จำเลยมิได้มีเจตนาจะนำแร่มาขายให้ผู้เสียหาย ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าจะขายแร่พลวงให้ และขอรับราคาค่าแร่ทั้งหมดกับขอรับกระสอบไปใส่แร่ด้วย โดยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกผลจากการหลอกลวงดังกล่าว ทำให้จำเลยได้รับเงินค่าแร่และกระสอบ 30 ใบ ไปจากผู้เสียหายในคราวเดียวกัน ดังนี้แม้เงินค่าแร่จะเป็นทรัพย์สินซึ่งเป็นวัตถุประสงค์อันสำคัญที่จำเลยมุ่งหมายหลอกลวงไปจากผู้เสียหาย ส่วนกระสอบนั้นจำเลยหลอกลวงให้ผู้เสียหายส่งให้เพื่อให้สมกับอุบายของจำเลยที่อ้างว่ามีแร่ที่จะขายให้เท่านั้นก็ตาม แต่การที่จำเลยได้กระสอบไปด้วยนี้ ก็ได้ไปจากการหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะใส่แร่พลวงมาส่งให้ โดยจำเลยมิได้ตั้งใจจะนำกระสอบไปใส่แร่พลวงมาส่งให้แก่ผู้เสียหายเลย แสดงว่าจำเลยมีเจตนามาแต่แรกแล้วว่าจะหลอกลวงเอากระสอบ 30 ใบนี้จากผู้เสียหายด้วยเหมือนกัน จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงกระสอบด้วยส่วนการที่ผู้เสียหายเข้าใจว่าให้กระสอบแก่จำเลยไปในลักษณะเป็นการยืมใช้คงรูปนั้นก็เป็นความเข้าใจผิดของผู้เสียหายซึ่งถูกจำเลยหลอกลวงเพียงฝ่ายเดียวจำเลยหาได้ตั้งใจปฏิบัติตามที่ผู้เสียหายหลงเข้าใจอยู่ไม่ และการที่จำเลยได้กระสอบไปจากผู้เสียหายเช่นนี้ เป็นการครอบครองอันได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหาย จึงมิใช่การครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นอันจะเป็นความผิดฐานยักยอก (อ้างฎีกาที่ 345/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตตั้งแต่แรกในการหลอกลวงเอาทรัพย์สิน (เงินและกระสอบ) เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง
จำเลยมิได้มีเจตนาจะนำแร่มาขายให้ผู้เสียหาย ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าจะขายแร่พลวงให้ และขอรับราคาค่าแร่ทั้งหมดกับขอรับกระสอบไปใส่แร่ด้วย โดยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกผลจากการหลอกลวงดังกล่าว ทำให้จำเลยได้รับเงินค่าแร่และกระสอบ 30 ใบ ไปจากผู้เสียหายในคราวเดียวกัน ดังนี้ แม้เงินค่าแร่จะเป็นทรัพย์สินซึ่งเป็นวัตถุประสงค์อันสำคัญที่จำเลยมุ่งหมายหลอกลวงไปจากผู้เสียหาย ส่วนกระสอบนั้นจำเลยหลอกลวงให้ผู้เสียหายส่งให้เพื่อให้สมกับอุบายของจำเลยที่อ้างว่ามีแร่ที่จะขายให้เท่านั้นก็ตาม แต่การที่จำเลยได้กระสอบไปด้วยนี้ ก็ได้ไปจากการหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะใส่แร่พลวงมาส่งให้ โดยจำเลยมิได้ตั้งใจจะนำกระสอบไปใส่แร่พลวงมาส่งให้แก่ผู้เสียหายเลย แสดงว่าจำเลยมีเจตนามาแต่แรกแล้วว่าจะหลอกลวงเอากระสอบ 30 ใบนี้จากผู้เสียหายด้วยเหมือนกัน จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงกระสอบด้วยส่วนการที่ผู้เสียหายเข้าใจว่าให้กระสอบแก่จำเลยไปในลักษณะเป็นการยืมใช้คงรูปนั้น ก็เป็นความเข้าใจผิดของผู้เสียหายซึ่งถูกจำเลยหลอกลวงเพียงฝ่ายเดียว จำเลยหาได้ตั้งใจปฏิบัติตามที่ผู้เสียหายหลงเข้าใจอยู่ไม่ และการที่จำเลยได้กระสอบไปจากผู้เสียหายเช่นนี้ เป็นการครอบครองอันได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหาย จึงมิใช่การครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นอันจะเป็นความผิดฐานยักยอก (อ้างฎีกาที่ 345/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์พิจารณาเจตนาทุจริตจำเลยแล้วยกฟ้องได้ แม้มีประเด็นอายุความ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลสั่งรับอุทธรณ์เรื่องอายุความข้อเดียวในการวินิจฉัยเรื่องอายุความนี้ ศาลอุทธรณ์จำต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเพื่อนำมาปรับกับบทกฎหมายว่าคดีขาดอายุความหรือไม่เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตศาลอุทธรณ์ย่อมยกข้อเท็จจริงนี้ขึ้นเป็นเหตุยกฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185, 215 เพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามมาตรา 195 วรรคสองโจทก์จะฎีกาโต้แย้งว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือมิได้กล่าวในฟ้อง (อุทธรณ์) ย่อมฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นเจตนาทุจริตได้ แม้จำเลยอุทธรณ์เฉพาะเรื่องอายุความ เป็นเหตุให้ยกฟ้องได้ตามกฎหมายความสงบเรียบร้อย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลสั่งรับอุทธรณ์เรื่องอายุความข้อเดียวในการวินิจฉัยเรื่องอายุความนี้ ศาลอุทธรณ์จำต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเพื่อนำมาปรับกับบทกฎหมายว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต ศาลอุทธรณ์ย่อมยกข้อเท็จจริงนี้ขึ้นเป็นเหตุยกฟ้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185,215 เพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามมาตรา 195 วรรคสองโจทก์จะฎีกาโต้แย้งว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือสั่งเกินคำขอ หรือมิได้กล่าวในฟ้อง (อุทธรณ์) ย่อมฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คโดยเจตนาทุจริตและอำนาจร้องทุกข์ของผู้เสียหายจากเช็ค
จำเลยออกเช็คให้กับร้าน ม. เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเจ้าของร้าน ม. ย่อมได้รับความเสียหาย ต. และ ก.สามีภรรยาเป็นเจ้าของร้าน ม. ร่วมกัน ก.จึงเป็นผู้เสียหายด้วยผู้หนึ่งมีอำนาจร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงาน ดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันชีวิตโมฆียะจากเจตนาทุจริตของผู้เอาประกัน และการนำสืบพยานเอกสาร
ต้นฉบับเอกสารเกี่ยวกับประวัติการเจ็บป่วยของคนไข้ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลบันทึกไว้หาไม่พบ จำเลยย่อมนำสืบข้อเท็จจริงโดยอาศัยภาพถ่ายอันเป็นสำเนาเอกสารนั้นแทนต้นฉบับได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2) และมาตรา 123
ผู้เอาประกันชีวิตรู้ตัวดีว่าตนป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและปัสสาวะเป็นเลือดก่อนขอเข้าทำสัญญาประกันชีวิต แต่ก็ละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงให้บริษัทประกันชีวิตทราบ สัญญาประกันชีวิตย่อมตกเป็นโมฆียะ
ผู้ตายทำสัญญาประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยโดยระบุให้ผู้เยาว์คนหนึ่งเป็นผู้รับประโยชน์เมื่อปรากฏว่า สัญญาประกันชีวิตรายนี้เป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865และบริษัทจำเลยได้บอกล้างไปยังผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์นั้นแล้ว สัญญานั้นย่อมตกเป็นโมฆะ
of 44