พบผลลัพธ์ทั้งหมด 341 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีและการขาดนัดพิจารณา: จำเป็นต้องมีคำร้องขอเลื่อนคดีก่อน หากไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชอบที่จะพิจารณาต่อไปได้
คำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยอ้างว่าจำเลยติดธุระสำคัญ ไม่อาจมาศาลได้เพราะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหลายวัน แต่ไม่ปรากฏว่าทนายจำเลยติดธุระอะไร สำคัญเพียงใดจนไม่อาจมาศาลได้และจำเป็นอย่างไรต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหลายวัน รวมทั้งไปจังหวัดไหน ห่างไกลศาลเท่าไร เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีเหตุผลสมควรจะสั่งให้เลื่อนคดี ถึงวันนัดพิจารณาจำเลยก็ไม่มาศาลดังนี้เห็นได้ว่าจำเลยประวิงคดี ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและให้สืบพยานโจทก์ไปในนัดนั้นได้
การดำเนินกระบวนพิจารณาที่ศาลจะมีคำสั่งว่าคู่ความฝ่ายใดขาดนัดพิจารณา ย่อมจะมีได้เพียงกรณีเดียวดังที่บัญญัติไว้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง เมื่อปรากฏว่าในวันสืบพยานฝ่ายจำเลยไม่มาศาล แต่ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีไว้ก่อนวันสืบพยานแล้ว จึงถือได้ว่าคู่ความซึ่งเป็นฝ่ายจำเลยได้ร้องขอเลื่อนคดี หรือได้แจ้งเหตุขัดข้องที่มาศาลไม่ได้ให้ศาลทราบก่อนลงมือสืบพยานแล้ว ไม่ใช่กรณีที่จำเลยไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุขัดข้องอันจะถือว่าเป็นการขาดนัดพิจารณา การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี และมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว และพิพากษาให้จำเลยรับผิด เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณา โดยสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
การดำเนินกระบวนพิจารณาที่ศาลจะมีคำสั่งว่าคู่ความฝ่ายใดขาดนัดพิจารณา ย่อมจะมีได้เพียงกรณีเดียวดังที่บัญญัติไว้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง เมื่อปรากฏว่าในวันสืบพยานฝ่ายจำเลยไม่มาศาล แต่ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีไว้ก่อนวันสืบพยานแล้ว จึงถือได้ว่าคู่ความซึ่งเป็นฝ่ายจำเลยได้ร้องขอเลื่อนคดี หรือได้แจ้งเหตุขัดข้องที่มาศาลไม่ได้ให้ศาลทราบก่อนลงมือสืบพยานแล้ว ไม่ใช่กรณีที่จำเลยไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุขัดข้องอันจะถือว่าเป็นการขาดนัดพิจารณา การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี และมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว และพิพากษาให้จำเลยรับผิด เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณา โดยสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีซ้ำโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ถือเป็นการประวิงคดี ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนได้
ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะทนายเองป่วยมาครั้งหนึ่งแล้วศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีและกำชับว่านัดหน้า ให้เตรียมพยานมาให้พร้อม จะไม่ให้เลื่อนคดีอีก นัดต่อมาทนายจำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าตัวจำเลยป่วยกะทันหันอยู่ที่ต่างจังหวัดโดยในคำร้องก็ไม่ระบุว่าจำเลยคนใดป่วย ป่วยเป็นอะไร อยู่ที่จังหวัดใด ทั้งพยานอื่นทนายจำเลยก็ไม่จัดให้มาเบิกความ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยประวิงคดี ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการไม่อนุญาตเลื่อนคดีเมื่อจำเลยอ้างเหตุไม่ชัดเจนและไม่สามารถนำพยานมาสืบได้
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วยเป็นไข้หวัด ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีแต่กำชับไว้ว่านัดหน้าให้จำเลยนำพยานมาสืบ เมื่อถึงวันนัดสืบพยานครั้งต่อมา ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกอ้างเหตุว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ติดกิจธุระสำคัญที่ต่างจังหวัด ไม่สามารถกลับมาทันเวลาศาลนัดได้โดยทนายจำเลยไม่สามารถแถลงให้ศาลทราบได้ว่าไปกิจธุระอะไรที่จังหวัดใด จำเลยยื่นบัญชีพยานระบุตัวจำเลยที่ 2 ที่ 3 กับพยานอื่นอีกหนึ่งปากเท่านั้น ทั้งศาลได้กำหนดวันนัดสืบพยานจำเลยไว้ล่วงหน้านานพอสมควรหากติดธุระจริง พยานจำเลยคนใดคนหนึ่งจะต้องมาศาลได้ ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามเป็นการประวิงคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบฉันทะให้เสมียนทนายยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ทนายจำเลยต้องรับรู้ผลคำสั่งศาลเสมือนตนเอง
ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนคดีไปยื่นต่อศาล จำต้องรับรู้ผลของการเลื่อนคดีหรือกำหนดเวลาไต่สวนตามคำสั่งของศาลเสมือนตนขอเลื่อนคดี และฟังคำสั่งของศาลด้วยตนเองเมื่อศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีเพียงสามวันโดยเสมียนทนายมิได้โต้แย้งทนายจำเลยจึงต้องมีหน้าที่ต้องมาศาลตามวันเวลานัด.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4714/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: การเลื่อนคดีและการดำเนินคดีอนาถา กำหนดเวลาและขอบเขต
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้องในวันเดียวกัน ผู้ร้องจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีได้ แม้จะมิได้โต้แย้งไว้
การอุทธรณ์ดังกล่าวมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (2) มิใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งต้องอุทธรณ์ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์เรื่องการขอเลื่อนคดี ศาลฎีกาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ในประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ได้
การอุทธรณ์ดังกล่าวมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (2) มิใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งต้องอุทธรณ์ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์เรื่องการขอเลื่อนคดี ศาลฎีกาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ในประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4714/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: การแยกพิจารณาคำสั่งเลื่อนคดีและคำสั่งยกคำร้องดำเนินคดีอนาถา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้องในวันเดียวกัน ผู้ร้องจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีได้ แม้จะมิได้โต้แย้งไว้
การอุทธรณ์ดังกล่าวมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226(2) มิใช่เป็นการอุทธรณ์ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งต้องอุทธรณ์ ภายใน กำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่ ผู้ร้องอุทธรณ์เรื่องการขอเลื่อนคดี ศาลฎีกาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ ในประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ได้
การอุทธรณ์ดังกล่าวมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226(2) มิใช่เป็นการอุทธรณ์ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งต้องอุทธรณ์ ภายใน กำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่ ผู้ร้องอุทธรณ์เรื่องการขอเลื่อนคดี ศาลฎีกาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ ในประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3949/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีโดยไม่มีมูลเหตุ และผลของการไม่ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล
การนัดสืบพยานโจทก์ตามที่ทนายจำเลยขอเลื่อนนั้น ทนายจำเลยเป็นผู้กำหนดขอให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์เอง และตามคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยดังกล่าว ได้อ้างเหตุว่าติดว่าความในคดีอื่น ซึ่งปรากฏว่าในคดีนั้นคู่ความมิได้แต่งตั้งทนายจำเลยคดีนี้เป็นทนายความ ดังนี้การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงปราศจากมูลเหตุที่จะอ้าง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใด เว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐานได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 และ 90 ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ตามมาตรา 88 จำเลยจึงไม่อาจนำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใด เว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐานได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 และ 90 ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ตามมาตรา 88 จำเลยจึงไม่อาจนำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3949/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีโดยไม่มีเหตุอันสมควร และผลกระทบต่อการนำสืบพยานหลักฐานในศาล
การนัดสืบพยานโจทก์ตามที่ทนายจำเลยขอเลื่อนนั้น ทนายจำเลย เป็นผู้กำหนดขอให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์เอง และตาม คำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยดังกล่าวได้อ้างเหตุว่าติดว่าความ ในคดีอื่น ซึ่งปรากฏว่าในคดีนั้นคู่ความมิได้แต่งตั้งทนายจำเลยคดีนี้ เป็นทนายความ ดังนี้การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงปราศจากมูลเหตุที่จะอ้าง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใด เว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐาน ได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ ในมาตรา 88 และ 90 ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ตามมาตรา 88 จำเลยจึงไม่อาจ นำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใด เว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐาน ได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ ในมาตรา 88 และ 90 ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ตามมาตรา 88 จำเลยจึงไม่อาจ นำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3949/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และผลกระทบต่อการนำพยานหลักฐานเข้าสืบ
มาตรา40,87,88วรรคแรก,90 การนัดสืบพยานโจทก์ตามที่ทนายจำเลยขอเลื่อนนั้นทนายจำเลยเป็นผู้กำหนดขอให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์เองและตามคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยดังกล่าวได้อ้างเหตุว่าติดว่าความในคดีอื่นซึ่งปรากฏว่าในคดีนั้นคู่ความมิได้แต่งตั้งทนายจำเลยคดีนี้เป็นทนายความดังนี้การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงปราศจากมูลเหตุที่จะอ้าง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา87บัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานใดเว้นแต่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานหลักฐานได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา88และ90ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามมาตรา88จำเลยจึงไม่อาจนำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสมควรเลื่อนคดี: การป่วยของจำเลยและพยานที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน ไม่ถือว่าประวิงคดี
ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกซึ่งจำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยเดินทางไปทำธุรกิจที่จังหวัดเลย แล้วป่วยกะทันหันไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ ขอเลื่อนคดี โจทก์แถลงคัดค้านว่าจำเลยประวิงคดี และไม่มีพยานมาสืบ โจทก์มิได้คัดค้านโดยตรงว่าจำเลยมิได้ป่วย ทั้งมิได้คัดค้านว่าคำร้องของจำเลยไม่เป็นความจริงฟังได้ว่าจำเลยป่วยมีอาการท้องเดินและอ่อนเพลียมาศาลไม่ได้จริง นับว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดี พยานจำเลยตามบัญชีพยานปรากฏว่านอกจากจำเลยอ้างตนเองแล้วมี ส. อีกเพียงคนเดียว แม้ ส. เป็นพยานซึ่งจำเลยมีหน้าที่นำมาเบิกความต่อศาลแต่จำเลยไม่นำมา ก็ได้ความว่าในวันนั้น ส. อยู่ที่จังหวัดเลยเช่นเดียวกันเมื่อคำนึงถึงเหตุที่จำเลยป่วยประกอบด้วยแล้ว การที่จำเลยไม่นำ ส. มาเบิกความยังถือไม่ได้ว่าจำเลยประวิงคดีและไม่มีพยานมาสืบ นอกจากนี้หากพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ในเนื้อหาของคดีประกอบกับประโยชน์แห่งความยุติธรรมด้วย กรณีมีเหตุสมควรให้จำเลยเลื่อนคดี