พบผลลัพธ์ทั้งหมด 258 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี ถือเป็นการกระทำที่ศาลสามารถเพิกถอนสัญญาได้
รถยนต์ของจำเลยชนกับรถยนต์ของผู้อื่นเสียหายเขาได้มีหนังสือมาขอให้ใช้ค่าเสียหายแก่เขาจำเลยไปติดต่อแล้ว แต่ว่าจะปรึกษากันดูก่อนครั้นแล้วกลับเอาที่ดินของจำเลยไปขายให้แก่พี่ชาย เพื่อป้องกันมิให้ถูกยึดทรัพย์ ถ้าแพ้คดีแก่เขา ซึ่งพี่ชายผู้รับซื้อก็ทราบดี ดังนี้ เมื่อเขาชนะคดีในเรื่องเรียกค่าเสียหายเพราะรถยนต์จำเลยชนรถยนต์ของเขาแล้วเขามีสิทธิขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยกับพี่ชายเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินสินสมรสเพื่อชำระหนี้ระหว่างคดี: จำเลยไม่สามารถโอนได้โดยสมบูรณ์หากโจทก์ไม่ยินยอม
ระหว่างคดีที่ภริยาฟ้องหย่าและแบ่งสินบริคณห์สามีทำยอมความเอาที่ดินสินสมรสใช้หนี้ในคดีที่มีผู้ฟ้องสามีเป็นจำเลย โดยภริยาไม่ได้ยินยอมด้วย สามีจะโอนที่ดินไปโดยสมบูรณ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าต่ออายุโดยคำมั่นของผู้ให้เช่าเดิม และการทำสัญญาใหม่หลังโอนทรัพย์สิน ผู้เช่ามีสิทธิเช่าจนครบสัญญาใหม่
ให้เช่าโรงสี 3 ปี มีข้อสัญญาว่าเมื่อครบ 3 ปีแล้วผู้ให้เช่ายังไม่ได้โอนโรงสีให้ผู้ใด ต้องยอมให้เช่าต่อไปอีก 2 ปี เป็นคำมั่นจะให้เช่า ไม่เป็นการให้เช่าเกิน 3 ปี
ผู้รับโอนโรงสีลงชื่อในบันทึก ให้การเช่าเป็นไปตามสัญญาที่ผู้โอนทำไว้ และคงให้ผู้เช่าเช่าต่อไปตามคำมั่นโดยไม่ทักท้วง ผู้รับโอนต้องผูกพันตามสัญญาเช่าที่เกิดจากคำมั่นในสัญญาเช่านั้น
ผู้รับโอนโรงสีลงชื่อในบันทึก ให้การเช่าเป็นไปตามสัญญาที่ผู้โอนทำไว้ และคงให้ผู้เช่าเช่าต่อไปตามคำมั่นโดยไม่ทักท้วง ผู้รับโอนต้องผูกพันตามสัญญาเช่าที่เกิดจากคำมั่นในสัญญาเช่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้หลังแพ้คดี ถือเป็นการฉ้อฉล
อำเภอชี้ขาดให้จำเลยชำระค่านายหน้าแก่โจทก์ จำเลยลงชื่อยินยอมปฏิบัติตามสัญญายอมความของอำเภอ ต่อมาอีก 5 วันจำเลยจึงโอนขายที่ดินของจำเลยให้ผู้ร้อง สัญญาระบุว่าซื้อขาย แต่ความจริงไม่มีค่าตอบแทน ดังนี้
เมื่อจำเลยไม่ชำระค่านายหน้าให้โจทก์ๆฟ้องคดี จนศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมนำยึดที่ดินของจำเลย ดังกล่าวเพื่อการบังคับคดีได้ เพราะการโอนให้ผู้ร้องดังกล่าว เป็นการทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ย่อมขอให้เพิก ถอนการฉ้อฉลได้ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 237./
เมื่อจำเลยไม่ชำระค่านายหน้าให้โจทก์ๆฟ้องคดี จนศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมนำยึดที่ดินของจำเลย ดังกล่าวเพื่อการบังคับคดีได้ เพราะการโอนให้ผู้ร้องดังกล่าว เป็นการทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ย่อมขอให้เพิก ถอนการฉ้อฉลได้ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 237./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินเพื่อฉ้อฉลเจ้าหนี้หลังมีคำชี้ขาดคดี ทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ
อำเภอชี้ขาดให้จำเลยชำระค่านายหน้าแก่โจทก์ จำเลยลงชื่อยินยอมปฏิบัติตามสัญญายอมความของอำเภอ ต่อมาอีก 5 วันจำเลยจึงโอนขายที่ดินของจำเลยให้ผู้ร้อง สัญญาระบุว่าซื้อขาย แต่ความจริงไม่มีค่าตอบแทน ดังนี้
เมื่อจำเลยไม่ชำระค่านายหน้าให้โจทก์ๆ ฟ้องคดี จนศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมนำยึดที่ดินของจำเลยดังกล่าวเพื่อการบังคับคดีได้ เพราะการโอนให้ผู้ร้องดังกล่าว เป็นการทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ย่อมขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
เมื่อจำเลยไม่ชำระค่านายหน้าให้โจทก์ๆ ฟ้องคดี จนศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมนำยึดที่ดินของจำเลยดังกล่าวเพื่อการบังคับคดีได้ เพราะการโอนให้ผู้ร้องดังกล่าว เป็นการทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ย่อมขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินโดยบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติเป็นโมฆะ ผู้ซื้อสิทธิไม่ดีกว่าผู้โอน
บุคคลที่ทางราชการได้ประกาศเป็นบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติแล้วนั้น ยังขืนโอนทรัพย์สินของตนให้ผู้อื่นไป การโอนนั้นย่อมเป็นการละเมิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมตัวและการควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่สัตรูต่อสหประชาชาติ จึงตกเป็นโมฆะฉะนั้นถ้ามีผู้ใดรับซื้อทรัพย์ทีโอนนั้นไปอีก ก็ไม่ทำให้ผู้ซื้อมีสิทธิดีกว่า ผู้โอน ก.ท.ส. จึงมีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์นั้นคืนมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายโดยอ้อมและการฟ้องเรียกเงินตามสัญญา การโอนทรัพย์สินและผลผูกพัน
บิดามีความประสงค์จะโอนปืนให้แก่บุตร แต่บุตรเป็นคนต่างด้าวทางอำเภอไม่ยอมโอนปืนให้ บิดาจึงโอนปืนให้บุตรเขยซึ่งเป็นคนไทยแล้วให้บุตรเขยทำสัญญากู้เงินบุตร 2000 บาท เป็นราคาปืนที่บุตรควรจะได้แล้วบิดาได้โอนปืนให้บุตรเขยเด็ดขาด ใบอนุญาตก็เป็นชื่อบุตรเขย ดังนี้บุตรเขยต้องรับผิดชอบใช้เงิน 2000 บาทให้แก่บุตร ฉะนั้นบุตรจึงมีอำนาจฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้พร้อมทั้งดอกเบี้ยตามสัญญากู้จากบุตรเขยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1877/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ในการพิสูจน์การโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลาย และขอบเขตการใช้มาตรา 114
การโอนทรัพย์สินของลูกหนี้ในระหว่าง 3 ปีก่อนล้มละลายนั้นพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 114 บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของผู้รับโอนจะแสดงให้ศาลพอใจว่าการโอนนั้นได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ส่วนกรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้ศาลเพิกถอนการฉ้อฉลตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 113 นั้นหาได้มีบทบัญญัติเรื่องหน้าที่นำสืบเป็นคุณแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังเช่นการโอนทรัพย์ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 114 ดังกล่าวไม่จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องนำสืบให้ได้ความว่ามีการฉ้อฉลกัน
การจำนองทรัพย์สินหาใช่เป็นการโอนทรัพย์สินตาม พระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 114 จึงจะนำมาตรา 114 มาใช้บังคับไม่ได้
การจำนองทรัพย์สินหาใช่เป็นการโอนทรัพย์สินตาม พระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 114 จึงจะนำมาตรา 114 มาใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการละเมิด แม้โอนทรัพย์สินไปแล้ว สิทธิยังคงอยู่
มีผู้ทำละเมิดให้เสียหายแก่อสังหาริมทรัพย์ในขณะที่เจ้าของทรัพย์ยังเป็นเจ้าของทรัพย์นั้นอยู่แม้ภายหลังได้โอนทรัพย์นั้นให้แก่ผู้อื่นไปแล้ว ก็ยังมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายแก่ผู้ทำละเมิดนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดก: ทรัพย์สินเดิมที่โอนระหว่างสมรส อาจต้องนำมาใช้ทดแทนสินเดิมที่ขาดไปได้
โจทก์เป็นบุตรผู้ตาย จำเลยเป็นภรรยาผู้ตาย โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าทรัพย์หมาย ก.1 เดิมเป็นของผู้ตายมาแต่ก่อนที่ได้ทำการสมรสกับจำเลย เมื่อผู้ตายกับจำเลยสมรสกันแล้ว ผู้ตายได้โอนทรัพย์แปลงนั้นให้แก่บิดาจำเลย ต่อมาบิดาจำเลยจึงได้โอนให้จำเลยในระหว่างสมรสนั้นฟ้องโจทก์ก็กล่าวความท้าวถึงข้อเท็จจริงเช่นว่านี้ แล้วอ้างว่าทรัพย์หมาย ก.1 จึงกลับคืนเป็นสินเดิมอีกวาระหนึ่ง หรือมิฉะนั้นก็เป็นทรัพย์ที่ทดแทนสินเดิมที่ขาดไป ฉะนั้นที่โจทก์แถลงรับในรายงานพิจารณาว่าเป็นสินสมรสจึงมิได้หมายความว่าสินสมรสนั้นจะไม่ต้องเอามาใช้สินเดิมที่ขาดไปของผู้ตาย
จำเลยได้แถลงต่อศาลว่าจะขอสืบว่าที่ดินตามหมาย ก.1 เป็นสินสอด โดยผู้ตายสัญญาว่าจะโอนให้บิดาจำเลยก่อนแต่งงานแล้วต่อมาจึงได้โอนให้ไป ซึ่งข้อเท็จจริงที่จำเลยจะขอสืบนี้ ถ้าเป็นความจริงอาจถือได้ว่า ผู้ตายจำหน่ายสินเดิมของตนเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว โดยไม่ได้ยินยอมด้วย กรณีอาจต้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1514ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจึงไม่ชอบ
จำเลยได้แถลงต่อศาลว่าจะขอสืบว่าที่ดินตามหมาย ก.1 เป็นสินสอด โดยผู้ตายสัญญาว่าจะโอนให้บิดาจำเลยก่อนแต่งงานแล้วต่อมาจึงได้โอนให้ไป ซึ่งข้อเท็จจริงที่จำเลยจะขอสืบนี้ ถ้าเป็นความจริงอาจถือได้ว่า ผู้ตายจำหน่ายสินเดิมของตนเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว โดยไม่ได้ยินยอมด้วย กรณีอาจต้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1514ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจึงไม่ชอบ