พบผลลัพธ์ทั้งหมด 328 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินร่วมกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส การโอนที่ดินโดยไม่สุจริต และสิทธิเรียกร้องเพิกถอนการจดทะเบียน
ขณะที่ ห. กับโจทก์อยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสนั้น ห. กับโจทก์เอาเงินที่หาได้ร่วมกันไปซื้อที่ดินพิพาท โจทก์จึงเป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกับ ห. ต่อมา ห. กับจำเลยจดทะเบียนซื้อขายโอนที่พิพาททั้งแปลงโดยไม่สุจริตการที่ ห. กับจำเลยจดทะเบียนโอนที่พิพาทส่วนของโจทก์ด้วยนั้น จึงเป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของโจทก์ได้อยู่ก่อนแล้ว ฉะนั้น แม้การโอนจะมีค่าตอบแทน แต่เมื่อจำเลยผู้รับโอนกระทำการโดยไม่สุจริตแล้ว โจทก์ย่อมเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินเพื่อชำระหนี้ - เพิกถอนนิติกรรมเนื่องจากทายาทโอนทรัพย์สินทิ้งก่อนชำระหนี้ให้เจ้าหนี้
บิดาจำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำสัญญาให้โจทก์ไว้มีความว่า บิดาจำเลยได้ขายฝากที่ดินพิพาทอันมี ส.ค.1 ให้โจทก์ทำผลประโยชน์ในที่ดินแทนดอกเบี้ยเป็นเวลา 4 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วถ้าไม่นำเงินมาชำระจะยอมโอนที่พิพาทให้โจทก์เป็นจำนวนเงินหกหมื่นบาท และยอมส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่โจทก์ในวันถัดจากวันครบกำหนด บิดาจำเลยได้รับราคาดังกล่าวไปแล้ว ดังนี้ไม่ใช่สัญญาขายฝากที่พิพาท แต่เป็นเรื่องกู้เงินโดยมอบที่พิพาทให้ทำนาต่างดอกเบี้ย ครั้นบิดาจำเลยตาย จำเลยที่ 1 ที่ 2 รับสภาพหนี้โดยให้โจทก์ทำนาต่อมา เมื่อหนี้ถึงกำหนดจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตกลงกับโจทก์ขอชำระหนี้ด้วยที่พิพาทโดยขอเงินเพิ่มจากโจทก์อีกโจทก์ตกลงและจ่ายเงินให้บางส่วนแล้ว ส่วนที่เหลือจะจ่ายให้ในวันโอน เมื่อที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า การที่โจทก์ได้รับมอบให้ครอบครองที่พิพาทต่อมานับแต่ตกลงกันนั้น หนี้ของโจทก์จึงเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 ที่พิพาทย่อมตกเป็นของโจทก์ การที่จำเลยจะไปโอนให้แก่โจทก์นั้นเป็นเพียงพิธีการ โจทก์มีสิทธิบังคับให้จำเลยโอนให้ และรับเงินที่ยังค้างอยู่ได้และเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตกลงกับโจทก์แล้ว จำเลยที่ 1 กลับโอนที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 3 เจ้าหนี้อีกรายหนึ่งไป โดยจำเลยที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้เพิกถอนการโอนระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 3 เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินโดยเสน่หาทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ และความเป็นส่วนควบของสิ่งปลูกสร้าง
จำเลยที่ 1 อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นพี่ ยอมให้จำเลยที่ 3 ดำเนินการให้มีการก่อสร้างตึกแถวขึ้นในที่ดินของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 3 ได้ตกลงให้ผู้รับเหมาลงทุนก่อสร้างตึกแถวในที่ดินนั้นและให้ผู้รับเหมาเรียกเงินกินเปล่าจากผู้เช่าโดยตึกที่ก่อสร้างตกเป็นของเจ้าของที่ดิน แม้จำเลยที่ 3 จะได้รับประโยชน์ค่าหน้าดินและค่าเช่าเสียทั้งหมด ก็จะถือว่าจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของที่ดินได้ก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินเป็นคุณแก่จำเลยที่ 3 โดยให้จำเลยที่ 3 มีสิทธิเป็นเจ้าของตึกที่ก่อสร้างขึ้นหาได้ไม่ ตึกนั้นเป็นส่วนควบของที่ดินของจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 ไปทำสัญญาจะขายที่ดินของตนให้แก่โจทก์ระหว่างที่สัญญายังมีผลบังคับอยู่ จำเลยที่ 1กลับโอนแบ่งที่ดินนั้นครึ่งหนึ่งให้แก่จำเลยที่ 2, 3 โดยเสน่หาการกระทำเช่นนี้ย่อมจะทำให้โจทก์ซึ่งจะได้รับผลตามสัญญาจะซื้อขายต้องเสียเปรียบ แม้จำเลยที่ 3, 4 ผู้รับโอนมิได้รู้ถึงความจริงนี้ แต่เมื่อเป็นการโอนให้โดยเสน่หา เพียงแต่จำเลยที่ 1 รู้ฝ่ายเดียวโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้เพิกถอนได้
จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 ไปทำสัญญาจะขายที่ดินของตนให้แก่โจทก์ระหว่างที่สัญญายังมีผลบังคับอยู่ จำเลยที่ 1กลับโอนแบ่งที่ดินนั้นครึ่งหนึ่งให้แก่จำเลยที่ 2, 3 โดยเสน่หาการกระทำเช่นนี้ย่อมจะทำให้โจทก์ซึ่งจะได้รับผลตามสัญญาจะซื้อขายต้องเสียเปรียบ แม้จำเลยที่ 3, 4 ผู้รับโอนมิได้รู้ถึงความจริงนี้ แต่เมื่อเป็นการโอนให้โดยเสน่หา เพียงแต่จำเลยที่ 1 รู้ฝ่ายเดียวโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้เพิกถอนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินช่วงสัญญาจะซื้อขาย & สิทธิในสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน การเพิกถอนนิติกรรม
จำเลยที่ 1 อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นพี่ ยอมให้จำเลยที่ 3 ดำเนินการให้มีการก่อสร้างตึกแถวขึ้นในที่ดินของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 3 ได้ตกลงให้ผู้รับเหมาลงทุนก่อสร้างตึกแถวในที่ดินนั้นและให้ผู้รับเหมาเรียกเงินกินเปล่าจากผู้เช่าโดยตึกที่ก่อสร้างตกเป็นของเจ้าของที่ดิน แม้จำเลยที่ 3 จะได้รับประโยชน์ค่าหน้าดินและค่าเช่าเสียทั้งหมด ก็จะถือว่าจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของที่ดินได้ก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินเป็นคุณแก่จำเลยที่ 3 โดยให้จำเลยที่ 3 มีสิทธิเป็นเจ้าของตึกที่ก่อสร้างขึ้นหาได้ไม่ ตึกนั้นเป็นส่วนควบของที่ดินของจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 ไปทำสัญญาจะขายที่ดินของตนให้แก่โจทก์ระหว่างที่สัญญายังมีผลบังคับอยู่ จำเลยที่ 1 กลับโอนแบ่งที่ดินนั้นครึ่งหนึ่งให้แก่จำเลยที่ 2, 3 โดยเสน่หา การกระทำเช่นนี้ย่อมจะทำให้โจทก์ซึ่งจะได้รับผลตามสัญญาจะซื้อขายต้องเสียเปรียบ แม้จำเลยที่ 3, 4 ผู้รับโอนมิได้รู้ถึงความจริงนี้แต่เมื่อเป็นการโอนให้โดยเสน่หา เพียงแต่จำเลยที่ 1 รู้ฝ่ายเดียวโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้เพิกถอนได้
จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 ไปทำสัญญาจะขายที่ดินของตนให้แก่โจทก์ระหว่างที่สัญญายังมีผลบังคับอยู่ จำเลยที่ 1 กลับโอนแบ่งที่ดินนั้นครึ่งหนึ่งให้แก่จำเลยที่ 2, 3 โดยเสน่หา การกระทำเช่นนี้ย่อมจะทำให้โจทก์ซึ่งจะได้รับผลตามสัญญาจะซื้อขายต้องเสียเปรียบ แม้จำเลยที่ 3, 4 ผู้รับโอนมิได้รู้ถึงความจริงนี้แต่เมื่อเป็นการโอนให้โดยเสน่หา เพียงแต่จำเลยที่ 1 รู้ฝ่ายเดียวโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้เพิกถอนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1426/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในที่ดินร่วมไม่กระทบสิทธิภารจำยอมเดิม
เจ้าของที่ดินที่ซึ่งมีทางภารจำยอมโดยอายุความอยู่ก่อนแล้ว โอนขายที่ดินบางส่วนให้แก่ผู้ซื้อโดยเติมผู้ซื้อลงในโฉนดร่วมกับตน ดังนี้ ไม่เป็นเหตุทำให้การจำยอมซึ่งมีอยู่แต่เดิมสิ้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1512/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินมือเปล่าต้องมีการประกาศขายก่อน หากจำเลยอ้างเหตุไม่สมเหตุผล ศาลถือว่าจำเลยผิดสัญญา
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เจ้าพนักงานจะรับจดทะเบียนโอนให้แก่คู่กรณีได้ต่อเมื่อได้มีการประกาศขายมีกำหนด 30 วัน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ข้อ 5 เสียก่อน ฉะนั้น การที่โจทก์จำเลยได้ไปอำเภอในวันที่ 1 สิงหาคม 2510 ตามสัญญา ก็เพื่อจะดำเนินการประกาศขายดังกล่าวข้างต้น แต่จำเลยกลับไม่ยอมประกาศขายโดยอ้างเหตุว่าโจทก์มีเงินสดชำระเพียง 20,000 บาท ส่วนอีก 37,500 บาทโจทก์จะขอจ่ายเป็นเช็คลงวันล่วงหน้าในเมื่อครบประกาศแล้วหนึ่งเดือนข้ออ้างดังกล่าวของจำเลยฟังไม่ขึ้นเพราะเหตุว่าในวันนั้นโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายผู้ซื้อยังไม่มีหน้าที่ต้องชำระเงินค่าที่ดินให้กับจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายผู้ขายแต่อย่างใดเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินโดยมิชอบ การฟ้องขับไล่ และค่าเสียหายจากการทำประโยชน์ในที่ดิน
การที่โจทก์แบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรและบุตรอื่นทำกินมิได้ทำให้โจทก์หมดสิทธิหรือขาดประโยชน์ในที่พิพาทเมื่อจำเลยที่ 2 เข้าทำนาพิพาทโจทก์ห้ามแต่จำเลยที่ 2 ไม่ฟังเป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้ทำนาแล้ว แม้โจทก์อายุมาก ทำนาเองไม่ได้ ก็ไม่เป็นเหตุให้อ้างได้ว่าโจทก์ไม่เสียหาย
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอบกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวนแสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลื่อน ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอบและจำเลยที่ 1 เสียได้
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอบกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวนแสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลื่อน ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอบและจำเลยที่ 1 เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินโดยมิชอบและการเรียกร้องค่าเสียหายจากการบุกรุกทำกิน แม้ผู้ให้แบ่งที่ดินไม่มีสิทธิทำกินเอง ก็ยังคงได้รับความเสียหาย
การที่โจทก์แบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรและบุตรอื่นทำกิน. มิได้ทำให้โจทก์หมดสิทธิหรือขาดประโยชน์ในที่พิพาท. เมื่อจำเลยที่ 2 เข้าทำนาพิพาท.โจทก์ห้ามแต่จำเลยที่ 2 ไม่ฟัง. เป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้ทำนาแล้ว. แม้โจทก์อายุมาก. ทำนาเองไม่ได้. ก็ไม่เป็นเหตุให้อ้างได้ว่าโจทก์ไม่เสียหาย.
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง. ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอบกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น. ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ 1. ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวน.แสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลื่อน. ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอบและจำเลยที่ 1 เสียได้.
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง. ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอบกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น. ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ 1. ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวน.แสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลื่อน. ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอบและจำเลยที่ 1 เสียได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันยอมความและการโอนที่ดินพิพาท โจทก์มีสิทธิขอให้ศาลสืบพยานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันยอมความ โดยจำเลยที่ 1 สมยอมยกที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 ซึ่งประเด็นข้อนี้จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ. ดังนี้ ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ. โจทก์และจำเลยที่ 2 ชอบที่จะนำสืบตามประเด็นแห่งคดีให้สิ้นกระแสความได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1296/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการโอนที่ดินโดยสุจริต ศาลฎีกาพิจารณาประเด็นการให้การของจำเลยที่ไม่ชัดเจน
จำเลยให้การในการตอนต้นแต่เพียงว่าฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริง นอกจากที่จำเลยให้การต่อไปนี้ ขอให้ถือว่าจำเลยปฏิเสธทั้งสิ้น และในคำให้การต่อไปของจำเลยก็มิได้แสดงให้ชัดแจ้งว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธของโจทก์ที่วา โจทก์ครอบครองที่พิพาทมา 40 ปีย่อมได้กรรมสิทธิ์ เช่นนี้ กรณีจึงมีลักษณะเป็นว่าจำเลยเพียงแต่กล่าวปฏิเสธลอย ๆ และมิได้ให้การโดยชัดแจ้งว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการปฏิเสธนั้น คดีจึงต้องฟังว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครอง