พบผลลัพธ์ทั้งหมด 271 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้บทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในคดีอาญาเพื่อเลื่อนการไต่สวน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ได้บัญญัติเรื่องการขอเลื่อนคดีไว้โดยเฉพาะ จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 มาใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันขายทอดตลาด: จำเลยมีสิทธิคัดค้านภายใน 8 วัน หากไม่ได้รับแจ้งโดยชอบ ศาลต้องไต่สวนเพื่อพิสูจน์
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่แจ้งวันขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ยึดมาตามคำพิพากษาให้จำเลยทราบก่อนวันขายทอดตลาดนั้น จำเลยย่อมยื่นคำร้องคัดค้านได้เมื่อยังไม่พ้นกำหนด 8 วัน นับแต่วันที่จำเลยได้ทราบ
เมื่อยังไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยได้รับแจ้งวันขายทอดตลาดโดยชอบหรือไม่ก็ชอบที่ศาลจะทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งต่อไป
เมื่อยังไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยได้รับแจ้งวันขายทอดตลาดโดยชอบหรือไม่ก็ชอบที่ศาลจะทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการไต่สวนคำร้องขัดทรัพย์ก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย
เมื่อมีการยึดทรัพย์ ประกาศขายทอดตลาดและร้องขัดทรัพย์ไว้ก่อนจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย ระหว่างนัดไต่สวนสืบพยานผู้ร้อง จึงปรากฏว่าจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด กรณีเช่นนี้ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะไต่สวนและมีคำสั่งไปได้ ผู้ร้องไม่ต้องไปร้องขัดทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดทรัพย์เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงหนี้ การไต่สวนพยานหลักฐาน และเงื่อนไขการถอนอายัด
เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์ของจำเลยโดยได้ไต่สวนพยานหลักฐานของโจทก์ แล้วจำเลยจะต้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นว่าพยานหลักฐานไม่พอที่จะออกคำสั่งเช่นนั้นไม่ได้ ได้แต่ร้องขอให้ถอนการอายัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 261 ซึ่งจะต้องแสดงเหตุให้ศาลเห็นว่าไม่สมควรใช้วิธีการที่กำหนดไว้นั้นต่อไปหรือสมควรแก้ไขวิธีการนั้น
ถ้าตามรูปคดีและพฤติการณ์มีทางน่ากลัวว่าจำเลยอาจโอนทรัพย์ไปเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ก็เป็นเหตุให้ศาลสั่งยึดหรืออายัดตามมาตรา 255 (2) (ข) ได้แล้ว
ถ้าตามรูปคดีและพฤติการณ์มีทางน่ากลัวว่าจำเลยอาจโอนทรัพย์ไปเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ก็เป็นเหตุให้ศาลสั่งยึดหรืออายัดตามมาตรา 255 (2) (ข) ได้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดไต่สวนและการพิจารณาคำร้องใหม่ ศาลมีดุลยพินิจรับคำร้องได้หากมีเหตุผลสมควรและรีบดำเนินการ
ศาลสั่งว่าผู้ร้องขาดนัดให้ยกคำร้อง ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องอ้างเหตุว่า การที่ผู้ร้องและพยานผู้ร้องไม่ได้อยู่ที่ศาลขณะเจ้าพนักงานศาลเรียกหาตัวเพื่อจะได้ดำเนินการไต่สวนนั้น เป็นเพราะทนายของผู้ร้องไม่มาศาล ผู้ร้องจึงไปติดตามหาทนาย ต่อเมื่อไม่พบก็ได้รีบกลับมาที่ศาลอีก ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่พนักงานศาลรายงานว่าผู้ร้องไม่มาศาลเพียงชั่วโมง ดังนี้ เป็นการสมควรที่ศาลระงับคำร้องไว้ดำเนินการพิจารณาแล้วมีคำสั่งได้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยเงินจากการขายทอดตลาด: ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องหนี้สมยอมก่อนพิจารณาคำขอ
เจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาในคดีอื่น ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเงินในการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยในคดีหนึ่ง โจทก์คัดค้านว่าหนี้ซึ่งเจ้าหนี้นำมาฟ้องจำเลยนั้นเกิดขึ้นโดยสมยอมกันดังนี้ ศาลจำต้องไต่สวนฟังพยานหลักฐานว่าจำเลยเป็นหนี้จริงหรือไม่ ไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องฟ้องขอให้ทำลายคำพิพากษาในคดีที่เจ้าหนี้ร้องขอเฉลี่ยเงินเสียก่อน เพราะโจทก์ยืนยันอยู่แล้วว่ามูลหนี้ที่เจ้าหนี้และจำเลยสมยอมกันก่อให้เกิดคำพิพากษาอันไม่มีมูลหนี้ และทำให้โจทก์เสียเปรียบเกิดขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยเงินจากการขายทอดตลาด: ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องหนี้สมยอมก่อนพิจารณาคำร้อง
เจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาในคดีอื่น ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเงินในการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยในคดีหนึ่งโจทก์คัดค้านว่าหนี้ซึ่งเจ้าหนี้นำมาฟ้องจำเลยนั้นเกิดขึ้นโดยสมยอมกันดังนี้ ศาลจำต้องไต่สวนฟังพยานหลักฐานว่าจำเลยเป็นหนี้จริงหรือไม่ไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องฟ้องขอให้ทำลายคำพิพากษาในคดีที่เจ้าหนี้ร้องขอเฉลี่ยเงินเสียก่อนเพราะโจทก์ยืนยันอยู่แล้วว่ามูลหนี้ที่เจ้าหนี้นำมาฟ้องจำเลยในคดีนั้นไม่มีอยู่จริงเจ้าหนี้และจำเลยสมยอมกันก่อให้เกิดคำพิพากษาอันไม่มีมูลหนี้และทำให้โจทก์เสียเปรียบเกิดขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปในการเพิกถอนใบอนุญาตเมื่อมีพฤติกรรมเสื่อมเสียและกระบวนการไต่สวน
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปซึ่งตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลป พ.ศ.2479 มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายนี้โดยเด็ดขาดเกี่ยวกับการสั่งพักหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลปศาลไม่อาจเข้าไปวินิจฉัยซ้อนการวินิจฉัยของคณะกรรมการดังกล่าว เว้นแต่จะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ผิดกฎหมาย
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปพิจารณาเห็นว่าโจทก์มีความประพฤติไม่ดีโดยต้องคำพิพากษาให้จำคุกฐานแจ้งความเท็จแต่ให้รอการลงโทษจำคุกและต้องคดีฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงแต่อัยการถอนฟ้อง เพราะโจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก็ดีคณะกรรมการถือว่า โจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ คณะกรรมการเห็นว่า โจทก์ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 14(2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลปของโจทก์และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตามพระราชกฤษฎีกามอบให้ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปฯไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14(2)ว่า ให้ทำตามแบบฟอร์มหมายเรียกของพนักงานสอบสวนหรือศาลฉะนั้น จะทำเป็นหนังสือธรรมดาแต่ให้มีข้อความว่าเรียกตัวไปไต่สวนเรื่องนี้ก็พอแล้ว
คณะอนุกรรมการมีอำนาจไต่สวนพยานหลักฐานไปฝ่ายเดียวลับหลังผู้ถูกไต่สวน เมื่อผู้ถูกไต่สวนไม่ยอมรับหนังสือ เรียกและไม่ไปแก้ข้อหาดังกล่าว
ประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปมีอำนาจสั่งให้คณะอนุกรรมการทำการไต่สวนเรื่องโจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะทำให้เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพได้ตาม มาตรา9 และเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งได้ความดังกล่าวข้างต้นผู้ช่วยอนามัยจังหวัดและอนามัยอำเภอจึงเสนอเรื่องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอต่อไปยังประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลป เช่นนี้ เป็นการปฏิบัติตามระเบียบราชการ ไม่เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือละเมิดโจทก์ประการใด
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปพิจารณาเห็นว่าโจทก์มีความประพฤติไม่ดีโดยต้องคำพิพากษาให้จำคุกฐานแจ้งความเท็จแต่ให้รอการลงโทษจำคุกและต้องคดีฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงแต่อัยการถอนฟ้อง เพราะโจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก็ดีคณะกรรมการถือว่า โจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ คณะกรรมการเห็นว่า โจทก์ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 14(2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลปของโจทก์และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตามพระราชกฤษฎีกามอบให้ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปฯไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14(2)ว่า ให้ทำตามแบบฟอร์มหมายเรียกของพนักงานสอบสวนหรือศาลฉะนั้น จะทำเป็นหนังสือธรรมดาแต่ให้มีข้อความว่าเรียกตัวไปไต่สวนเรื่องนี้ก็พอแล้ว
คณะอนุกรรมการมีอำนาจไต่สวนพยานหลักฐานไปฝ่ายเดียวลับหลังผู้ถูกไต่สวน เมื่อผู้ถูกไต่สวนไม่ยอมรับหนังสือ เรียกและไม่ไปแก้ข้อหาดังกล่าว
ประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปมีอำนาจสั่งให้คณะอนุกรรมการทำการไต่สวนเรื่องโจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะทำให้เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพได้ตาม มาตรา9 และเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งได้ความดังกล่าวข้างต้นผู้ช่วยอนามัยจังหวัดและอนามัยอำเภอจึงเสนอเรื่องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอต่อไปยังประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลป เช่นนี้ เป็นการปฏิบัติตามระเบียบราชการ ไม่เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือละเมิดโจทก์ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาทรัพย์ยึด: ศาลต้องกำหนดตามสมควร หากไม่มีข้อตกลง และไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อคำนวณจำนวนที่เหมาะสม
ในเรื่องค่ารักษาทรัพย์นั้นควรที่จะได้ตกลงกำหนดกันไว้แล้วตั้งแต่แรกพร้อมด้วยการรับรู้ของฝ่ายที่นำยึด เมื่อมิได้มีการตกลงกำหนดกันไว้ โดยปรกติผู้รักษาทรัพย์ก็ควรที่จะได้ค่ารักษาทรัพย์บ้างตามจำนวนเงินที่ศาลเห็นสมควร
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึดกับโจทก์ผู้นำยึดต่างโต้เถียงกันในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งยึด และมิได้ปรากฎว่ามีการรับรองกันในความข้อใดแม้ความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นคนกลางที่ใกล้ชิดกับความจริง ก็ไม่มีปรากฎในสำนวน จึงไม่มีข้อเท็จจริงประการใดในสำนวนเลยที่จะเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณว่า มากน้อยเพียงใดจึงจะเป็นจำนวนเงินที่สมควรเช่นนี้ ศาลต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ แล้วสั่งตามรูปคดี
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึดกับโจทก์ผู้นำยึดต่างโต้เถียงกันในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งยึด และมิได้ปรากฎว่ามีการรับรองกันในความข้อใดแม้ความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นคนกลางที่ใกล้ชิดกับความจริง ก็ไม่มีปรากฎในสำนวน จึงไม่มีข้อเท็จจริงประการใดในสำนวนเลยที่จะเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณว่า มากน้อยเพียงใดจึงจะเป็นจำนวนเงินที่สมควรเช่นนี้ ศาลต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ แล้วสั่งตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาทรัพย์ยึด: ศาลต้องไต่สวนและกำหนดจำนวนเงินที่สมควร แม้มิได้ตกลงกันตั้งแต่แรก
ในเรื่องค่ารักษาทรัพย์นั้นควรที่จะได้ตกลงกำหนดกันไว้แล้วตั้งแต่แรกพร้อมด้วยการรับรู้ของฝ่ายที่นำยึดเมื่อมิได้มีการตกลงกำหนดกันไว้ โดยปกติผู้รักษาทรัพย์ก็ควรที่จะได้ค่ารักษาทรัพย์บ้างตามจำนวนเงินที่ศาลเห็นสมควร
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึดกับโจทก์ผู้นำยึดต่างโต้เถียงกันในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งยึดและมิได้ปรากฏว่ามีการรับรองกันในความข้อใด แม้ความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นคนกลางที่ใกล้ชิดกับความจริง ก็ไม่มีปรากฏในสำนวนจึงไม่มีข้อเท็จจริงประการใดในสำนวนเลยที่จะเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณว่า มากน้อยเพียงใดจึงจะเป็นจำนวนเงินที่สมควรเช่นนี้ ศาลต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในเรื่องค่ารักษาทรัพย์แล้วสั่งตามรูปคดี
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึดกับโจทก์ผู้นำยึดต่างโต้เถียงกันในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งยึดและมิได้ปรากฏว่ามีการรับรองกันในความข้อใด แม้ความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นคนกลางที่ใกล้ชิดกับความจริง ก็ไม่มีปรากฏในสำนวนจึงไม่มีข้อเท็จจริงประการใดในสำนวนเลยที่จะเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณว่า มากน้อยเพียงใดจึงจะเป็นจำนวนเงินที่สมควรเช่นนี้ ศาลต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในเรื่องค่ารักษาทรัพย์แล้วสั่งตามรูปคดี